ตอนที่ 797 ลาก่อน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 797 ลาก่อน

ตอนนี้ไป๋ไฮ โยวเยว่ ไป๋เหลียน หมิงตง ตู่กูเฟิง และคนอื่น ๆ ที่เจี้ยนเฉินเชื่อใจมารวมตัวกันที่ห้องโถงที่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนี ต่างคนต่างพูดคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ห้องทั้งห้องกางม่านพลังปกคลุมไว้ ทุกคนอยู่ในสภาพระวังตัวตลอดเวลา

“พยัคฆ์ปีกเทวะที่ตระกูลใหญ่กำลังตามหานั้นคล้ายกับเสือขาวที่เจี้ยนเฉินมี ทั้งคู่เป็นลูกเสือสีขาวและมีปีกสีขาวนวล เจ้าคิดว่าพยัคฆ์ปีกเทวะจริง ๆ แล้วจะเป็นเสี่ยวไป๋หรือไม่ ? ” หมิงตงดูเคร่งเครียดมากกว่าเดิม เพราะรู้ดีว่าหากเสี่ยวไป๋เป็นพยัคฆ์ปีกเทวะขึ้นมาจริง ๆ นั้นเป็นปัญหามากแค่ไหน

“ข้าเองก็คิดว่าเสี่ยวไป๋นั้นเหมือนกับพยัคฆ์ปีกเทวะที่ตระกูลเทียนมู่เคยพูดถึง บางทีเสี่ยวไป๋อาจเป็นสัตว์อสูรโบราณจริง ๆ ก็ได้ ? ” ไป๋เหลียนขมวดคิ้วดูกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที นางรู้ดีว่าหากเสี่ยวไป๋เป็นพยัคฆ์ปีกเทวะขึ้นมาจริง ๆ ตระกูลเทียนมู่ย่อมมานำตัวไปแน่ หากเจี้ยนเฉินไม่ยอม ปัญหาย่อมตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

“หากเป็นเช่นนั้นจริงปัญหาย่อมตามมาเป็นแน่ ตามข่าวที่ข้าได้รับมา ทั่วทั้งโลกต่างตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะอยู่ หวังว่าเจี้ยนเฉินจะปลอดภัยนะ” โหยวเยว่ในชุดสีชมพูพูดขึ้นมา นางแต่งหน้าบาง ๆ ยิ่งทำให้ใบหน้างามยิ่งน่าหลงใหลมากกว่าเดิม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของนาง ทำให้ผู้คนที่พบเห็นยามนี้อดเห็นใจเป็นห่วงไม่ได้

“ข้าอยากรู้นักว่าเจี้ยนเฉินอยู่ไหนกัน ขอให้เขากลับมาได้อย่างปลอดภัย” หวงหลวนพูดเบา ๆ นางเองก็เป็นห่วงไม่ต่างกัน

“เอาเถอะ หยุดพูดเรื่องนี้กันก่อน มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา ๆ ทางที่ดีหยุดพูดคุยถึงเรื่องนี้กันไปก่อนจะดีกว่า ต่อให้มีม่านพลังอยู่ หากมีใครที่ทรงพลังกว่าข้าแอบฟังอยู่จะไม่ดีนัก ไว้คุยกันอีกครั้งหลังหลานชายข้ากลับมา” บรรพชนตระกูลไป๋พูดขึ้น แม้จะกระวนกระวายไม่น้อย แต่น้ำเสียงของเขายังคงไว้ซึ่งความเยือกเย็น

ทุกคนหยุดพูดคุยทันที ไม่นับความสามารถของไป๋ไฮ แค่สถานะตาของเจี้ยนเฉินก็เพียงพอให้ทุกคนไม่กล้าล่วงเกิน ทุกคนที่อยู่ที่นี้ไม่มีใครกล้าขัดคำพูดของไป๋ไฮ

ทันใดนั้นสีหน้าท่าทางของไป๋ไฮเปลี่ยนไปกะทันหัน ก่อนจะลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ ก่อนพูดขึ้นพร้อมใบหน้ามีความสุข “หลานชายข้ากลับมาแล้ว ! “

“อะไรนะ ? เจี้ยนเฉินกลับมาแล้ว ? “

หมิงตงและทุกคนตกใจก่อนกลายเป็นดีใจพร้อมกัน

ไป๋ไฮปลดม่านพลังที่ปกคลุมห้องโถงออกก่อนที่ประตูจะค่อย ๆ เปิดออก เจี้ยนเฉินในชุดคลุมสีฟ้ากับเทียนเจี้ยนในชุดคลุมสีขาวจะเดินเข้ามาช้า ๆ

“เจี้ยนเฉิน ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ลุงเทียน เหตุใดท่านถึงมาด้วย ? ” ทันทีที่เห็นทั้งสอง หมิงตงพูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ

“เจี้ยนเฉิน เจ้ากลับมาเสียที” การที่เจี้ยนเฉินกลับมาอย่างปลอดภัยทำให้ไป๋เหลียน โหยวเยว่ กับหวงหลวนมีความสุข ทั้งสามพูดขึ้นมาพร้อมกัน น้ำเสียงมีความสุขอย่างปิดไม่มิด

ไป๋ไฮเองยามที่เห็นเจี้ยนเฉิน แต่ก่อนที่จะทันพูด เขาเห็นเทียนเจี้ยนที่อยู่ข้าง ๆ ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะเร่งประสานมือทำความเคารพเทียนเจี้ยน “ผู้เยาว์คารวะผู้อาวุโส”

“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” เทียนเจี้ยนยิ้มก่อนมองตรงไปยังหมิงตง แววตาเปลี่ยนเป็นเต็มไปด้วยความเมตตา ก่อนพูดขึ้น “เด็กน้อย เจ้าเข้าถึงระดับเซียนสวรรค์แล้วหรือ ไม่เลวเลย ความสามารถของเจ้านับว่าดีนัก หวังว่าเจ้าจะมุ่งมั่นเช่นนี้ต่อไป เช่นนั้นแล้วในอนาคตเจ้าย่อมประสบความสำเร็จเป็นแน่”

หมิงตงหัวเราะเบา ๆ ก่อนรีบตรงไปหาเทียนเจี้ยน “ลุงเทียน อย่าพึ่งพูดถึงเรื่องของข้าเลย ยามนี้เรามีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเจี้ยนเฉิน” หมิงตงหยุดครู่นึ่งก่อนพูดต่อ “เราได้ข่าวจากตระกูลเทียนมู่ให้กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีทั้งหมดหยุดทุกสิ่งที่ทำอยู่ แล้วทุ่มเททุกอย่างตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะให้พบโดยเร็ว แต่ตามที่ตระกูลเทียนมู่พูดมา พยัคฆ์ปีกเทวะนั้นคล้ายกับเสี่ยวไป๋เกินไป ท่านคิดว่าพวกเขาตามหามันจริง ๆ หรือไม่ ? โอ้ เหตุใดเสี่ยวไป๋ไม่อยู่กับพวกท่านเล่า?”

“ตอนนี้เสี่ยวไป๋กำลังซ่อนอยู่ในที่ลับสุดยอด ส่วนเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะที่ทุกคนต่างตามล่าหากันนั้น ถูกแล้ว เสี่ยวไป๋คือพยัคฆ์ปีกเทวะ” เจี้ยนเฉินไม่ได้ปิดบังอะไร สถานการณ์เลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องปิดบังความจริงเรื่องเสือขาวอีก

“อะไรนะ ? เสี่ยวไป๋เป็นพยัคฆ์ปีกเทวะจริง ๆ หรือ ? บางทีที่ตระกูลเทียนมู่กำลังตามหาเสี่ยวไป๋เพื่อจับมาฝึกให้เป็นสัตว์อสูรพิทักษ์ก็เป็นได้?” โหยวเยว่พูดอย่างตกใจ สีหน้ามืดครึ้มลงกว่าเดิม

“ไม่ใช่ คนที่ตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะไม่ใช่ตระกูลเทียนมู่ แต่เป็นตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ” เจี้ยนเฉินพูด หลังจากเห็น หลังจากเห็นท่าทีงุนงงของทุกคน จึงพูดเสริมต่อ “ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในทวีปเทียนหยวน ทั้งหมดสืบทอดเชื้อสายมากจากตระกูลโบราณ ในยุคนั้นแม้กระทั่งตระกูลโบราณทั้งหมดยังต้องเชื่อฟังพวกมัน”

“พระเจ้าช่วย ตระกูลผู้พิทักษ์แข็งแกร่งถึงขั้นนั้น พี่ชาย ท่านจะทำอย่างไรต่อไป ? ” ไป๋เหลียนกังวลมากกว่าเดิม

“ข้าจะเดินทางออกจากทวีปเทียนหยวน ครานี้ ข้ามาเพื่อบอกลา” เจี้ยนเฉินพูดอย่างหนักแน่น ครั้งนี้เขาไม่รู้ว่าเมื่อใดถึงจะได้มีโอกาสกลับมา ไม่รู้ว่าจะได้พบหน้าคนเหล่านี้ได้อีกเมื่อไร

เจี้ยนเฉินอยู่กับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีตลอดทั้งบ่าย จัดการธุระทุกอย่างก่อนมอบอำนาจสั่งการให้ไป๋เหลียนกับโหยวเยว่ให้รับหน้าที่คอยดูแลพัฒนาต่อไป สำหรับไป๋ไฮกับเจียเต๋อไท่ให้รับหน้าที่ดูแลป้องกันกลุ่มทหารรับจ้างในฐานะเซียนผู้คุมกฎ

“เจี้ยนเฉิน ข้าขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในค่ายทหารรับจ้าง หลังเจ้าจากไป ข้าจะจากไปหาที่ห่างไกลก่อนเข้าสู่ภาวะเก็บตัวฝึกตน” หมิงตงยืนขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น สถานการณ์ที่บีบบังคับให้เจี้ยนเฉินเดินทางจากไปทำให้หมิงตงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นแสวงหาพลัง

เพราะภายในใจเขารู้ดีว่าต่อให้ยามนี้เขาเป็นเซียนสวรรค์แล้ว ก็ยังไม่สามารถช่วยเจี้ยนเฉินได้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงมองน้องชายที่ผ่านร้อนหนาวมาด้วยกัน ต้องพบเจอแรงกดดันจนต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไป การมองอย่างไร้ความสามารถที่จะช่วยเหลือทำให้หมิงตงรู้สึกแย่มากที่สุด

พลัง ! พลัง ! มีเพียงพลังเท่านั้นที่จะทำให้มีชีวิตรอดได้ !

เจี้ยนเฉินนำแก่นอสูรระดับ 6 ออกมา 20 ชิ้นก่อนส่งให้หมิงตง “หมิงตง เจ้าเร่งฝึกตนไม่ได้หรอก พลังที่อยู่ภายในแก่นอสูรทั้งหมดนี้ดุดันเกรี้ยวกราด หากเจ้าข้ามผ่านมันไม่ได้ มันจะกลายเป็นปัญหาที่ข้ามผ่านไม่ได้ให้แก่เจ้า ข้าให้ทั้งหมดนี้กับเจ้า หวังว่าจะใช้มันอย่างรอบคอบ อย่าใช้อย่างเลินเล่อเด็ดขาด”

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ทำตัวโง่เง่า ข้ารู้ดีว่าต้องทำเช่นไร” หมิงตงพูดยืนยันขึ้นมาอีกครั้ง

เจี้ยนเฉินมองหวงหลวน แววตากลายเป็นยุ่งเหยิงอีกครั้ง ก่อนดึงแก่นอสูรระดับ 5 ออกมาจำนวนมากจากแหวนมิติมายื่นให้ “หรวนเอ๋อ เจ้ามีพรสวรรค์ที่ดี นับว่าหายากมากในรอบพันปี มาถึงระดับนี้ได้โดยไร้ซึ่งทรัพยากรหรือแก่นอสูรใด ๆ ข้าให้แก่นอสูรพวกนี้เจ้า ไม่ใช่ให้ใช้ทันที แต่เตรียมไว้ยามจำเป็นในอนาคต”

แววตาหวงหลวนเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา นางมองเจี้ยนเฉินอย่างไม่อยากจากลา ก่อนพูดขึ้น “เจี้ยนเฉิน เจ้าจะกลับมาเมื่อไหร่กัน ? “

เจี้ยนเฉินถอนหายใจเบา ๆ “ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”

หวงหลวนไม่สามารถเก็บน้ำตาไม่ให้ไหลรินลงมาได้ นางเข้าใจดีว่าคราวนี้อาจจะเป็นการลาจากที่เนิ่นนานมากกว่านางจะมีโอกาสได้พบเจี้ยนเฉินอีกครั้ง

เจี้ยนเฉินถอนหายใจอีกครั้งก่อนเดินมาอยู่ข้าง ๆ โหยวเยว่ “เยว่เอ๋อ อย่าหักโหมดูแลกลุ่มทหารรับจ้างมากนัก หากทำได้ ให้มอบหมายงานกับคนใต้บังคับบัญชาจัดการ หลังข้าจากไป ขอให้เจ้าฝึกฝนให้มากที่สุด นั้นเป็นทางเดียวที่จะยืดอายุขัย หวังข้าคราวหน้าข้ากลับมา เจ้าจะเป็นเซียนสวรรค์ได้แล้วในยามนั้น”

น้ำตาของโหยวเยว่ไหลรินราวน้ำฝน นางกัดปากตัวเองเบา ๆ สะอื้นเป็นครั้งคราว “เจี้ยนเฉิน เยว่เอ๋อจะตั้งใจฝึกฝน เยว่เอ๋อจะรอเจ้ากลับมา”

เจี้ยนเฉินมองไป๋เหลียน แววตาผูกพันผุดขึ้นมา ก่อนพูดขึ้น “เหลียนเอ๋อ เจ้าเองก็ต้องหมั่นฝึกฝนให้มาก”

“พี่ชาย ท่านสัญญากับเหลียนเอ๋อนะว่าท่านจะกลับมาโดยปลอดภัย” ไป๋เหลียนร้องไห้ เสียงของนางอู้อี้เพราะร้องไห้ “ท่านพ่อก็จากข้าไป ท่านแม่เองก็จากไป ท่านป้าก็เช่นกัน พี่ชาย เหลียนเอ๋อเสียท่านไปไม่ได้” หลังจากพูดจบนางตรงเข้าไปในอ้อมอกเจี้ยนเฉิน เสียงร้องไห้โหยหวนราวใจแหลกสลาย

“เหลียนเอ๋อ พี่สัญญาว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”

..

หลังจากการจากลาที่ราวกับการลาจากตลอดกาล เจี้ยนเฉินและเทียนเจี้ยนจึงจากกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี

“ผู้อาวุโส ข้าอยากไปอาณาจักรฉินหวง ข้าจะไปนำร่างท่านพ่อท่านแม่กลับมา” เจี้ยนเฉินพูด

เทียนเจี้ยนผงกหัวรับคำเบา ๆ ก่อนเปิดมิติ พาเจี้ยนเฉินมายังท้องฟ้าเหนือเมือง หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินตรงไปยังพระราชวังฉินสวรรค์

ทันใดนั้นเองร่างทรงพลังสี่ร่างปรากฏขึ้นมาไม่ไกลนัก ผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่เร่งตรงมาขวางทางเจี้ยนเฉินทันที

เจี้ยนเฉินยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ มองไปยังทั้งสี่ตรงหน้าก่อนประสานมือคารวะ “เจี้ยนเฉินคารวะผู้อาวุโสทั้งสี่”

ผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่มองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาแปลกประหลาด ฉินหยุนหลงถอนหายใจเบา ๆ “เจี้ยนเฉิน ดีแล้วที่เจ้ากลับมา”

“ท่านรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วหรือ ? ” สีหน้าของเจี้ยนเฉินไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เขาคาดไว้แล้วนับตั้งแต่ตาแก่ซิตูกับหม่าเทิงประกาศชื่อจริงของเขาออกมาที่เมืองแห่งเทพเจ้า

“ถูกแล้ว เรารู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว รวมถึงเรื่องของหยางยู่เทียนที่เมืองแห่งเทพเจ้า” ฉินหยุนหลงพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์มากมายผสมกัน

เจี้ยนเฉินหยุดครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้น “ข้าจะไปนำร่างท่านพ่อท่านแม่ข้ากลับมา พวกท่านจะขัดขวางข้าหรือไม่ ? “

ผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่ไม่ได้ตอบทันที ยามนี้ทั้งสี่ต่างรู้สึกงุนงง หลังเงียบมาครู่ใหญ่ ก่อนที่ฉินหยุนหลงพูดขึ้น “เจี้ยนเฉิน คนที่ขวางทางเจ้าอยู่ไม่ใช่เรา แต่เป็นบรรพชนตระกูลคาราที่มาถึงแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่พระราชวัง”