บทที่ 682 ไม่น่าเกลียด ดูดีออก + ตอนที่ 683 หัวใจที่สั่นไหว

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 682 ไม่น่าเกลียด ดูดีออก + ตอนที่ 683 หัวใจที่สั่นไหว โดย Ink Stone_Romance

 

ตอนที่  682  ไม่น่าเกลียด ดูดีออก

เหมยเหมยไม่ได้ตกใจเมื่อได้ยินคำตอบนี้ เหมือนชาติที่แล้วไม่มีผิดที่เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้เข้าสอบมหาวิทยาลัยอย่างเคย

เหยียนหมิงซุ่นกลับเป็นฝ่ายฉงนเสียเองเพราะปฏิกิริยาของเหมยเหมยเรียบเฉยเกินไป ควรถามเหตุผลที่เขาไม่เข้าสอบมหาวิทยาลัยไม่ใช่หรือ?

“ทำไมเธอไม่ถามเหตุผลฉันล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นอดถามไม่ได้

เหมยเหมยเลิกคิ้วอย่างได้ใจ  ซึ่งทำเอาเหยียนหมิงซุ่นหมดความอดทน เมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเยาะเธอตั้งหลายครั้งเพราะเธอมักใจร้อนอยู่เรื่อย

“ฉันรู้อยู่แล้ว เพราะทุกอย่างเป็นไปตามการคาดเดาของฉัน” เหมยเหมยแสร้งทำท่าเหมือนคนที่เข้าใจได้ยาก จึงเรียกเสียงหัวเราะจากเหยียนหมิงซุ่นได้

“งั้นเธอลองพูดมาสิว่าทำไมฉันไม่สอบ” เหยียนหมิงซุ่นพูดกลั้วหัวเราะ

“เพราะพี่หมิงซุ่นอยากไปเป็นทหารไงล่ะ ฉันรู้ตั้งนานแล้ว” เหมยเหมยพูดขึ้นมาอย่างชอบใจ แต่เธอกลับรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยเพราะการเป็นทหารมันลำบากจริง ๆ แม้จะรู้ว่าชาติที่แล้วเหยียนหมิงซุ่นไต่ขึ้นตำแหน่งสูงได้อย่างราบรื่น  แต่เธอก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มกว้างกว่าเดิม แต่กลับรู้สึกอบอุ่นที่หัวใจเพราะเหมยเหมยเข้าใจเขา

“นับวันเหมยเหมยก็ยิ่งฉลาดนะเนี่ย”

เหมยเหมยแค่นเสียงเบาตอบกลับไป อดไม่ได้ที่จะแกว่งเท้าทั้งสองข้างไปมาอย่างได้ใจจนจักรยานโอนเอนตามแรง เหยียนหมิงซุ่นรีบจับคันบังคับไว้แล้วหันกลับไปตำหนิว่า “เหมยเหมยอย่าซน เดี๋ยวรถล้มขึ้นมาอย่ามาร้องว่าเจ็บเชียว!”

“ไม่กลัว พี่หมิงซุ่นไม่มีทางขับล้มหรอก!” เหมยเหมยแกว่งให้รถส่ายไปส่ายมาอีกครั้ง  เหยียนหมิงซุ่นจอดรถอย่างเอือมระอา หันกลับไปมองเหมยเหมยที่แสนทะเล้น แต่แววตามีเพียงความเอ็นดู ไม่ได้ดูรำคาญสักนิด

ฉิวฉิวโผล่หัวออกมาจากกระเป๋า อยู่แต่ในกระเป๋าทำเขาอึดอัดแทบตาย ฉิวฉิวกลอกตาดำไปมาแล้วส่งเสียงเรียกไปทางข้อมือของเหมยเหมย ฉาฉาที่งัวเงียกำลังงีบกลางวันอยู่คลานออกมาจากแขนเสื้อก่อนจะรีบมุดกลับเข้ากระเป๋า

“พี่ฉิวมีเรื่องอะไรเหรอ?”

ฉิวฉิวกางอุ้งมือตะครุบฉาฉาตัวเย็นฉ่ำมาตรงหน้า ไอเย็นที่ถาโถมเข้ามาเรียกให้ฉิวฉิวถอนหายใจอย่างพอใจ ล้วงช็อกโกแลตสองชิ้นจากกระเป๋า ของตัวหนึ่งหนึ่งชิ้นและของฉาฉาหนึ่งชิ้น

เพราะฉิวฉิว เสี่ยวฉาฉาคงเป็นงูตัวเดียวในโลกที่ชอบกินช็อกโกแลตแล้วล่ะ!

ฉาฉาที่กำลังดื่มด่ำกับช็อกโกแลตเริ่มวิตกกังวล “พี่ฉิว ฉันออกมาซะนานเดี๋ยวเจ้านายจะเอาร้อนนะ”

“ไม่เป็นไร เจ้านายมัวแต่จู๋จี๋กันอยู่ ไม่สนใจว่าร้อนไม่ร้อนหรอก นายอยู่นี่แหละ ให้ฉันได้คลายร้อนสักหน่อย”

ฉิวฉิวกินช็อกโกแลตต่ออย่างไม่ใส่ใจก่อนจะตบรางวัลให้ฉาฉาเป็นช็อกโกแลตอีกชิ้น เจ้าตัวเล็กเชื่อฟังฉิวฉิวมากที่สุดจึงยอมอยู่ต่ออย่างสบายใจ

เหยียนหมิงซุ่นจับขาที่ไม่อยู่นิ่งของเหมยเหมยให้ยืดตรงก่อนจะดีดจมูกโด่งของเด็กสาวอีกที พูดด้วยอารมณ์โกรธว่า “อย่าซนอีกนะ”

เหมยเหมยย่นจมูก มองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่ชอบใจแล้วคำรามใส่ “อย่าดีดจมูกฉันสิ จะน่าเกลียดเอานะ”

“ไม่น่าเกลียดเลย ดูดีออก”

เสียงใสดังมาจากข้างหน้าเช่นเคย เหมยเหมยรู้สึกหวานจับใจ ยิ้มจนตาโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์

“พี่หมิงซุ่น ทำไมพี่ไม่สอบเข้าโรงเรียนทหารเลยล่ะ? จากคะแนนและคุณสมบัติร่างกายของพี่ต้องสอบติดแน่ๆ” เหมยเหมยอดถามไม่ได้

“ฉันกะจะเข้าไปสอบในค่ายทหาร ตอนนี้ไปเป็นทหารก่อน ไม่ต้องรีบ”

ความจริงที่เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกก็คือ  นักเรียนธรรมดาที่ไม่มีครอบครัวสนับสนุนอย่างเขา  การสอบเข้าโรงเรียนทหารไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ใช่ว่าคะแนนสอบดีหรือคุณสมบัติร่างกายผ่านก็จะสอบติดได้

อย่างไรเสียไปเป็นทหารช่วงหนึ่งถึงจะมั่นคงกว่า ชีวิตของเขาไม่มีเวลามากมายพอให้ทดลองอีกแล้ว ต้องสำเร็จเท่านั้นห้ามล้มเหลว !

เหมยเหมยไม่ได้เกลี้ยกล่อมแต่อย่างใด เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้วต่อให้เอาช้างมาก็ฉุดไม่อยู่ เธอพูดมากแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์

ปั่นไปราวครึ่งชั่วโมง  พวกเขาก็มาถึงแถบชานเมืองทางตะวันตกของเมือง โม่จื้อหยวนลูกพี่ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นกำลังรอพวกเขาอยู่ตรงนั้น

…………………..

ตอนที่ 683 หัวใจที่สั่นไหว

โม่จื้อหยวนเข้าเมืองมาขายแตงโม เขากับพ่อของเขารับปลูกแตงโมบนภูเขาสูงในหมู่บ้าน ปีนี้ผลผลิตดีไม่น้อย เขาจึงขับรถคันหนึ่งขนแตงโมเข้ามาขายในเมืองทุกวัน ไม่ถึงเที่ยงวันก็ขายหมดแล้ว

“นี่โม่จื้อหยวนพี่ของฉันเอง” เหยียนหมิงซุ่นแนะนำให้พวกเขารู้จัก

โม่จื้อหยวนอายุราวสามสิบปี สูงไม่มากแต่ท่าทางเป็นคนซื่อสัตย์ ผิวดำคล้ำเพราะตากแดด แค่ดูก็รู้ว่าเป็นหนุ่มชาวไร่ตามหมู่บ้านชนบทที่ทำงานหนัก เขายิ้มให้เหมยเหมยอย่างจริงใจและเริ่มทำตัวไม่ถูก

ได้ยินมานานแล้วว่าน้องชายเป็นเพื่อนสนิทกับลูกสาวรองนายกเทศมนตรี น้าชายคนเล็กบอกอีกว่าลูกสาวรองนายกเทศมนตรีหน้าตาดุจเทพธิดาตัวน้อย  งดงามยิ่งกว่าดาราในโทรทัศน์เสียอีก เมื่อก่อนคิดว่าน้าชายโม้ไปอย่างนั้นแต่ตอนนี้เขาเชื่อแล้วจริงๆ

เด็กสาวตรงหน้าก็คือเทพธิดาตัวน้อยที่สวยราวกับภาพวาดชัดๆ เลยนี่นา!

“สวัสดีค่ะพี่โม่!”

เหมยเหมยทักทายอย่างมีมารยาทดึงสติโม่จื้อหยวนที่กำลังยืนเหม่อลอยกลับมา รีบตอบกลับทันควัน “เอ่อ…คุณ…จ้าว…”

เหยียนหมิงซุ่นหลุดขำกับอาการพูดตะกุกตะกักของโม่จื้อหยวน พลางตอบกลับว่า “พี่เรียกเหมยเหมยตามผมแล้วกัน เหมยที่แปลว่าคิ้วนะ”

โม่จื้อหยวนถอนหายใจยาวราวกับยกภูเขาออกจากอก ดีจริงๆ ที่ไม่ต้องคิดมากเรื่องสรรพนามเรียกลูกสาวรองนายกเทศมนตรี

ไม่นานนักสยงมู่มู่กับเจ้าอ้วนสองคนก็กระหืดกระหอบตามมา สยงมู่มู่เหนื่อยจนเหงื่อเปียกโชกเหมือนลูกหมาตกน้ำ เหงื่อแตกพลั่กราวกับตากฝนมา ทันทีที่เห็นพวกเหยียนหมิงซุ่น สยงมู่มู่ที่ผ่อนคลายลงคงไม่ยอมปั่นจักรยานต่อไปหรอก

“เจ้าอ้วนรีบลงไปเข็นรถสิ ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

อู่เชาลงไปอย่างเชื่อฟัง เห็นสยงมู่มู่ที่เหงื่อเต็มหน้าก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ หรือว่าจะลองลดความอ้วนดูดีนะ?

รถที่โม่จื้อหยวนขับมาคือรถแทรกเตอร์  ซึ่งเวลาขับจะส่งเสียงดังสนั่น แต่กลับทนทานใช้ได้นาน เป็นเครื่องมือทางการเกษตรและการขนส่งที่ใช้ได้ดีที่สุดสำหรับหมู่บ้านการเกษตรในยุคแปดศูนย์เก้าศูนย์

เหยียนหมิงซุ่นให้โม่จื้อหยวนไปนั่งกับก้างขวางคอสองคนนั้นทางด้านหลัง  โดยเขาอาสาเป็นคนขับและเหมยเหมยนั่งข้างๆ

สยงมู่มู่ที่อ่อนล้าเต็มทีทิ้งตัวนั่งพิงหลังกับอู่เชาโดยไม่คิดสนใจความสกปรกอีกแล้ว แผ่นหลังกว้างหนาดั่งภูเขาของเจ้าอ้วนทำให้สยงมู่มู่สลบไสลไปในเวลาอันรวดเร็ว

เสียงดังเซ็งแซ่ของเครื่องมอเตอร์รถแทรกเตอร์กับเสียงลมฤดูร้อนที่คลอเคล้าเป็นบทเพลงกล่อมนอนที่ดีที่สุดในโลก สยงมู่มู่กับเจ้าอ้วนพิงหลังให้กันแล้วหลับใหลไปทั้งอย่างนั้น

คนที่กำลังหลับฝันหวานยังมีเหมยเหมยอีกคนที่นั่งอยู่ข้างหน้ารถ ดวงตาปิดสนิท ศีรษะโยกไปมาตามร่างกายที่สั่นคลอน

เหยียนหมิงซุ่นเห็นแล้วนึกขำจึงจับศีรษะของเธอให้ซบลงไหล่ตัวเอง ศีรษะเหมยเหมยที่อยู่บนไหล่เหยียนหมิงซุ่นขยับคลำหาตำแหน่งที่ดีที่สุด ก่อนจะหลับอย่างสบายใจ ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มหวานเยิ้ม

โม่จื้อหยวนมองคู่กิ่งทองใบหยกตรงหน้ารถก็อดยิ้มตามไม่ได้ ขณะเดียวกันก็เริ่มวิตกกังวลขึ้นมา

ฝ่ายหญิงเป็นถึงลูกสาวของรองนายกเทศมนตรี   ชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเขาจะเอื้อมถึงได้เช่นไร !

บ้านคุณยายของเหยียนหมิงซุ่นต้องขับรถจากเมืองจินไปราวหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หมู่บ้านที่มีภูเขาล้อมรอบสี่ทิศ ภาพทิวทัศน์งามเกินจะพรรณนาออกมาได้ แต่คุณภาพชีวิตของชาวบ้านกลับไม่สู้ดีนัก บ้านยังเป็นบ้านไม้เสียส่วนใหญ่แต่กลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายเก่าแก่

“วิวที่นี่สวยจัง ฉันจะไปวาดรูปบนภูเขา” เหมยเหมยเพิ่งเหยียบเข้าหมู่บ้านก็พลันหลงรักหมู่บ้านแสนงดงามนี่เข้าแล้ว รู้สึกว่าอากาศสดชื่นกว่าในเมืองมาก

“ได้ พรุ่งนี้เช้าเราไปเที่ยวที่ภูเขากัน”

เหยียนหมิงซุ่นจอดรถแล้วอุ้มเหมยเหมยลงมา เรือนร่างอ่อนนุ่มและเย็นฉ่ำของเด็กสาวทำเอาเหยียนหมิงซุ่นเผลอใจเต้น เพิ่มแรงที่มือวางเหมยเหมยลงพื้นอย่างรวดเร็ว อ้อมแขนที่ว่างเปล่า หัวใจก็ว่างเปล่า บอกความรู้สึกไม่ถูกจริง ๆ

………………..