ตอนที่ 906 กระบี่เข้าใจเขามากกว่า

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าวกับเย่เฉิน “ถึงต่อให้ป้องกันไปก็ไร้ประโยชน์ สตรีผู้นั้นเป็นยอดฝีมือในการใช้พิษ ถึงต่อให้รวบรวมยอดฝีมือทั้งหมดของตระกูลเย่มาป้องกันก็ป้องกันนางเอาไว้ไม่อยู่หรอก”

มู่เฉียนซีนำใบสูตรยาออกมาใบหนึ่งแล้วกล่าว “จงหาสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ในใบสูตรยานี้ให้เจอภายในสามวัน ข้าต้องใช้ด่วน!”

แม้ฝีมือดั่งเย่เฉินในตอนนี้เองก็ไม่สามารถมองออกได้ว่าใบสูตรยานี้จะเป็นยาชนิดใด

วันรุ่งขึ้นกู้ไป๋อีก็ได้หายป่วยแล้ว และถัดไปอีกวันหนึ่งก็ฟื้นตัวเป็นปกติ

มู่เฉียนซีชักกระบี่ออกมาแล้วกล่าว “เสี่ยวไป๋ ไม่ได้ฝึกกระบี่กันมานานนักแล้ว ในเมื่อเจ้าฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะมาบีบคั้นเจ้าผู้เป็นอาจารย์!”

“ได้!” กู้ไป๋อีพยักหน้ากล่าวรับ

ทักษะกระบี่นั้นยังคงเหมือนเดิม แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับรู้สึกเหมือนมันขาดอะไรไปบางอย่าง

มันขาดความแข็งกร้าวและเย็นยะเยือกไร้ความรู้สึกนั้นไป มู่เฉียนซีได้หยุดมือลงแล้วกล่าว “เสี่ยวไป๋ ให้ข้าดูหน่อยสิว่าเจ้าฟื้นฟูดีขึ้นมาแล้วหรือไม่กันแน่?”

เมื่อมู่เฉียนซีตรวจดูแล้วก็กล่าวขึ้น “ร่างกายมิได้มีปัญหาอะไรแล้ว แต่บางทีอาจจะเหนื่อยล้ามากไปหน่อย วันนี้จะปล่อยเจ้าไปก่อน! เจ้าไปพักผ่อนเถอะ!”

“อื้ม!”

กระบี่ถูกเก็บเข้าฝักไป กู้ไป๋อีได้ถือกระบี่กลับไปอย่างเงียบ ๆ

เขามองกระบี่ด้วยอาการเหม่อลอยอยู่บ้าง เขาไม่เข้าใจตัวของเขาเอง แต่ทว่ากระบี่กลับเข้าใจเขามากกว่า

เขาไม่สามารถใช้ปราณกระบี่ที่ร้ายกาจเช่นนั้นกับนางได้อีก ในครั้งนี้มิได้ถูกสังเกตพบ เช่นนั้นแล้วครั้งหน้าเล่า!

เขาไม่เข้าใจสาวน้อยผู้นี้ ดังนั้นแล้วจึงไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ว่านางจะทำเช่นไร จึงจำต้องเรียนรู้ที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกของตนเองเอาไว้

เย่เฉินใช้เวลาไปสองวันก็หาสมุนไพรวิญญาณที่มู่เฉียนซีต้องการได้จนครบ ดังนั้นแล้วมู่เฉียนซีจึงได้หันหัวกลับมุ่งเข้าไปในห้องปรุงยา

เมื่อกู้ไป๋อีปรับอารมณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เตรียมที่จะไปหามู่เฉียนซีเพื่อฝึกกระบี่แต่กลับพบว่ามู่เฉียนซีเข้าไปในห้องปรุงยาและยังมิได้ออกมาเลย

กู้ไป๋อีถามขึ้น “เย่เฉิน คุณหนูใหญ่กำลังปรุงยาอะไร?”

เย่เฉินตอบ “ข้าเองก็ไม่รู้ ตั้งแต่ตอนที่ท่านกู้ต้องพิษเข้าไป นายท่านก็ให้ข้าไปหาสมุนไพรวิญญาณมากลุ่มหนึ่ง ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่านายท่านจะทำอะไร”

การสกัดยาในครั้งนี้ มู่เฉียนซีได้นำหม้อวิญญาณนิรันดร์ออกมา

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงต่ำ “นิรันดร์ คราวนี้พวกเราจะมือหลุดจากกันไม่ได้ จะต้องไม่ผิดพลาด!”

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่นิรันดร์ได้สกัดยากระดูกมังกรก็ได้ตกอยู่ในภาวะหลับใหล แน่นอนว่ามันจึงไม่สามารถตอบมู่เฉียนซีได้

ปัง!

ในที่สุดก็ล้มเหลวเสียจนได้

เมื่อได้ยินเสียงระเบิดขึ้น กู้ไป๋อีก็พุ่งเข้าไปในห้องปรุงยา

เขากล่าวขึ้นด้วยความกังวล “คุณหนูใหญ่ ไม่เป็นไรกระมัง!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่เป็นไร ก็เพียงแค่สกัดยาล้มเหลวก็เท่านั้น!”

มู่เฉียนซีถอนหายใจแล้วกล่าวต่อ “พลังวิญญาณไม่ได้ มันยังไม่เพียงพอ!”

มู่เฉียนซีมองไปทางกู้ไป๋อีแล้วกล่าว “เสี่ยวไป๋ ถึงแม้ว่าในตอนแรกนั้นข้าจะไม่ชอบขี้หน้าเจ้าเป็นอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะแทงซ้ำเข้าไปในตอนที่เจ้ากำลังบาดเจ็บหนักให้เจ้าตายไวขึ้นอีกหน่อย แต่เมื่อได้สนิทกันขึ้นมาแล้ว ข้าก็พบว่าถึงแม้เจ้าเย็นชา แต่เจ้ามีหัวใจที่แข็งแกร่งในวิถีแห่งยุทธ์ยิ่งนัก ช่างน่านับถือเสียจริง!”

แข็งแกร่งเหรอ? มาวันนี้มันแทบจะแหลกสลายแล้ว เขามิได้แข็งแกร่งเหมือนดั่งที่นางคิดเอาไว้ สายตาของกู้ไป๋อีสะท้อนแววหม่นหมองออกมา

“เจ้าชี้ให้ข้าเห็นถึงจุดบกพร่อง และสอนทักษะกระบี่ให้ข้าโดยที่ไม่หวงวิชาเลยแม้แต่น้อย สำหรับข้าแล้วเจ้าเป็นทั้งมิตรสหายและอาจารย์ เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่ให้สตรีผู้นั้นมาแตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายขน ถึงแม้ว่าหลังจากนี้ไปเจ้าจะเป็นศัตรูกับข้า ก็จะมีแต่ข้าเท่านั้นที่ทำร้ายเจ้าได้ ส่วนผู้อื่นนั้นจะทำมิได้!”

“ถึงต่อให้เจ้าเป็นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ขั้นที่เก้าเต็มขั้นแล้วยังไง? ข้าจะไม่แพ้ให้แก่เจ้าหรอก” ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีที่กำลังกล่าวอยู่กับกู้ไป๋อี ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนนางกำลังพึมพำกับตนเองด้วยเช่นกัน

กู้ไป๋อีไม่เข้าใจคำพูดของมู่เฉียนซี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินสาวน้อยผู้นี้กล่าวอย่างจริงจัง

มู่เฉียนซีได้กลืนยาโชคลาภตี้หลินลงไป นี่เป็นยาที่เอาไว้เพิ่มพลังความสามารถในช่วงเวลาที่อันตราย แต่ทว่าตอนนี้มู่เฉียนซีได้กลับนำมันมาใช้เพื่อปรุงยา

กู้ไป๋อีพบว่าพลังความสามารถของมู่เฉียนซีเพิ่มขึ้นไปถึงระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งในชั่วพริบตา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก “คุณหนูใหญ่กำลังทำอะไร? ทำไมถึงฝืนบังคับเพิ่มพลังขึ้นมามากมายเช่นนี้?”

การกินยาเพื่อเพิ่มพลังความสามารถนั้นมีผลเสียหายต่อพรสวรรค์ติดตัว!

พรสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้เขามิอาจยอมให้มันมีรอยด่างพร้อยใด ๆ ได้

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเป็นนักปรุงยาผู้หนึ่ง ข้าเข้าใจในโอสถมากกว่าเจ้า ดังนั้นแล้วข้าจะไม่เอาชีวิตของตัวเองมาล้อเล่นอย่างแน่นอน ต่อไปภายหน้าข้าจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่าเจ้าอีกเสี่ยวไป๋”

มู่เฉียนซีได้เริ่มปรุงยาอีกครั้งหนึ่ง สมุนไพรวิญญาณนั้นมีแค่เพียงสามชุด ดังนั้นแล้วจึงไม่อาจที่จะยอมให้ตนเองล้มเหลวได้

นี่เป็นครั้งแรกที่กู้ไป๋อีได้เห็นมู่เฉียนซีปรุงยา ในที่สุดเขาก็ได้รู้แล้วว่าทำไมนางถึงได้ดื้อรั้นที่จะปรุงยาและไม่ยอมฝึกบำเพ็ญจนเป็นผู้แข็งแกร่ง

เพราะนางที่กำลังทุ่มทั้งกายและใจปรุงยานั้นช่างน่าสะดุดตาเช่นนี้!

ปัง!

หม้อยาได้ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง

ปัง!

อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากมู่เฉียนซี นางได้ถีบเข้าไปที่ยอดแห่งหม้อทั้งปวง หม้อนิรันดร์

“นิรันดร์ เจ้าบัดซบ เจ้าแน่ใจนะว่าสูตรยาที่เจ้าให้ข้าไม่มีปัญหา?”

“อะแฮ่ม! นายท่านใจเย็น ๆ ในตอนที่ผู้เป็นนายข้าวิจัยสูตรยานี้พอดีว่าได้มีนัดกับสตรีรูปงาม ดังนั้นแล้วจึงมิได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน หลังจากนั้นก็ไม่มีเวลาที่จะไปทดสอบอีก เช่นนั้นแล้วสูตรยาสูตรนี้จึงมีความด่างพร้อยอยู่บ้าง ท่าน….ท่านอย่าได้เดือดดาลไป….” ชิงมู่กล่าวโน้มน้าว

สีหน้าของมู่เฉียนซีหมองคล้ำ “เจ้าหมอนี่วัน ๆ เอาแต่คิดเรื่องสาวงาม พึ่งพาไม่ได้จริง ๆ ด้วย สูตรยานี้….”

“ไร้ประโยชน์!”

ในตอนนี้มู่เฉียนซีได้เข้าไปอยู่ในโลกของตนเองเป็นที่เรียบร้อยและลืมไปว่ายังมีกู้ไป๋อีอยู่ด้านข้าง

“มียาเม็ดแค่เพียงชุดเดียวเท่านั้น ทำเช่นไรถึงจะเปลี่ยนจากไร้ประโยชน์ให้กลายเป็นมีประโยชน์ได้ แล้วก็…..”

การทุ่มเทเช่นนี้ ถึงต่อให้เขาทุ่มเทไปในการฝึกฝนก็มิอาจที่จะเทียบได้

ความดื้อรั้นเช่นนี้ช่างทำให้ผู้คนหลงใหล!

มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนี้ทำได้เพียงแต่รวมเข้าด้วยกันแล้ว”

“ชิงมู่ ออกมาเถอะ!”

มู่เฉียนซีได้อัญเชิญชิงมู่ออกมาพร้อมกับสมุนไพรวิญญาณที่ใช้สำหรับการสกัดยาหนึ่งชุด และก็ได้นำชุดสมุนไพรอื่นออกมาอีกชุดหนึ่ง!

อีกมือหนึ่งของนางสกัดยาเม็ด อีกมือหนึ่งของนางปรุงยาน้ำ!

กู้ไป๋อีในตอนนี้เบิกตากว้างโพลงด้วยความตกตะลึงเมื่อได้เห็นฉากนี้

จับปลาสองมือ!

ถึงแม้ว่าเขาจะมิได้เป็นนักปรุงยาแต่ก็รู้ว่าเวลาที่นักปรุงยากำลังปรุงยานั้นจะต้องทุ่มเททั้งกายและใจเข้าไป

แต่ตอนนี้…

เขากลับเห็นคนผู้หนึ่งจับปลาสองมือ ปรุงยาสองชนิดในเวลาเดียวกัน

“เร็ว! ต้องเร็วเข้า!”

มู่เฉียนซีรู้สึกว่าฤทธิ์ยาของยาโชคลาภตี้หลินกำลังจะหมดสิ้นแล้ว ทันทีที่พลังวิญญาณในภายหลังไม่เพียงพอ มันก็จะล้มเหลว!

นางปรุงยาแข่งกับเวลา รู้ว่าพลังวิญญาณนั้นกำลังลดน้อยลง ยาเม็ดสีขาวเม็ดหนึ่งกับยาน้ำสีขาวน้ำนมอีกหม้อหนึ่งได้ทำออกมาเสร็จสิ้นแล้ว

พลังความแข็งแกร่งของนางถอยกลับไปอยู่ที่ระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สามดังเดิม!

พลังสมาธิได้ถูกดึงไปใช้หมดสิ้นโดยสมบูรณ์!

มู่เฉียนซีแทบจะล้มทิ้งตัวลงไปทั้งตัว กู้ไป๋อีจึงรีบประคองตัวนางเอาไว้

ในตอนนี้เองได้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเมฆและลมที่อยู่ด้านบนจวนตระกูลเย่

เย่เฉินตะลึงค้าง “กำเนิดยาขั้นสวรรค์ เมฆลมจะแปรเปลี่ยน”

“ที่ตระกูลเย่ของพวกเรามีผู้สกัดยาเม็ดขั้นสวรรค์ออกมา เป็น…เป็นนายท่าน….”

เย่เฉินออกคำสั่งอย่างรีบร้อน “ป้องกันจวนตระกูเย่ อย่าได้ให้ใครบุกเข้ามาได้”

กำเนิดยาขั้นสวรรค์ เมฆลมจะแปรเปลี่ยน

กู้ไป๋อีเองก็มองหญิงสาวตรงหน้าที่กินยาเม็ดเพื่อฟื้นฟูพลังเป็นยกใหญ่อย่างตะลึงงัน นางได้สกัดยาเม็ดขั้นสวรรค์ออกมา

หากมีผู้รู้ว่าเด็กสาวอายุสิบหกปีสกัดยาเม็ดขั้นสวรรค์ออกมาได้จะต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน ยากยิ่งนักที่จะเชื่อ