สัตว์ร้อยพิษกัดเจ้านายของมันเอง นี่มันเกิดอันใดขึ้น?
ทุกคนต่างตกตะลึง
ราชาเฮยซาหู่กุมนิ้วมือตนเองพลางถอยหลังไปสองก้าว สัตว์ร้อยพิษตัวนั้นกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของซูจิ่นซีและมองราชาเฮยซาหู่ด้วยสายตายั่วยุ
ฮ่า ฮ่า ภาพเหตุการณ์นี้ ช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก
ผ่านไปครู่หนึ่ง ราชาเฮยซาหู่เงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าขมขื่น และชี้ไปยังสัตว์ร้อยพิษที่หมอบอยู่บนไหล่ของซูจิ่นซี “เจ้า… เจ้าหมาป่าตาขาว เจ้ากล้ากัดข้าหรือ… เจ้ามันเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ ! ”
มันเป็นสัตว์พิษ ไม่ใช่หมาป่า!
อะแฮ่ม อะแฮ่ม…
ซูจิ่นซีกระแอมเบาๆ สองครั้ง “เอ่อ… ราชาเฮยซาหู่ สัตว์ร้อยพิษตัวนี้ดูเหมือนจะถูกชะตากับข้า! ”
ความหมายของซูจิ่นซีนั้นชัดเจนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ราชาเฮยซาหู่ถูกสัตว์ร้อยพิษกัด เขาคงไม่มีหน้าขอสัตว์ร้อยพิษตัวนี้กลับคืนไปอีกแล้ว
แม้หัวใจจะทุกข์ระทมเพียงใด ทว่าเขายังกัดฟันพูดตัดสัมพันธ์ “ในเมื่อมันถูกชะตากับพระชายาโยวอ๋อง เช่นนั้น สัตว์ร้อยพิษตัวนี้ ข้าขอมอบให้พระชายาโยวอ๋อง”
หลังจากพูดจบ ดวงตาสดใสที่เต็มไปด้วยความหวังก็จ้องไปทางซูจิ่นซี
เรื่องสำคัญตอนนี้คือยาถอนพิษ!
ยาถอนพิษ!
ตอนนี้เขายังไม่ได้รับยาถอนพิษแม้แต่น้อย
หลังจากวุ่นวายเป็นเวลานาน ในที่สุด ซูจิ่นซีก็ยอมรามือ
“ในเมื่อราชาเฮยซาหู่จริงใจเช่นนี้ ข้าก็จะมอบยาถอนพิษให้เจ้า”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของซูจิ่นซี ความหวังก็ปรากฏบนใบหน้าของราชาเฮยซาหู่ ทว่าไม่นานนัก ซูจิ่นซีก็เอ่ยคำพูดที่โหดเหี้ยมกับเขา
“แต่ข้ามีเงื่อนไข! ”
ยังมีเงื่อนไขอีกหรือ?
“ข้าจะให้ยาถอนพิษเจ้าครึ่งเม็ดก่อน มันสามารถบรรเทาความเจ็บปวดได้ชั่วคราวและชะลอความเร็วของการกัดกร่อนกระดูกและเนื้อ หลังจากสามวันให้หลัง รอจนราชาเฮยซาหู่กลับถึงโลกเขตแดน ข้าจะส่งคนไปมอบยาอีกครึ่งเม็ดให้เจ้ากับมือ”
ซูจิ่นซีทำเพื่อให้แน่ใจถึงความปลอดภัย
อย่ามองว่าราชาเฮยซาหู่ในตอนนี้เชื่อฟังเหมือนเด็กเล็ก ที่เขายอมโอนอ่อนผ่อนตามทั้งหมดก็เพื่อยาถอนพิษ
ผู้ใดจะรู้ เมื่อเขาได้ยาถอนพิษและไม่มีอันใดยับยั้งเขาได้ เขาอาจคิดแผนชั่วขึ้นมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เหตุผลนี้ ราชาเฮยซาหู่เข้าใจเป็นอย่างดี
แม้เขาจะไม่เต็มใจนัก ทว่าเขายังกัดฟันพูด “ตกลงกันตามนี้ ทว่าพระชายาโยวอ๋อง ยาถอนพิษของเจ้าดีเพียงใด? นอกจากนั้น คนของเจ้าต้องรีบไปส่งยาด้วย อย่าไปส่งตอนที่ข้าตายไปแล้วเล่า”
ซูจิ่นซีหัวเราะครู่หนึ่ง ทันทีที่พลิกฝ่ามือ ขวดยาก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือของนางหนึ่งขวด ก่อนที่นางจะโยนให้ราชาเฮยซาหู่
“ราชาเฮยซาหู่ เจ้าวางใจได้ ขอเพียงเจ้าเป็นคนสัตย์ซื่อเพียงพอ คนอย่างข้าย่อมคู่ควรต่อความไว้วางใจแน่นอน”
ราชาเฮยซาหู่เปิดฝาขวดและกินยาครึ่งเม็ดโดยไม่ลังเล
จากนั้นจึงส่งสัญญาณพาลูกน้องถอยทัพกลับด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ก่อนจากไป เขาไม่ลืมมองไปยังบุรุษที่สวมชุดลายใบไผ่สีเขียวด้วยแววตาโกรธเคือง
เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์วันนี้ที่ได้พบซูจิ่นซีนั้นอยู่นอกเหนือความคาดหมาย หากวันหน้าได้พบกันอีก ราชาเฮยซาหู่จะไม่ปล่อยบุรุษผู้นี้ไปแน่นอน
อย่างไรก็ตาม บุรุษผู้นี้ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย แววตาแข็งกร้าวของเขาสบสายตายั่วยุของราชาเฮยซาหู่อย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ
ทว่าทันทีที่ราชาเฮยซาหู่เดินไปได้สองก้าว ซูจิ่นซีก็เรียกเขาให้หยุด
“โอ้ จริงสิ ราชาเฮยซาหู่โปรดรอก่อน! ”
ราชาเฮยซาหู่รู้สึกไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าซูจิ่นซีเรียกเขาอย่างกะทันหันครั้งนี้เพราะต้องการอันใดกันแน่? หรือว่านางเปลี่ยนใจ คิดจะมอบยาถอนพิษอีกครึ่งเม็ดที่เหลือให้เขาตอนนี้? หรืออาจคืนคำ ไม่ยอมมอบยาถอนพิษให้เขาแล้ว?
ขณะที่ราชาเฮยซาหู่กำลังสับสน รอยยิ้มสดใสก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของซูจิ่นซี “ดูเหมือนราชาเฮยซาหู่จะลืมเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง”
ราชาเฮยซาหู่ขมวดคิ้ว “ไม่ทราบว่าพระชายาโยวอ๋องหมายความว่าอย่างไร? ”
ซูจิ่นซีชี้ไปที่อกเสื้อของราชาเฮยซาหู่ “ศิลาโยวหมิงและผลมะเดื่อ เจ้ามอบให้ข้าแล้ว เจ้านำกลับไปด้วยคงไม่เหมาะกระมัง? ”
เอ่อ… ราชาเฮยซาหู่ชะงักงัน
พระชายาโยวอ๋องบอกว่าไม่สนใจสองสิ่งนี้ไม่ใช่หรือ?
เขาพูดเมื่อไรว่าจะ… มอบให้นาง?
เอ่อ… ก็ได้!
เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียด ดูเหมือนพระชายาโยวอ๋องไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่านางไม่สนใจ และเขาก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้!
อย่างไรก็ตาม พระชายาโยวอ๋องผู้นี้… ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก…
ได้สัตว์ร้อยพิษไปแล้ว ทว่ายังต้องการผลมะเดื่อกับศิลาโยวหมิงอีก
แม้จะตัดใจไม่ได้ ทว่าราชาเฮยซาหู่ยังคงมอบผลมะเดื่อและศิลาโยวหมิงให้ซูจิ่นซี
เวลานี้ ทหารในค่ายทหารแคว้นหนานหลีต่างมองกงจู่ของพวกเขาด้วยสายตาชื่นชม
เมื่อราชาเฮยซาหู่จากไป ซูจิ่นซีจึงสั่งให้ทหารทั้งหมดถอยทัพกลับค่ายทหาร
“โอ้… ฉางอันกงจู่เก่งกาจยิ่งใหญ่… ”
“ฉางอันกงจู่เก่งกาจยิ่งใหญ่… ”
“ฉางอันกงจู่เก่งกาจยิ่งใหญ่… ”
เหล่าทหารหลีกทางให้โดยอัตโนมัติและกล่าวสรรเสริญซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีมีท่าทีสงบนิ่งไม่ตื่นตระหนก นางจับมือเยี่ยโยวเหยาและเตรียมกลับไปที่กระโจม
“พระชายาโยวอ๋อง โปรดรอก่อน! ” เสียงของบุรุษแปลกหน้าดังมาจากทางด้านหลัง
ซูจิ่นซีหยุดเดินและหันกลับไป ที่แท้ก็เป็นผู้ติดตามของบุรุษในชุดลายใบไผ่สีเขียว
“มีเรื่องอันใด? ”
“พระชายาโยวอ๋อง คุณชายของเราได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังบาดเจ็บสาหัส พระชายาโยวอ๋องได้โปรดช่วยชีวิตคุณชายของพวกเราด้วยเถิด! ”
ซูจิ่นซีมองไปที่บุรุษในชุดลายใบไผ่สีเขียว และเห็นใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ทั้งตัวเปรอะเปื้อนด้วยเลือด
นางขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะสั่งเสียงเย็นชา “พาพวกเขากลับไปด้วย”
ระหว่างเดินทางกลับไปที่ค่าย ซูจิ่นซีไม่พูดอันใดแม้แต่น้อย ทว่านางสัมผัสได้ถึงลมหายใจหนักแน่นอันเย็นยะเยือกของเยี่ยโยวเหยา อีกทั้งความรู้สึกกดดันที่ไม่ได้พบมานานก็กลับมาอีกครั้ง มือของเขาที่จับมือนางบีบแน่นขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
เกิดอันใดขึ้นกับโยวอ๋อง?
หรือว่า… โยวอ๋องหึงหวงที่นางช่วยบุรุษในชุดลายใบไผ่ผู้นั้น
คงไม่ใช่กระมัง?
โยวอ๋อง ท่านหึงหวงได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีครุ่นคิดเรื่องนี้เป็นเวลานาน นางรู้สึกว่านอกจากหึงหวงแล้ว ไม่มีเหตุผลอื่นที่สามารถอธิบายท่าทางและการแสดงออกเช่นนี้ของโยวอ๋องได้เลย
หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ ซูจิ่นซีจึงกระแอมออกมาเบาๆ เพื่อทำลายความเงียบ
“เอ่อ ท่านอ๋อง… ท่านอย่าคิดมาก คนผู้นั้นได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลท่วมตัว หากข้าไม่ช่วย เขาต้องตายแน่นอน ท่านอ๋องใจกว้างดั่งภูเขา ดูท่าทางของเขาแล้วคงมีฐานะไม่ธรรมดาแน่นอน หากเขาเสียชีวิตอยู่นอกค่ายทหารของเรา คงไม่ดีกระมัง? ”
สายตาของเยี่ยโยวเหยาค่อยๆ เลื่อนมาที่ใบหน้าของซูจิ่นซี และจ้องนางอยู่อย่างนั้นจนทำให้หัวใจของนางเต้นไม่เป็นจังหวะ จากนั้นจึงเอ่ยปากพูด
“เจ้ากลัวเพียงเท่านี้หรือ? ”
กระทั่งคนอย่างราชาเฮยซาหู่ยังไม่กลัว ตายก็ไม่กลัว ไม่มีเหตุผลอย่างยิ่งที่จะบอกว่ากลัวด้วยเรื่องเพียงเท่านี้
ซูจิ่นซีกระแอมเบาๆ และหาเหตุผลอื่นให้ตนเองอีกครั้ง “เอ่อ จิตใจของคนเป็นหมอ! ความเมตตากรุณา จรรยาบรรณแพทย์เพคะ! ”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้ว “เจ้ามีความเมตตากรุณาด้วยหรือ? ”
อะแฮ่ม อะแฮ่ม… นางยอมรับว่าหาได้มีจิตใจดั่งแม่พระ ทว่านางมีจิตใจเมตตาอยู่เสมอไม่ใช่หรือ?
ซูจิ่นซีแบะปาก “เรื่องแย่ๆ ก็ทำมาไม่น้อย บางครั้งก็ต้องทำดีเพื่อสั่งสมบุญเพคะ”
“เจ้าต้องการมันด้วยหรือ? ”
ซูจิ่นซีสำลักอีกครั้ง
ก็ได้! มีโยวอ๋องคอยปกป้อง นางไม่จำเป็นต้องสั่งสมบุญ
โยวอ๋องพบผีกำจัดผี พบเทพเจ้าจัดการเทพเจ้า พบปีศาจสังหารปีศาจ
ทว่าแววตาที่โยวอ๋องมองนาง ทำไมมันดูแปลกๆ ทำไมหัวใจของนางจึงเต้นไม่เป็นจังหวะ?
สุดท้าย ซูจิ่นซีก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางยกมือเท้าเอวและถามเยี่ยโยวเหยา
“เยี่ยโยวเหยา ท่านกำลังคิดอันใด? พูดกันดีๆ ไม่ได้หรือ? พูดไม่เข้าหู ทำท่าทางเย็นชาดุดัน ท่านอ๋องคิดจะทรมานข้าจนตายใช่หรือไม่? ”
เวลานี้ ทั้งสองคนเดินเข้ามาภายในกระโจมแล้ว เยี่ยโยวเหยาอุ้มซูจิ่นซีตรงไปที่เตียง
“ข้าจะตัดใจทรมานเจ้าได้อย่างไร? อย่างมาก ข้าแค่เย้าหยอกเจ้าก็เท่านั้น! ”
“เยี่ยโยวเหยา ท่านมันป่าเถื่อน… ” ซูจิ่นซีสาปแช่งอย่างรุนแรง