ตอนที่ 798 เจอนูบิสโดยบังเอิญ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 798 เจอนูบิสโดยบังเอิญ

คำพูดของฉินหยุนหลงในตอนท้ายทำให้คิ้วของเจี้ยนเฉินขมวดเบา ๆ แววตากระวนกระวายครู่หนึ่งก่อนถามอย่างเย็นยะเยือก “แล้วบรรพชนตระกูลคาราต้องการหยุดข้า แล้วส่งมอบตัวข้าให้ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบเพื่อแลกรางวัลหรือไม่ ? “

ฉินหยุนหลงถอนหายใจ “เจี้ยนเฉิน เราไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะทำเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ ไม่เพียงแต่เลี้ยงพยัคฆ์ปีกเทวะ เจ้ายังได้วัตถุเซียนจากสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ต่อให้เราเป็นหนึ่งในแปดอาณาจักรใหญ่ แต่นี้มันเกินความสามารถเราไปมาก เราไม่รู้ว่าเพราะอะไรบรรพชนจากตระกูลคาราจึงมากะทันหันเช่นนี้ เจี้ยนเฉิน ท่านบรรพชนต้องการพบเจ้า ตามข้าไปที่พระราชวังฉินสวรรค์ด้วย”

“นำทางไปได้ ข้าหวังว่าตระกูลคาราจะไม่ทำอะไรให้ข้าโกรธหรอกนะ ไม่งั้นต่อให้เรื่องที่คาราหลี่เว่ยเคยช่วยข้าไว้ก็ไม่สามารถหยุดข้าได้” เจี้ยนเฉินพูดไร้อารมณ์ การมาถึงของตระกูลคาราไม่ได้ทำให้เจี้ยนเฉินตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เพราะผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเมืองทหารรับจ้างก็อยู่ที่นี่ หากอีกฝ่ายจะทำอะไร เขาเชื่อว่าเทียนเจี้ยนต้องเข้ามาช่วยเป็นแน่

เจี้ยนเฉินตามผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่เข้าไปภายในวัง ในห้องรับแขกที่ใหญ่ที่สุด เจี้ยนเฉินได้พบบรรพชนตระกูลคารา

บรรพชนอยู่ในรูปลักษณ์อายุสามสิบ ดูมีการศึกษาและบุคลิกลักษณะดี ราวกับปราชญ์ขั้นสูง ท่วงท่าราวขุนนาง

ผิวพันธุ์ชายคนนั้นขาวนวลและดูนุ่มนวล ใบหน้าดูเข้ากันกับสีผิว ดวงตาสีดำเข้มดูทรงพลังลุ่มลึกราวกับภายในมีโลกอยู่อีกใบ ต่อให้ดูอายุราว 30 ปีแล้ว แต่ใบหน้ายังหล่อเหลาจนทำให้หญิงสาวมากมายตกหลุมรักได้ไม่ยาก

“คารวะท่านผู้อาวุโส ผู้พิทักษ์จักพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวงและเจี้ยนเฉินขอคารวะ” ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ประสานมือทำความเคารพ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพ

ชายคนนั้นจิบชาก่อนหันมามองเจี้ยนเฉิน “เจ้าคือหยางยู่เทียน? ก่อนหน้าเป็นราชาทหารรับจ้าง เป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิอาณาจักรฉินหวง เจี้ยนเฉิน ? “

“ท่านผู้อาวุโสเข้าใจถูกแล้ว ข้า เจี้ยนเฉิน คารวะผู้อาวุโส” เจี้ยนเฉินประสานมือทำความเคารพ พร้อมพูดอย่างเยือกเย็น สายตาไม่หวั่นไหว ท่าทีไม่หวั่นเกรง ไร้ซึ่งความหวาดกลัว

ชายคนนั้นลุกขึ้นเดินรอบตัวมองสำรวจเจี้ยนเฉินสองครา ราวกับต้องการรู้จักเจี้ยนเฉินทั้งภายในภายนอก

“ไม่เลว ไม่เลว เจี้ยนเฉิน ข้ารู้เรื่องราวความสำเร็จของเจ้าจากทั้งสี่คนนี้มานานแล้ว เพียงไม่กี่ปีเจ้าฝึกฝนตนเองจากเซียนปฐพีเป็นเซียนผู้คุมกฎจนยามนี้เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ยังได้สมบัติทั้งสามจากสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ความสามารถของเจ้านับว่าไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ และดูท่าทางจะไม่มีใครเทียมเท่าได้ในอนาคต ข้าถึงกับพูดไม่ออกหลังจากได้รู้เรื่องราวต่าง ๆ ของเจ้า มันน่าเหลือเชื่อมาก” บรรพชนพูดชมขึ้น ความสามารถของเจี้ยนเฉินนั้นสุดยอดจนเกินไป

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชื่นชม ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสมีเรื่องอื่นที่จะคุยกับผู้เยาว์จึงได้เร่งเดินทางมาจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์อันห่างไกล” เจี้ยนเฉินยังคงสีหน้าเดิมเอาไว้ ไร้ซึ่งท่าทีเย่อหยิ่งต่อไป

หลังจากเห็นท่าทีเจี้ยนเฉิน บรรพบุรุษพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เดินวนไปรอบตัวเจี้ยนเฉินพร้อมถาม “เจี้ยนเฉิน เจ้าอายุ 24 ปีจริง ๆ หรือ ? “

“เหตุใดท่านผู้อาวุโสถามเช่นนั้น ? ” เจี้ยนเฉินถามกลับ

บรรพชนหัวเราะ ก่อนตอบ “มันหายากนักที่จะมีคนอายุ 24 ปีที่ประสบความสำเร็จเช่นเจ้า แต่ไร้ซึ่งความยโสโอหัง เจ้าเป็นคนรุ่นหลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ข้าเห็นมาในหลายปีนี้”

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเหล่านั้นแล้ว เจี้ยนเฉิน เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงมา ? ” ชายคนนี้เปลี่ยน”หากผู้เยาว์คาดเดาไม่ผิด ผู้อาวุโสมาด้วยเหตุ 2 ประการ หนึ่ง เรื่องการตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะของเหล่าตระกูลผู้พิทักษ์ สอง คือเรื่องวัตถุเซียนของสมาคม” เจี้ยนเฉินตอบ

“ถูกต้อง ข้ามาที่นี่เพราะเรื่องทั้งสองนี้แหละ เจี้ยนเฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพยัคฆ์ปีกเทวะนั้นมีความสำคัญเช่นไร ? เจ้ารู้ไหมว่าจะเป็นปัญหาสำหรับทวีปเราเพียงใด ? นี่จะกลายเป็นความหายนะ เจ้าปกป้องพยัคฆ์ปีกเทวะ ปล่อยให้มันเติบโต ในอนาคตมีโอกาสเป็นหายนะสำหรับเรามากเพียงใด” ชายคนนั้นพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด

เจี้ยนเฉินส่ายหัวปัดเป่าความคิดนั้น “ผู้อาวุโส คำพูดของท่านนั้นด้านเดียวเกินไปนัก ตราบใดที่ไม่มีใครไปทำร้ายพยัคฆ์ปีกเทวะ ข้ารับประกันได้ว่ามันไม่ทำอะไรกับทวีปของเรายามมันโตขึ้น”

บรรพบุรุษจ้องมองเจี้ยนเฉินไม่สั่นคลอน หลังจากมองอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนมีท่าทีผ่อนคลายขึ้น “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรพยัคฆ์ปีกเทวะก็ยังคงเป็นปัญหาหลักของตระกูลผู้พิทักษ์อยู่ดี ข้าไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง การมาพูดคุยเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะเป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น เป้าหมายหลักของข้าครานี้คือเรื่องวัตถุเซียน”

“เจี้ยนเฉิน วัตถุเซียนชิ้นนั้นมีค่าและมีความสำคัญมากสำหรับสมาคม พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้ เมื่อมันหลุดมือไปแล้ว จะไม่มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 เกิดขึ้นมาอีก ท้ายที่สุดแล้วสมาคมจะเหลือเพียงชื่อและจะล่มสลายไปในท้ายที่สุด เรารู้ดีว่าวัตถุเซียนตามเจ้าไปด้วยจิตใต้สำนึกของมันเอง จึงได้แต่หวังว่าเจ้าจะส่งมอบกลับให้ด้วยตัวเอง”

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินดูยุ่งยากขึ้น “ผู้อาวุโส ตอนนี้คงยากที่ข้าจะส่งคืนวัตถุเซียน แต่ข้าสัญญาว่าในภายหน้าข้าจะชดเชยความเสียหายที่สมาคมได้รับเป็นแน่”

สีหน้าของชายคนนั้นดูอึมครึมขึ้นเล็กน้อย “เจี้ยนเฉิน วัตถุเซียนชิ้นนั้นสำคัญกับสมาคมมาก เจ้าคิดจะไม่ส่งคืนจริง ๆ รึ ? “

“ผู้อาวุโส วัตถุเซียนมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง มันรับข้าเป็นเจ้านายไปแล้ว จะให้ส่งคืนได้อย่างไรกัน ? อย่างที่ข้าบอกไป ในอนาคตข้าจะเป็นคนชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นเอง” เจี้ยนเฉินตอบ

ดวงตาของบรรพชนดุดันเล็กน้อย หลังจากผ่านไปมาครู่ใหญ่ ก่อนลังเลและจึงถอนหายใจ “ตกลงในเมื่อเจ้ายืนยันเช่นนั้น ข้าก็จะไม่บังคับ ข้าหวังเพียงว่าในอนาคต หากตระกูลคารามีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่จะเลื่อนจากระดับ 6 เป็นระดับ 7 เจ้าคงยินดีที่จะช่วย เด็กน้อย คาราหลี่เว่ยเองก็เข้าสู่ขั้นสูงสุดระดับ 6 แล้ว นางไม่มีทางไปได้สูงกว่านี้โดยไม่มีความช่วยเหลือจากวัตถุเซียน”

“ผู้อาวุโสอย่าได้กังวลไป ข้าติดค้างหนี้บุญคุณกับแม่นางคารา ลี่เว่ยอยู่ หากตระกูลคาราของท่านต้องการพลังดั้งเดิมจากวัตถุเซียน ข้ายินดีจะช่วยท่าน” เจี้ยนเฉินพูดตอบ

“เช่นนั้นข้าก็สบายใจ เจี้ยนเฉิน ข้าคงไม่รบกวนเวลาของเจ้า เจ้าไปนำร่างของพ่อแม่เจ้าได้แล้วล่ะ” บรรพชนปล่อยเจี้ยนเฉินไปพร้อมโบกมือ ไม่ได้ทำอะไรให้ยุ่งยากมากขึ้นไปสำหรับเจี้ยนเฉิน

“ผู้เยาว์ขอตัว” เจี้ยนเฉินป้องมือทำความเคารพบรรพชนก่อนตรงไปยังที่เก็บร่างของบิดามารดา แล้วจึงจากไป

ยามที่เจี้ยนเฉินจากไป บรรพบุรุษถอนหายใจออกมา ก่อนพูดกับตัวเอง “ตระกูลคาราของข้าไม่สามารถกระทบกระทั่งกับตระกูลเจียงหยาง แม้ข้าจะไม่รู้ว่าตระกูลเจียงหยางแห่งเมืองลอร์กับตระกูลเจียงหยางนั้นเกี่ยวข้องกันหรือไม่ แต่เป็นการดีที่สุดที่จะไม่ทำการผลีผลาม หากเป็นตระกูลเจียงหยางขึ้นมาจริง ๆ จะกลายเป็นปัญหาให้ตระกูลคาราของข้าภายหลัง อีกอย่าง จู่ ๆ เจี้ยนเฉินก็มาปรากฏเข้ามาในอาณาจักรฉินหวง ดูท่าจะมีเซียนขั้นสูงติดตามมาด้วย กระทั่งข้ายังไม่สามารถสัมผัสได้ ดูท่าทางจะทรงพลังมากกว่าข้าไม่น้อย”

..

เจี้ยนเฉินพาร่างของพ่อแม่ออกมาได้โดยไม่มีอุปสรรค ก่อนเก็บร่างทั้งสองไว้ในแหวนมิติ

ยามนี้เจี้ยนเฉินกำลังทะยานฟ้าออกจากเมือง ไปยังสถานที่นัดพบกับเทียนเจี้ยนที่ตกลงกันไว้

ทันใดนั้น แสงสีทองผ่านมาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่สังเกตเห็นเจี้ยนเฉิน มันเปลี่ยนทิศทางตรงมายังเขาแทน

เจี้ยนเฉินหยุดชะงักก่อนจ้องมองไปที่ลำแสงนั้น ไม่นานแววตางุนงงก็เปลี่ยนเป็นแปลกใจ “นั่นมันนูบิสนี่ เหตุใดมาอยู่ที่นี่ ? “

ลำแสงสีทองหยุดอยู่ตรงหน้าเจี้ยนเฉิน กลายเป็นร่างนูบิสในชุดสีทอง ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด มีเพียงริมฝีปากเท่านั้นทียังพอมีสีเลือดอยู่บ้าง เขาบาดเจ็บหนักและอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างแย่มาก

นูบิสเห็นเจี้ยนเฉิน พร้อมแสดงสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน ก่อนแทนที่ดูสีหน้ากระวนกระวาย “เจี้ยนเฉินรีบหนีเร็ว มีอสรพิษแก่ตามล่าข้าอยู่” สิ้นคำนูบิสดึงเจี้ยนเฉินโดยไม่อธิบายอะไรอีกตรงไปทางเมืองทหารรับจ้าง

“เราต้องรีบไปเมืองทหารรับจ้างให้เร็วที่สุด มีแต่ไปเตือนยอดฝีมือที่นั่นเท่านั้น เราถึงจะหนีได้อย่างปลอดภัย” น้ำเสียงนูบิสเต็มไปด้วยความรีบร้อนราวกับกำลังเผชิญหน้าอันตรายอันใหญ่หลวง

“นูบิส นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? เจี้ยนเฉินถามอย่างสงสัย เขารู้จักนูบิสมานาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นูบิสอยู่ในสภาพเช่นนี้”

“อสรพิษแก่ตัวหนึ่งมาจากทวีปอสูร มันเป็นอสรพิษทองริ้วเงินเช่นเดียวกับข้า มันลอบเข้ามาทวีปเทียนหยวน ใช้ทักษะลับซ่อนตัวเองจากมนุษย์ มันหวังจะฆ่าข้าแล้วดูดซับแกนพลังของข้าไป”

นูบิสมีสีหน้ามืดทะมึนออกมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พุ่งตรงขึ้นท้องฟ้าโดยมีเจี้ยนเฉินตามหลัง ตรงไปเมืองทหารรับจ้าง