บทที่ 460

เซียวฉางควนก็จ้องชายตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หัวลั่นออกมา พร้อมพูดว่า “โจวชิ่งใช่ไหม? พวกเราไม่ได้เจอกัน30กว่าปีแล้วสิ ดูไปแล้วเหมือนจะเป็นเถ้าแก่ใหญ่เลยนะเนี่ย รวยแล้วสิ?”

โจวชิ่งก็ส่ายหัว แล้วพูดว่า “ไม่นายหรอกฉางควน ใช้คำพูดพวกวัยรุ่นเขาพูดกัน สมัยนั้น นายเป็นถึงลูกเศรษฐีเลยเชียวน่ะ…..”

ตระกูลเซียวสมัยนั้น ก็มีเงินไม่น้อยอยู่เหมือนกัน

สมัยนั้นคุณท่านเซียวยังแข็งแรง ทำธุรกิจทางทะเลรุ่นแรก ได้กำไรไม่น้อยเลย ดังนั้นเซียวฉางควนในสมัยนั้นก็มีชื่อเสียงไม่เบา เงินใช้จ่ายคนเดียวของเขา แทบจะเท่าเงินของเพื่อนครึ่งห้องรวมกันเลยเชียว

และก็เพราะว่ามีเงิน ก็เลยถูกหม่าหลันที่อยู่ห้องอื่นจ้องจะเอา

เซียวฉางควนในตอนนี้ พอได้ยินคนอื่นพูดถึงเรื่องตนเองเป็นลูกเศรษฐีในอดีต ก็กำลังจะถ่อมตัว แต่ไม่คิดว่า ในตอนนั้น ก็มีชายวัยกลางคนและวัยรุ่นอีกคนเดินออกมา

ชายวัยกลางคนคนนั้นเดินมาตรงหน้าเขา แล้วก็ส่งเสียงไม่พอใจ พูดว่า “ลูกเศรษฐีงั้นหรือ พวกคุณมาจากนอกพื้นที่ ไม่รู้ความจริง

สินะ…..ผมจะบอกให้ ตอนนี้ตระกูลเซียวตกอับแล้ว เซียวฉางควนที่โด่งดังของเราสมัยก่อน เดี๋ยวนี้ไม่ได้สบายดังก่อนแล้ว……”

เซียวฉางควนก็หน้าเสีย แล้วพูดว่า “พันหยวนหมิง เอ็งจะพูดเพื่ออะไร? กูก็อยู่ของกูเอง ไม่ต้องให้เอ็งมายุ่งหรอก”

โจวชิ่งก็รีบพูดไกล่เกลี่ย “พวกคุณสองคนก็จริงๆ เลยนะ หลายปีแล้ว พอเจอหน้ากันก็ยังกัดกันเหมือนเดิม สมัยเรียนก็ทะเลาะกันทุกวัน อายุปูนนี้กันแล้ว ยังไม่ลืมเรื่องที่แย่งผู้หญิงกันอีกหรือไง?”

เซียวฉางควนก็ส่งเสียงไม่พอใจ แล้วก็พูดด้วยใบหน้าภูมิใจว่า “ผมมีอะไรให้ทะเลาะกับมันล่ะ? มันก็เป็นแค่คนที่แพ้ผมก็เท่านั้น ตอนนั้น หลังจากที่ผู้หญิงเขามาอยู่กับผม พันหยวนหมิงก็อิจฉา ดื่มเหล้าเมาในหอทุกวัน ดื่มมากก็ร้องไห้ อยากจะซัดผมจะแย่ ฮ่าๆๆๆ”

ในตอนนี้ รอบๆ ก็มีชายวัยกลางคนเพิ่มมาไม่น้อย ทุกคนได้ยินดังนั้น ก็พากันหัวเราะใหญ่ “ตอนนั้นพันหยวนหมิงกำลังหม่กมุ่นในความรัก ผมจำได้ว่าตอนนั้น เขาร้องไห้ทุกวัน ร้องจนตาแดงบวมมองอะไรไม่เห็น”

“ใช่น่ะสิ ฮ่าๆ ตอนนั้นเราเรียกพันหยวนหมิงกันว่า นักรัก!”

เย่เฉินก็อยู่ด้านข้าง ฟังหลายคนคุยกัน ก็รู้สึกแปลกใจ

ไม่คิดว่า พ่อตาและพันหยวนหมิง จะเป็นศัตรูความรักกัน?

หรือว่าพันหยวนหมิงจะชอบหม่าหลันเหมือนกัน?

คนปากจัดอย่างหม่าหลัน ก็ยังดึงดูผู้ชายให้ชอบได้เหมือนกันหรือนี่?

ทั้งสองคนตาบอดไปแล้วหรือไง?

พันหยวนหมิงได้ยินทุกคนกำลังเยาะเย้ยตนเอง ก็หัวเสีย แล้วก็พูดกับเซียวฉางควนว่า “เซียวฉางควน เอ็งนี่พูดจาแล้วไม่รับผิดชอบ

เลย เอ็งบอกกูเป็นผู้แพ้ของเอ็งรึ? น่าตลก เอ็งชนะตรงไหน? หานเหม่ยฉิงไปอยู่กับเอ็งรึไง? ใครบ้างไม่รู้ ว่าปีนั้นหานเหม่ยฉิงไปอเมริกา เธอทิ้งเอ็งไป!”

หานเหม่ยฉิงงั้นหรือ?

เย่เฉินฟังถึงจุดนี้ ในที่สุดก็เข้าใจ ที่แท้แล้ว ที่ทั้งสองคนแย่งกัน ไม่ใช่หม่าหลัน….

เพื่อนคนอื่นๆ ก็หัวเราะกันใหญ่

มีคนมาตบไหล่ของเซียวฉางควน แล้วถามอย่างสงสัยว่า “เออ เซียวฉางควน ปีนั้นทำไมนายถึงเลิกกับหานเหม่ยฉิง?”

“ใช่น่ะสิ! หลายสิบปีมานี้ พวกเราต่างก็สงสัยกับเรื่องนี้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เซียวฉางควนก็ไม่คิดว่าทุกๆ คนจะมาล้อมตนเองไว้ เพื่อมาถามเรื่องแย่ๆ ของตนเองในอดีต เขาก็เลยโบกปัดปฏิเสธด้วยท่าทางเสียอาการ

“ไอ้หย๋า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ก็อย่าไปรื้อฟื้นมันเลย……..”

เย่เฉินก็มองเห็นความเจ็บปวด ภายใต้สีหน้าท่าทางเสียอาการของเซียวฉางควน

หรือว่า เรื่องในอดีตของพ่อตาและแม่ยาย จะมีความลับอะไรอยู่?