บทที่ 680 มีหลอดไฟส่องตามอยู่ + ตอนที่ 681 มีก้างขวางคอเพิ่มมาอีกหนึ่ง

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

บทที่ 680 มีหลอดไฟส่องตามอยู่ + ตอนที่ 681 มีก้างขวางคอเพิ่มมาอีกหนึ่ง โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 680 มีหลอดไฟส่องตามอยู่

มื้อเที่ยงจ้าวอิงหัวไม่กลับมาร่วมโต๊ะด้วย เมื่อสองปีก่อนหลังจากที่กลับมาจากฮ่องกงและไต้หวัน เขาได้ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เพราะเขาเสนอนโยบายพิเศษที่เป็นที่น่าพึงพอใจต่อเหล่านักลงทุน รวมทั้งเมืองจินที่เดิมทีเป็นเมืองเศรษฐกิจการค้าอยู่แล้ว นักลงทุนกลุ่มนี้ได้รับคำเชื้อเชิญจากรองผู้ว่าโดยตรง เป็นธรรมดาที่ไม่อาจจะมองข้าม จึงได้นำเงินและเทคนิคต่างๆติดตามมาด้วย

ขณะนี้สิ่งก่อสร้างอาคารบ้านเรือนกำลังเริ่มก่อร่างสร้าง จ้าวอิงหัวยุ่งมากถึงขั้นลดช่วงเวลาในการนอนลงไปมาก แต่นั่นยังไม่เพียงพอ จ้าวอิงหัวแทบอยากจะตัดแบ่งตัวเขาเองออกเป็นสามส่วน

แต่โชคดีที่เหมยเหมยช่วยปรับสมดุลให้แก่ร่างกายเขา มิเช่นนั้นการงานที่มีภาระหน้าอันหนักหน่วงแบบนี้ ต่อให้เป็นมนุษย์เหล็กก็คงทนไม่ได้ !

แม้ว่าทุกวันนี้จะยุ่งมากแค่ไหน จ้าวอิงหัวจะพยายามหาเวลากลับบ้านมาร่วมโต๊ะอาหารเพื่อทานมื้อเย็นพร้อมหน้ากับภรรยาและลูก ก่อนออกบ้านเช้านี้ เขาสัญญากับเหยียนซินหย่าไว้แล้วว่าเย็นนี้จะกลับมาให้เร็วขึ้น

ถือโอกาสในช่วงที่ลูกสาวและลูกชายจะออกไปเที่ยว เขาจะต้องดินเนอร์ใต้แสงเทียนอย่างโรแมนติก กับภรรยาสักมื้อ ซึ่งนับเป็นโอกาสที่หาได้ยาก

“คุณอา หอยขมที่คุณอาทำอร่อยมากเลยค่ะ แม่หนูทำพวกนี้ไม่อร่อย ยังเทียบไม่ได้กับฝีมือของพ่อเลยด้วย !”

เหมยเหมยดูดกินหอยขมรสเผ็ดเข้าไปหลายเม็ด เผ็ดร้อนที่ขอบปากจนบวมแดง รู้สึกดีจริงๆ !

ฝีมือการทำกับข้าวของเหยียนซินหย่าถือว่าใช้ได้ เพียงแต่จะหน่วงไปทางรสชาติจืดๆจำพวกต้มตุ๋นนึ่ง รสเผ็ดพริกนับว่าน้อยมากที่จะทำ แต่อย่างอาหารทะเลจำพวกปลากุ้งปู ถ้าไม่ใส่พริกลงไปจะทำให้รสชาติไม่ถึง !

“เวลาจะพูดให้กลืนอาหารในปากให้หมดก่อน ช่วงบ่ายเธอไปเป็นแขกของบ้านคุณยายหมิงซุ่น อย่าพูดจาแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่ได้การอบรมสั่งสอนจากที่บ้าน”

น้ำเสียงของเหยียนซินหย่านุ่มนวลมาก ฟังยังไงก็ไม่เหมือนกับการตำหนิร เหมยเหมยหันไปขยิบตาส่งให้จ้าวอิงหนาน จากนั้นเคี้ยวต่อสามสี่คำถึงได้กลืนอาหารลงคอ

แม่ของเธอดีทุกอย่าง แค่กฎระเบียบเยอะไปหน่อย อันนั้นไม่ได้อันนี้ไม่ดี ทั้งยังบอกอีกว่าเป็นมารยาทของสตรี ที่เด็กผู้หญิงจำเป็นต้องเรียนรู้

สยงมู่มู่นิ่งอึ้งทึ่งไปพักหนึ่ง กว่าจะได้ถามขึ้น “เหมยเหมยจะไปเที่ยวที่บ้านของคุณยายเหยียนหมิงซุ่นหรอ ? ทำไมฉันถึงไม่รู้ ?”

“ทำไมฉันต้องบอกนายทุกเรื่องด้วย !” เหมยเหมยสบทออกมาเบาๆ

การไปเที่ยวที่บ้านคุณยายของพี่หมิงซุ่นครั้งนี้ เธอยกแม่น้ำทั้งห้ามาพูดไม่ง่ายเลยที่จะผ่านพ้นอุดมการณ์ความคิดของจ้าวอิงหัวได้ เขารับปากอย่างฝืนทน ทั้งยังกำชับว่าต้องให้จ้าวเสวียหลินตามไปด้วย

แค่นึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่เล่นกับพี่หมิงซุ่นแล้วนั้น แต่ด้านหลังกลับมีพี่ชายน่าโมโหตามมาด้วย ความดีใจของเหมยเหมยเลือนหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง !

“แม่คะ พี่จะกลับมาเมื่อไหร่ ? อีกสักพักพี่หมิงซุ่นจะมารับหนูแล้วนะ !”

จ้าวเสวียหลินยังไม่ปิดเทอม วันนี้เขาไปเอาคะแนนที่โรงเรียน พูดไว้เสียดิบดีว่าจะกลับมาให้ทันทานมื้อเที่ยง แต่นี่ทานมื้อเที่ยงจวนจะเสร็จ ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของจ้าวเสวียหลินเลย

ช่วงบ่ายเขากลับมาไม่ทัน เพราะหลังจากช่วงที่ได้รับใบคะแนนยังเหลือเวลาอยู่มาก ดังนั้นเขาเลยเลือกที่จะไปเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อน แต่เป็นเพราะมีนักเรียนคนหนึ่งออกแรงมากเกินไป จึงทำให้ล้มจนมือหัก เขาและเพื่อนคนอื่นๆจึงไปดูแลคนไข้ที่โรงพยาบาล !

“แม่ บอกเหมยเหมยว่าค่อยไปพรุ่งนี้ ตอนนี้ผมไม่ว่าง !”

เสียงของจ้าวเสวียหลินส่งผ่านออกมาจากลำโพง ทำให้เหมยเหมยที่นั่งทำหูตั้งอยู่ได้ยินอย่างชัดเจน พร้อมกระโดดโลดเต้นในทันที

“ไม่ต้อง หนูนัดกับพี่หมิงซุ่นไว้แล้ว พี่ไม่ไปไม่เป็นไร หนูไม่ใช่เด็กๆแล้ว”

เหมยเหมยดีใจเป็นอย่างมาก ไม่มีหลอดไฟอย่างจ้าวเสวียหลินคอยตามติด เธอจะเที่ยวให้สนุกกว่าเดิมเลย !

“ไม่ได้ ต้องมีพี่ตามไปด้วย ไม่งั้นก็ไม่ต้องไป !” จ้าวเสวียหลินพูดอย่างแน่วแน่

ล้อเล่นหรือไง เขาจะยอมให้น้องสาวคนสวยไปเหยียบถิ่นของเหยียนหมิงซุ่นด้วยตัวคนเดียวรึ ?

นั่นมันเท่ากับการปล่อยแกะเข้าถ้ำหมาป่าไม่ใช่หรือไง ?

“งั้นพี่ก็ต้องกลับมาตอนนี้ ถ้าถึงเวลานัดฉันก็จะไป !”

เหมยเหมยโต้ตอบกลับ ราวกับการกำหลาบสามี ช่างน่ารำคาญ !

………………………………………….

ตอนที่ 681  มีก้างขวางคอเพิ่มมาอีกหนึ่ง

จ้าวเสวียหลินที่อยู่ทางนั้นโกรธจนแทบกระอักเลือด รู้อยู่แล้วว่ายายหนูอยากสลัดเขาให้หลุดจะตาย!

อย่าคิดว่าเขาจะไม่รู้ทันความคิดของน้องสาว หึ!

“ผมตามไปเองพี่หก ผมจะไปช่วยดูให้ พี่สบายใจเถอะ รับรองว่าจะคอยจับตาดูให้ดี!” สยงมู่มู่พูดเสนอตัวด้วยเสียงอันดัง

เขากำลังเบื่อหน่ายอยู่ที่บ้านพอดี!

แม้จ้าวเสวียหลินไม่ค่อยไว้วางใจในศักยภาพการทำงานของลูกพี่ลูกน้องสักเท่าไหร่  แต่ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว คงต้องจำใจตอบตกลง อีกอย่างสยงมู่มู่เสนอขึ้นว่าให้เรียกเจ้าอ้วนไปด้วย นี่ยิ่งทำให้จ้าวเสวียหลินวางใจมากกว่าเดิม

ก้างขวางคอยิ่งเยอะยิ่งปลอดภัยไงล่ะ!

เหยียนหมิงซุ่นทานมื้อเที่ยงที่บ้านลวกๆ เสร็จก็เตรียมตัวออกจากบ้าน คุณตาเหยียนกับคุณยายหยางไม่ได้ถามไถ่อะไร  เพราะการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสิ้นสุดลงแล้วย่อมต้องให้เด็กผ่อนคลาย ๆ สักหน่อย ปล่อยให้เล่นเต็มที่ไปเลย!

เพียงแต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้เข้าร่วมการสอบแต่อย่างใด เขาไม่แม้แต่จะก้าวเข้าสนามสอบด้วยซ้ำ

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะลองไปเสี่ยงดูกับค่ายทหาร!

การสอบเข้ามหาวิยาลัยไม่ได้มีความหมายสำหรับเขาสักนิด!

“คุณปู่คุณย่าครับ ผมไปอยู่บ้านคุณตาสองสามวันนะครับ”

เหยียนหมิงซุ่นสะพายกระเป๋าเข็นจักรยานออกมา เหยียนหมิงต๋าได้ยินแล้วเกิดอาการคันยุบยิบในใจ เขาเองก็อยากไปเที่ยวที่บ้านคุณยายของพี่ใหญ่จัง ที่นั่นมีภูเขามีแม่น้ำ ไม่เหมือนบ้านคุณยายของเขาที่อยู่ในเมืองจิน ไม่น่าสนใจเลยสักนิด

แต่เขารู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นต้องไม่ตอบตกลงแน่ ๆ อีกอย่างเขาเองก็ไม่กล้าไป

คนที่บ้านคุณยายของพี่ใหญ่เกลียดแม่ของเขาจะตาย เขาไปก็เท่ากับหาเรื่องไม่สบายใจให้ตัวเอง!

พอเจ้าอ้วนน้อยอู่เชาได้ยินว่าได้ไปเที่ยวเล่นแถบชนบทจะไม่ตอบตกลงได้อย่างไร ขนาดข้าวกินยังไม่ทันเสร็จก็รีบวิ่งมาอย่างดีอกดีใจ

สองปีนี้เจ้าอ้วนมาเล่นที่บ้านเหมยเหมยอยู่บ่อยครั้ง เพราะบ้านตระกูลจ้าวไม่ถือสาอะไรมากจึงไม่รู้สึกอึดอัดอะไร

“เหยียนหมิงซุ่นยังมาไม่ถึงเหรอ งั้นฉันไปกินข้าวอีกหน่อยนะ มื้อเที่ยงฉันเพิ่งกินไปได้แค่ครึ่งถ้วยเอง!” เจ้าอ้วนวิ่งไปตักข้าวที่ห้องครัวด้วยตัวเองแล้วเริ่มลงมือทานอย่างตะกละตะกลาม

สยงมู่มู่กลอกตามองบนใส่เขาแวบหนึ่ง ดูสิมันใช้ได้ที่ไหน!

เหยียนหมิงซุ่นเห็นก้างขวางคอสองคนที่คนหนึ่งอ้วน คนหนึ่งผอม คนหนึ่งสูง คนหนึ่งเตี้ยยืนอยู่ตรงหน้าแล้วมุ่นคิ้วเล็กน้อย แต่ก็คลายลงอย่างรวดเร็วพลางทักทายพวกเหยียนซินหย่ากับจ้าวอิงหนานอย่างมีมารยาท

“คุณน้าเหยียนวางใจได้ครับ ผมจะดูแลเหมยเหมยอย่างดี” เหยียนหมิงซุ่นพูดรับปาก

เหยียนซินหย่าต้องวางใจอยู่แล้ว คนที่ไม่วางใจคือสองพ่อลูกจ้าวอิงหัวต่างหาก เธอพูดกำชับไม่กี่ประโยคก็ไปหยิบข้าวสาลีบด เหล้าเหมาไถสองขวดและของว่างอีกบางส่วนจากในห้องออกมาให้เหมยเหมยพกติดตัวไป

“อยู่เที่ยวสักสองวันก็กลับมานะ อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้ที่บ้านพี่หมิงซุ่นล่ะ พวกเขายุ่งกันมาก”

เหยียนซินหย่าถ่ายทอดคำสั่งที่จ้าวอิงหัวฝากไว้ เหมยเหมยแลบลิ้นใส่อย่างซุกซนโดยที่ไม่ได้ตอบตกลงแต่ก็ไม่ปฏิเสธ

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องเที่ยวให้เต็มที่จนพอใจถึงจะกลับมา ไปเที่ยวในที่อันไกลโพ้นเช่นนั้นใครก็ควบคุมเธอไม่ได้หรอก!

สยงมู่มู่จะกลับไปหยิบเสื้อผ้าสำหรับซักเปลี่ยนที่บ้าน เหยียนหมิงซุ่นให้เขาไปรอที่ปากทางเข้าเมืองทางตะวันตก สยงมู่มู่จึงต้องปั่นจักรยานพาเจ้าอ้วนกลับบ้านด้วยกันอย่างเหนื่อยหอบ ใครใช้ให้เจ้าอ้วนปั่นจักรยานไม่เป็นกันล่ะ!

“พี่หมิงซุ่น พี่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นยังไงบ้าง?” เหมยเหมยนั่งซ้อนเบาะหลังและโอบเอวได้รูปของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งร้อนผ่าวทั้งแน่นปึก ทั้งยังสัมผัสได้ถึงเลือดที่ไหลเวียนอยู่

เหยียนหมิงซุ่นก้มมองมือเล็กขาวละเอียดตรงหน้าท้องก็อดฉีกยิ้มที่มุมปากไม่ได้ เผยรอยยิ้มที่ทำให้ใจอ่อนระทวยเอาได้

เหยียนหมิงซุ่นในวัยสิบแปดปีที่มีความสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร รูปร่างสูงโปร่งกำยำ มีเส้นโค้งเว้ารูปตัววีสวยงามและใบหน้าหล่อเหลา โดยเฉพาะลูกกระเดือกสุดเซ็กซี่นั่นทำเอาเหมยเหมยหลงปักหัวปำได้ตลอดเวลา

“ฉันไม่ได้เข้าสอบ” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มตอบ

…………………