บทที่ 1332 กระบี่หยางพิสุทธิ์

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

สี่ต่อสี่..นักบวชฝ่ายชางจิงกงใช้ค่ายกลพยัคฆ์ปราบมังกร ในขณะที่ฝ่ายหลิงหยุนใช้ค่ายกลสัตว์เทพทั้งสี่
  แม้หลิงหยุนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้แต่เขาก็ยังไม่รีบลงมือสังหารอีกฝ่ายนัก เพราะต้องการใช้านักบวชทั้งสี่เป็นคู่ฝึกวิชาของตน
  ถึงแม้หลิงหยุนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบแต่นักบวชฝ่ายชางจิงกงก็มีโอสถเขาหลงหู่ ทำให้เวลานี้พวกเขาแข็งแกร่งเทียบเท่ายอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับเจ็ดเลยทีเดียว อีกทั้งพวกเขายังมียันต์สำหรับปกป้องร่างกายด้วย เวลานี้ร่างของนักบวชทั้งสี่ล้วนมีแสงสีขาวส่องสว่างปกคลุมไปทั่วทั้งร่าง แม้แต่นักบวชเลี่ยหยางที่ถูกทำร้ายยังไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย!
  การต่อสู้ที่ดุเดือดนี้ผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีและต่างฝ่ายต่างก็ใช้พลังไปมาก แต่ด้วยฤทธิ์ของโอสถเขาหลงหู่ เหล่านักบวชทั้งสี่คนจึงยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดกำลังเลยแม้แต่น้อย
  หลิงหยุนเห็นแล้วก็ได้แต่นึกชมไม่แปลกเลยที่โอสถเขาหลงหู่จะมีราคาสูงถึง 35,000 แต้มของหน่วยนภา..
  “สับเปลี่ยน!”
  หลิงหยุนออกคำสั่งสับเปลี่ยนตำแหน่งค่ายกลทันทีจากนี้ไปเขาจะเป็นฝ่ายจู่โจม ส่วนหวังชงเซียวจะเป็นฝ่ายตั้งรับและคุ้มกันแทน!
  จากการประมือไปกว่ายี่สิบนาทีนั้นแม้หลิงหยุนจะเป็นฝ่ายตั้งรับเพื่อให้ที่เหลืออีกสามคนเป็นฝ่ายจู่โจม แม้เย่ซิงเฉินจะยังสามารถทำได้ดี แต่ดูเหมือนไป๋เซียนเอ๋อกับหวังชงเซียวเริ่มจะอ่อนกำลังลงมาก
  ที่เป็นเช่นนี้เพราะหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งกว่าทุกคนในที่นี้มากส่วนเย่ซิงเฉินเองก็เพียงแค่จู่โจมอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ยังไม่เคยถูกศัตรูจู่โจมเลยสักครั้ง ในขณะที่ไป๋เซียนเอ๋อกลับถูกนักบวชทั้งสี่มุ่งสังหารอยู่ตลอดเวลา ทำใหเ้วลานี้ความสามารถในการต้านทานและป้องกันตัวเองของไป๋เซียนเอ๋อลดลงเรื่อยๆ
  ส่วนหวังชงเซียวนั้นเวลาจู่โจมศัตรูก็ใช้พลังอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ทำให้ต้องสูญเสียพลังปราณภายในร่างกายไปมากและรวดเร็ว
  และทันทีที่เปลี่ยนแผนสิ่งแรกที่หลิงหยุนทำก็คือเปลี่ยนเป้าหมายการจู่โจมของวัตถุทั้งสาม..
  ส่วนกระบี่คู่มารสะบั้นเทวะของเย่ซิงเฉินก็เปลี่ยนจากไล่ล่านักบวชเลี่ยหยางมาเป็นปะทะเข้ากับกระบี่เหินของนักบวชเลี่ยเหลย และนักบวชเลี่ยหยางแทน
  ในขณะที่กระบี่เหินของหวังชงเซียวยังคงปะทะกับกระบี่เหินของนักบวชเลี่ยหู่อยู่นั้นหลิงหยุนก็ควบคุมให้กระบี่เหินเงาธนูของตนรับมือกับกระบี่เหินของนักบวชเลี่ยหู่ ส่วนกระบี่กังฉีและตราหยกจักรพรรดิ ก็เปลี่ยนไปไล่ตามร่างของนักบวชเลี่ยหยางเพื่อหมายสังหารแทน
  และถึงแม้ว่าหลิงหยุนจะปรับเปลี่ยนแผนการตั้งรับและโจมตีคู่ต่อสู้แต่เขาก็ยังคงพุ่งเป้าไปที่นักบวชเลี่ยหยางอยู่ดี!
  และนั่นทำให้นักบวชเลี่ยหยางเริ่มตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม!
  “ไปลงนรกได้แล้ว!”
  หลิงหยุนไม่ต้องการเสียเวลาอีกแล้วแม้เลี่ยหยางจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของไป๋เซียนเอ๋อกับเย่ซิงเฉินไปได้ แต่ก็ยากที่จะหลบหนีการไล่ล่าของตราหยกจักรพรรดิไปได้!
  เวลานี้ตราหยกจักรพรรดิได้ขยายใหญ่และกำลังลอยอยู่เหนือศรีษะของนักบวชเลี่ยหยาง พร้อมกับค่อยๆกดทับลงไปบนร่างของเขา!
  ในขณะที่นักบวชเลี่ยหยางกำลังหวาดผวาและพยายามที่จะหนีตราหยกจักรพรรดิซึ่งกำลังกดทับลงมานั้น กระบี่กังฉีของหลิงหยุนก็ปรากฏขึ้น และกำลังพุ่งเข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยหยาง  ในเสี้ยววินาทีแห่งอันตรายนั้นนักบวชเลี่ยหยางทำได้เพียงแค่ยกฝ่ามือขึ้นซัดพลังปราณออกไปเพื่อต้านกระบี่กังฉีที่พุ่งเข้ามานั้นไว้ ในขณะที่สมองก็ครุ่นคิดหาวิธีหลบหนี
  แต่แล้ววินาทีแห่งความน่าสะพรึงกลัวและหวาดผวาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง..เมื่อโซ่กังฉีปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุน และหางทั้งสี่ของไป๋เซียนเอ๋องอกออกจากร่าง ในวินาทีนั้นร่างของนักบวชเลี่ยหยางก็ถูกสะกัดกั้นไว้ทุกทิศทาง และไม่สามารถหลบไปหนีไปไหนได้อีก!
  จากนั้นกระแสวนหยิน–หยางก็พุ่งเข้าล้อมร่างของนักบวชเลี่ยหยางไว้อีกทีทำให้เขาไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวร่างกายได้ และหลิงหยุนก็ถือกระบี่โลหินแดนใต้พุ่งเข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยหยางทันที
  ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกระบี่ในมือของหลิงหยุนกระหน่ำฟันเข้าใส่แสงสีขาวที่ปกคลุมร่างของนักบวชเลี่ยหยางไว้จากด้านบน  “แย่แล้ว!”
  นักบวชเลี่ยหลงถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจและในวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น เขาก็ได้ยกฝ่ามือขึ้นพร้อมกับร้องตะโกนออกมาว่า “พลังหยางพิโรธ!”
  ในเสี้ยววินาทีวิกฤตินั้นเองนักบวชเลี่ยหลงก็ได้ใช้วิชาพลังหยางพิโรธที่มีชื่อเสียงของชางจิงกง และนักบวชเลี่ยหู่กับนักบวชเลี่ยเหลยก็ทำเช่นเดียวกัน เวลานี้จึงมีลูกไฟสีขาวที่อัดแน่นไปด้วยสายฟ้าขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอลปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของพวกเขาทั้งสามคน!
  ตูม!ตูม! ตูม!
  ลูกไฟสีขาวอัดแน่นไปด้วยสายฟ้าขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอลทั้งสามลูกพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
  หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นถึงกับยิ้มกริ่มเขาไม่เพียงไม่หลบ แต่ยังดูดเอาลูกไฟพลังหยางทั้งสามเข้าไปในจุดตันเถียนของตนอย่างรวดเร็ว และเวลานี้จุดตันเถียนของเขาก็มีสายฟ้าอยู่เต็มไปหมด!
  จากนั้นกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนก็ได้เปลี่ยนเป็นกระบี่เพลิงสายฟ้าในทันที เวลานี้มีอสุนีบาตสีทองและสีเงินปรากฏอยู่รอบกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนเต็มไปหมด
  “ไม่รอด!”
  เย่ชิงซิพึมพำออกมาทันทีภาพที่เห็นนี้ทำให้นางหวนนึกถึงเมื่อครั้งที่หลิงหยุนต่อสู้กับพญางูโอโรชิ เขาก็ใช้วิธีนี้สังหารพญางูขนาดยักษ์นั้นเช่นกัน!
  หลิงหยุนไม่รอช้าและฟาดฟันกระบี่เพลิงสายฟ้าเข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยหยางทันทีสามดาบ แสงสีขาวที่ปกคลุมร่างของนักบวชเลี่ยหยางค่อยๆจางคลายจนกระทั่งหายไปในที่สุด
  “ห๊ะ!”
  กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนฟาดเข้าใส่กลางศรีษะของนักบวชเลี่ยหยางที่ไร้พลังปกป้อง แล้วร่างของเขาก็ถูกหลิงหยุนฟันขาดแยกออกเป็นสองท่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า!
  โลหิตสีแดงพุ่งกระฉูดไปทั่วทั้งบริเวณและอวัยวะภายในก็ไหลออกมาจากร่างของนักบวชเลี่ยหยาง กระจายอยู่เต็มพื้นไปหมด!
  “เลี่ยหยาง!”
  นักบวชเลี่ยหลงร้องตะโกนออกมาอย่างเคียดแค้นเมื่อได้เห็นภาพการตายที่น่าสยดสยองของนักบวชเลี่ยหยางและร่างของนักบวชที่เหลือทั้งสามคนก็พุ่งเข้าใส่ร่างของไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกันอย่างรวดเร็ว หากไม่สามารถสังหารนางได้ในทันที อย่างน้อยก็ต้องทำให้นางบาดเจ็บสาหัส!
  “หึ!พวกเจ้ายังไม่ล้มเลิกความคิดอีกงั้นรึ”
  หลิงหยุนร้องตะโกนบอกพร้อมกับควบคุมตราหยกจักรพรรดิและกระบี่กังฉีให้พุ่งเข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยหู่และนักบวชเลี่ยเหลย ส่วนตัวเขานั้นถือกระบี่โลหิตแดนใต้พุ่งเข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยหลง!   ไป๋เซียนเอ๋อกระโดดหลบไปยืนข้างเย่ซิงเฉินและหวังชงเซียวจากนั้นทั้งสามคนก็กระโดดเข้าจู่โจมใส่นักบวชเลี่ยเหลยพร้อมกัน
  ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
  ลูกไฟจากหางทั้งสี่ของไป๋เซียนเอ๋อพุ่งเข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยเหลยอย่างรวดเร็วในขณะที่กระบี่คู่มารสะบั้นเทวะของเย่ซิงเฉินก็กระหน่ำฟันเข้าใส่ร่างที่มีแสงสีขาวปกคลุมของนักบวชเลี่ยเหลยไม่หยุดเช่นกัน และในที่สุดพลังหยางที่คุ้มกันร่างของนักบวชเลี่ยเหลยก็แตกสลาย
  บูม!ปัง! ตูม!
  และในวินาทีนั้นเองไป๋เซียนเอ๋อก็ใช้วิชาจิ้งจอกระเริงไฟซัดลูกไฟเข้าใส่ร่างที่ไร้เกราะป้องกันของนักบวชเลี่ยเหลยทันที ในขณะที่เย่ซิงเฉินยังคงใช้กระบี่คู่มารสะบั้นเทวะ ส่วนหวังชงเซียวก็ใช้หมัดปีศาจเถียนกัง
  เมื่อทั้งสามคนจู่โจมเข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยเหลยพร้อมกันเช่นนี้จึงเกิดเป็นภาพลูกไฟสีแดงขนาดใหญ่ กระบี่คู่รูปดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ กับแสงสีฟ้าจากพลังหมัด ต่างก็พุ่งเข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยเหลยพร้อมกันในคราวเดียว..
  ในขณะเดียวกันนั้นกระบี่กังฉีของหลิงหยุนและกระบี่คู่ของเย่ซิงเฉิน ก็พุ่งเข้าตัดศรีษะของนักบวชเลี่ยเหลยจนขาดสะบั้น และร่วงลงกับพื้นทันที!
  และเวลานี้..นักบวชทั้งสี่จากสำนักเขาหลงหู่ ก็ถูกฝ่ายหลิงหยุนสังหารตายไปแล้วถึงสองคน!
  จากนั้นหลิงหยุนก็ได้รับเรียกกระบี่เหินของนักบวชทั้งสองที่เพิ่งถูกสังหารตายเขาไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ของตนทันที!
  หลังจากที่สังหารนักบวชเลี่ยหยางกับนักบวชเลี่ยเหลยตายไปแล้วไป๋เซียนเอ๋อ เย่ซิงเฉิน และหวังชงเซียว ก็กระโดดเข้าไปช่วยหลิงหยุนล้อมร่างของนักบวชเลี่ยงหลงกับนักบวชเลี่ยหู่เอาไว้!
  “ช่วยกันสังหารเลี่ยหู่เสียก่อน!”   สิ้นคำพูดของหลิงหยุนอาวุธทั้งสามของหลิงหยุนรวมทั้งกระบี่คู่ของเย่ซิงเฉิน ก็พุ่งเข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยหู่ทันที!
  “เลี่ยหู่..ระวังตัวด้วย!”
  นักบวชเลี่ยหลงร้องเตือนนักบวชเลี่ยหู่ด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดใจอย่างมากทั้งเขาและนักบวชเลี่ยหู่ต่างก็ฝึกฝนวิชามาด้วยกันตั้งแต่เล็ก รักใคร่กันดั่งพี่น้อง พวกเขาทั้งคู่ฝึกฝนวิชาอย่างหนักกว่าจะสามารถเข้าสู่ขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับหกได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะต้องมาถูกหลิงหยุนสังหารตายอย่างง่ายดายเช่นนี้!
  “ใช้วิชาเวทย์!”
  นักบวชเลี่ยหลงร้องตะโกนบอกนักบวชเลี่ยหู่ด้วยดวงตาแดงก่ำและในที่สุดเขาก็ต้องใช้เวทย์มนต์ซึ่งเป็นวิชาสุดยอดของเหล่านักบวชชางจิงกง!
  วิชาเวทย์ของนักบวชฝ่ายชางจิงกงนั้นก็คล้ายๆกับเวทย์มนต์ที่ซือกงถูใช้อัญเชิญดวงวิญญาณของเทพอสูรมารทมิฬนั่นเอง เพียงแต่นักบวชฝ่ายชางจิงกงไม่ได้ใช้เวทย์มนต์อัญเชิญเทพแห่งมาร แต่ใช้อัญเชิญเซียนลงมาช่วยแทน..
  บูม!
  นักบวชเลี่ยหลงทำการเผาหยดเสินหยวนของตนทันทีในขณะที่ปากของเขาก็บริกรรมคาถาเพื่ออัญเชิญเซียนให้ลงมาปกป้องคุ้มครองตนเอง
  และในเวลานั้นแสงสว่างรอบตัวของนักบวชเลี่ยหลงก็ยิ่งเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้ามากขึ้น จนสว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ!
  “วิชาเวทย์งั้นรึ”
  หลิงหยุนเอ่ยขึ้นอย่างเหยียดหยัน“หึ.. คิดจะอัญเชิญเทพลงมาช่วยงั้นรึ อย่าได้ฝันไปเลย!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็เริ่มใช้วิชาหยางพิสุทธิ์และเวลานี้ร่างของเขาก็มีแสงสีขาวส่องสว่างออกมาเช่นกัน ร่างของหลิงหยุนตอนนี้ไม่ต่างจากดวงอาทิตย์ที่มีความร้อนแผ่ซ่านออกมาแสงสีขาวของหลิงหยุนนั้นเจิดจ้าจนผู้ที่อยู่ในบริเวณหุบเขาหลงเฟิงต่างก็แทบลืมตาไม่ได้!
  “สวรรค์!นั่นมันวิชาอะไรกัน”
  เย่เทียนสุ่ยและเย่เทียนตูที่กำลังจ้องมองหลิงหยุนถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง..
  ส่วนจางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะพวกเขาทั้งสองต่างก็รับรู้ได้ถึงอันตรายอย่างมากที่กำลังจะเกิดขึ้น
  ทุกคนที่อยู่ภายในหุบเขาต่างก็ต้องใช้มือป้องหน้าผากไว้เพื่อไม่ให้แสงสว่างสีขาวเจิดจ้าของหลิงหยุนนั้นสะท้อนเข้าดวงตาได้..
  และทันใดนั้นเองกระบี่หยางพิสุทธิ์ที่มีความยาวกว่าสิบเมตร และกว้างกว่าสองเมตร ก็ได้ปรากฏขึ้นในมือของหลงหยุน!