มู่เฉียนซีไม่สนว่าการปรากฏขึ้นของยาขั้นสวรรค์นี้จะดึงดูดความตกใจของผู้คนมากมายเพียงใด นางยื่นยาเม็ดนั้นให้กับกู้ไป๋อี

นางกล่าวกับกู้ไป๋อีว่า “รีบกินเถอะ ไม่แน่เดี๋ยวอาจจะมีคนแย่งไป ตอนนี้ข้าไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้แล้วนะ”

กู้ไป๋อีกลับไม่รับไว้ “ยาขั้นสวรรค์ ข้ารับไว้ไม่ได้!”

“เจ้าสอนทักษะกระบี่ให้ข้า มันเทียบกับยาขั้นสวรรค์เม็ดนี้ไม่ได้หรอก ที่เจ้าไม่กินก็เพราะเจ้าอยากจะให้ข้าป้อนให้ใช่ไหมล่ะ?” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วพลางกล่าว

“อีกอย่าง ยานี่ข้าก็ใช้ไม่ได้ หากเจ้าไม่กิน แล้วข้าจะต้องทรมานหลอมยาเม็ดนี้ออกมาด้วยเหตุใดกัน”

“คุณหนูใหญ่ตั้งใจหลอมมันให้ข้าอย่างนั้นเหรอ?” กู้ไป๋อีกล่าวถาม

“ใช่!” มู่เฉียนซีพยักหน้า

“ข้ากินก็ได้!”

กู้ไป๋อีกินเข้าไปโดยที่ไม่ได้ถามถึงประโยชน์ของยาเม็ดนี้แต่อย่างใด

“แล้วยาน้ำนั่น เจ้านอนแช่เป็นเวลาหนึ่งวัน อย่าได้แอบขี้เกียจเชียวล่ะ แช่เสร็จก็มาหาข้า!”

มู่เฉียนซีเหนื่อยล้าเล็กน้อยจึงกลับไปพักผ่อนที่ห้อง

“อู๋ตี้ เสี่ยวหง ไปหาเย่เฉิน หากใครกล้าบุกเข้ามาในจวนตระกูลเย่ก็จัดการมันได้เลย!”

มีคนประหลาดใจเรื่องการปรากฏขึ้นของยาขั้นสวรรค์แน่นอน ทว่า ภายใต้การโจมตีที่น่ากลัวของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่แล้ว คงไม่มีผู้ใดสามารถมีชีวิตรอดที่จะย่างกรายเข้ามาในจวนตระกูลเย่เด็ดขาด

มู่เฉียนซีพักผ่อนไปหนึ่งวัน ส่วนกู้ไป๋อีก็นอนแช่ยาสีขาวน้ำนมนั้นเป็นเวลาหนึ่งวัน หนึ่งวันผ่านไป เขาก็ไปหามู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีเรียกเขา “เสี่ยวไป๋ เข้ามานั่งสิ”

กู้ไป๋อีเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ มู่เฉียนซี มู่เฉียนซีเอายาออกมาชุดหนึ่งและกล่าวว่า “เลือกชิมดูสิ!”

น้ำเสียงนี้ดูเหมือนว่าให้เลือกชิมขนมก็มิปาน

ทว่า ทันทีที่เย่เฉินเดินเข้ามาเห็นเม็ดยาชุดนั้นเขาก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น!

“นายท่าน……นี่นายท่านจะทำสิ่งใด……ท่าน……”

แต่กู้ไป๋อีหยิบยาที่วางอยู่ตรงหน้าออกมาเม็ดหนึ่งด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ และเตรียมจะกิน!

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เจ้าจะไม่ถามข้าหน่อยเหรอว่านี่เป็นยาอะไร เจ้าไม่กลัวว่ามันจะเป็นยาพิษเหรอ?”

เย่เฉินก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก นี่เป็นยาพิษชนิดรุนแรง เป็นยาพิษที่มีพิษร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง!

นายท่านดีกับท่านผู้ยิ่งใหญ่กู้มาโดยตลอดไม่ใช่หรอกเหรอ เหตุใดตอนนี้ถึงได้ส่งให้ท่านผู้ยิ่งใหญ่กู้ไปตายได้เล่า

“หากคุณหนูใหญ่อยากจะวางยาพิษทำร้ายข้า เมื่อวานก็คงจะไม่ทุ่มเทกายใจหลอมยาขั้นสวรรค์ออกมาให้ข้าโดยเฉพาะหรอก”

กู้ไป๋อีกลืนยาพิษนั้นเข้าไปด้วยท่าทีที่ไร้อารมณ์และความรู้สึก

นึกไม่ถึงว่าจะกินเข้าไปจริง ๆ เย่เฉินตกตะลึงพรึงเพริดเป็นอย่างยิ่ง!

เขารีบกล่าวขึ้นว่า “นายท่าน นายท่านกับท่านผู้ยิ่งใหญ่กู้เข้าใจสิ่งใดผิดไปหรือไม่!”

“นี่……นายท่านรีบให้ท่านผู้ยิ่งใหญ่กู้ถุยยาพิษออกมาเร็วเข้า……นี่มันเป็น……”

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ายืนดูอยู่ข้าง ๆ ก็พอแล้ว”

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ผ่านไปสองก้านธูป ดูเหมือนว่ากู้ไป๋อีจะไม่เป็นอะไรเลย

เย่เฉินกล่าว “นี่ไม่ใช่ยาพญามัจจุราชที่มีพิษร้ายแรงหรอกเหรอ หรือว่าข้าดูผิดไป เป็นไปไม่ได้!”

เขาเป็นถึงนายน้อยแห่งตระกูลเย่ หนึ่งในสามตระกูลยาโบราณ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมองพลาดไป

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เสี่ยวไป๋ หากเจ้าไม่กลัวความเจ็บปวดแล้วล่ะก็ กินมันเข้าไปทั้งหมดสิ”

กู้ไป๋อีไม่ใช่ผู้ที่กลัวความเจ็บปวดอยู่แล้ว ภายในชั่วพริบตาเดียวเขาก็ได้กินยาพิษที่มีพิษร้ายแรงเหล่านี้เข้าไปทั้งหมด แต่เขาก็ยังไม่เป็นอะไร!

เย่เฉินรู้สึกว่าตนเองกำลังฝันไป “นายท่าน นี่มันเกิดอันใดขึ้น หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเม็ดยาขั้นสวรรค์เมื่อวาน”

ดวงตาของกู้ไป๋อียังคงมองมู่เฉียนซีอย่างเย็นชา มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าเคยได้ยินยาพิษสวรรค์หรือไม่?”

เย่เฉินกล่าว “ยาพิษสวรรค์ เป็นยาโบราณในตำนาน ถึงแม้ว่าชื่อของมันจะมีคำว่าพิษ แต่นี่ไม่ใช่ยาพิษ ผู้ที่ใช้ยานี้ ไม่ว่าพิษชนิดใดก็ไม่อาจทำอะไรได้”

“ข้าก็คิดว่ามันมีแค่ตำนานเท่านั้น คิดไม่ถึงว่ามันจะมีอยู่จริง ๆ!” เขาพึมพำกับตัวเอง

มู่เฉียนซีส่ายหน้าก่อนจะกล่าวว่า “นี่เป็นแค่ตำนาน สูตรยามีปัญหา ข้าหลอมยาพิษสวรรค์ออกมาไม่ได้ แต่มียาน้ำที่ร่วมด้วย มันจึงสามารถเกิดผลเช่นนั้นได้”

กู้ไป๋อีตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น ยาโบราณในตำนาน นับจากนี้ต่อไป ดูเหมือนว่าจะไม่มีพิษใดมาทำอะไรเขาได้

“พลังความแข็งแกร่งของข้า คุณหนูใหญ่ก็รู้ดี คุณหนูใหญ่ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” กู้ไป๋อีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับสั่นเครือเล็กน้อย

“ในใจของเจ้ามีแต่การฝึกฝน จิตใจมนุษย์นั้นชั่วร้ายยากที่จะหยั่งรู้ได้ พลังความแข็งแกร่งไม่ใช่ทุกอย่าง หากผู้ที่มีพลังความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเจ้าใช้พิษลอบฆ่าเจ้า เช่นนั้น เจ้าต้องตายเป็นแน่”

“ในดินแดนสี่ทิศมียอดฝีมือเช่นเดียวกันกับเจ้า อย่างเช่นผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักเป่ยหานกับหัวหน้าตำหนักนั่น พวกเขาไม่ใช่คนดีอะไร ต่อไปหากเจ้าได้เผชิญหน้ากับพวกเขาก็ต้องระวังตัวสักหน่อย”

ใบหน้าของกู้ไป๋อีแข็งทื่อไป นึกไม่ถึงว่านางจะมองตำหนักเป่ยหานเช่นนี้

มู่เฉียนซีก็เพียงแค่เตือนกู้ไป๋อีเท่านั้น เขาอยู่ในตำหนักเป่ยหานแต่กลับไม่รู้ถึงธาตุแท้ของคนเหล่านั้นเลย

มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าว “การทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะหลอมยาพิษสวรรค์ออกมาได้ไม่สมบูรณ์ แต่ก็นับว่าสำเร็จแล้ว หากนังอสรพิษนั่นกล้ามาบังคับขู่เข็ญอีกก็คอยดูก็แล้วกัน!”

กู้ไป๋อีมองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “คุณหนูใหญ่ ขอบคุณมาก!”

“ขอบคุณ?” ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะไม่พอใจ

กู้ไป๋อีกล่าว “ไม่ใช่ขอบคุณยาของคุณหนูใหญ่ แต่ขอบคุณคุณหนูใหญ่ที่เป็นห่วงข้า”

มู่เฉียนซีกล่าว “เผื่อเวลาที่เจ้าโดนพิษแล้วข้าไม่ว่างอย่างไรล่ะ ข้าคิดว่านี้เป็นทางที่ดีที่สุด”

“อีกอย่างความรู้สึกที่ได้หลอมยาขั้นสวรรค์ออกมาในครั้งนี้ มันยอดเยี่ยมมาก ข้าจะต้องรีบฝึกบำเพ็ญให้ถึงขั้นมหาจักรพรรดิโดยเร็ว เพื่อหลอมยาขั้นสวรรค์ออกมาให้ได้!” มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

หัวใจในการรักการหลอมยานั้นมีความกระตือรือร้นมากกว่าการฝึกบำเพ็ญเสียอีก

แววตาเปล่งประกายดุจดั่งดวงดาราทำให้คนไม่อาจละสายตาได้ นางผู้มีความสามารถเช่นนี้หากไม่ได้เป็นนักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

หากนางมีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่สามารถทำให้นางมีพลังธาตุอัคคีได้ เช่นนั้นนางก็เข้าใกล้เป้าหมายของนางมากยิ่งขึ้น

หากพลังความแข็งแกร่งของเขาฟื้นฟูกลับมา เขาจะต้องส่งคนออกไปตามหาแน่นอน

ต่อให้เขาเอาอำนาจส่วนตัวมาใช้ในทางที่ผิด เป็นศัตรูกับตำหนักตงจี๋ไปจนตาย เขาก็ไม่มีทางล้มเลิกแน่นอน

เพราะนางนั้นดีกับเขาอย่างจริงใจ เพราะนางมีความรักในการปรุงยาโดยที่ไม่สนเรื่องอื่นใด

มู่เฉียนซีกล่าว “นังอสรพิษนั่นมาในช่วงเวลาที่บังเอิญเกินไปแล้ว ข้าสงสัยว่านางมีความเกี่ยวข้องกับเมืองเหลย พวกเจ้าเตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”

เย่เฉินกล่าว “เตรียมพร้อมแล้ว พวกเราลงมือกับเมืองเหลยได้ทุกเมื่อ”

“เช่นนั้นก็ออกเดินทางพรุ่งนี้!”

“ขอรับ!”

วันต่อมา เย่เฉินได้นำกำลังคนเตรียมจะลงมือกับเมืองเหลย

เมื่อท่านเจ้าเมืองเหยียนรู้ข่าว เขาก็กล่าวว่า “ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?”

ถึงอย่างไรเสียตระกูลเย่ก็เป็นเพียงแค่กองกำลังครึ่งระดับ รับมือกับกองกำลังระดับหนึ่งอย่างเมืองเหลยนั้น โอกาสที่จะชนะมีไม่มากนัก

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ท่านเจ้าเมือเหยียน ท่านอย่าได้เป็นห่วงความปลอดภัยของลูกเขยในอนาคตของท่านเลย ท่านแค่เฝ้าอยู่ที่เมืองเหยียนให้ดี อย่าให้มีใครฉวยโอกาสเข้ามาได้ก็พอแล้ว”

ท่านเจ้าเมืองเหยียนกล่าว “ลูกเขยในอนาคต ข้ายังไม่ได้ยอมรับเจ้านี่สักหน่อย ในเมื่อพวกเจ้ามีความมั่นใจ ข้าก็พร้อมที่จะส่งเสริมทุกเมื่อ พวกเจ้าระวังตัวด้วย”

เย่เฉินกล่าว “ออกเดินทาง!”

พวกเขาเดินทางออกจากเมืองเหยียนอย่างทรงพลัง หลังจากที่มาถึงเมืองเหลย พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องโจมตีเมืองแต่อย่างใด ประตูเมืองก็ถูกเปิดขึ้น เย่เฉินและพวกตกใจนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง พวกคนเมืองเหลยคิดจะทำสิ่งใดกันแน่