“เอ่อ..ท่านจะสะสางบัญชีเช่นใด”
หลี่เจี้ยนกัง– หัวหน้าศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่ยังไม่ทันหายจากอาการตกใจ และหวาดผวาดีนัก ได้แต่อ้ำอึ้งเมื่อพูดจาตะกุกตะกักเมื่อได้ฟังคำพูดของหลิงหยุน!
“ข้าจะสะสางบัญชีเช่นใดนั้นไม่สำคัญ..”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆพร้อมกับยื่นมือไปตบไหล่หลี่เจี้ยนกัง แล้วพูดต่อว่า “แต่ก่อนที่ข้าจะสะสางบัญชีกับเจ้า เจ้าต้องตอบคำถามของข้าก่อน!”
“ยอดฝีมือทั้งสองคนที่มีนามว่าจางคุนหลุนกับหลี่คุนหลุนที่เพิ่งหนีไปเมื่อครู่นั้น พวกเขาเป็นใครกัน”
หลี่เจี้ยนกังได้ฟังคำถามของหลิงหยุนถึงกับหน้าซีดขาวขึ้นมาทันทีและได้แต่ส่ายหนาไปมาพร้อมกับตอบไปว่า
“ข้าไม่อาจบอกได้..” “บอกไม่ได้งั้นรึ!”หลิงหยุนถามย้ำพร้อมกับหรี่ตามอง..
หลี่เจี้ยนกังได้แต่ยืนยันเสียงแข็งและหนักแน่น“ข้าพูดไม่ได้จริงๆ ต่อให้ท่านสังหารข้า ข้าก็ไม่อาจพูดได้!”
หลิงหยุนได้แต่คิดอยู่ในใจ..เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะยืนกรานเสียงแข็งและหนักแน่นเช่นนี้ เห็นชัดว่าหลี่เจี้ยนกังหวาดกลัวเขาอย่างมาก แต่กลับไม่ยอมปริปากพูดเรื่องเกี่ยวกับคุนหลุนออกมาเลยแม้แต่น้อย เห็นชัดว่าหลี่เจี้ยนกังเห็นคุนหลุนสำคัญกว่าชีวิตของตนเอง!
และเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ก็เคยเกิดกับหลี่เคิ่นวู๋ซึ่งเป็นหัวหน้าของศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่ไปจัดการกับหลิงหยุนบนยอดเขาหลงเหมิน!
“หลิงหยุนเจ้าอย่าได้เสียเวลาไปเลย ต่อให้เจ้าสับร่างของเขาเป็นชิ้นๆ เขาก็ไม่มีทางปริปากเรื่องเกี่ยวกับคุนหลุนให้เจ้าฟังแม้แต่คำเดียวแน่!” เย่ซิงเฉินกระโดดเข้าไปยืนข้างกายหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยออกมา
“แล้วหากข้าถามเจ้าเล่า..เจ้าจะบอกข้าได้หรือไม่”
หลิงหยุนหันไปยิ้มให้กับเย่ซิงเฉินพร้อมกับถามออกมา
เย่ซิงเฉินทำท่าครุ่นคิดจากนั้นจึงตอบกลับไปว่า “เรื่องนี้ต้องรอดูเหตุการณ์ข้างหน้าเสียก่อน..”
หลิงหยุนได้แต่หงุดหงุดเมื่อคิดว่าจะไม่ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับคุนหลุนจากปากของหลี่เจี้ยนกังเป็นแน่..
“เอาล่ะ..ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะไม่เสียเวลาสอบถามเจ้า มาสะสางบัญชีระหว่างเราจะดีกว่า!”
หลิงหยุนหันไปพูดกับหลี่เจี้ยนกังเพื่อจัดการสะสางบัญชีความแค้นในอดีตต่อทันที..
ความจริงแล้ว..ที่สำนักกระบี่คุนหลุนเข้าร่วมงานชุมนุมชาวยุทธในครั้งนี้ ก็เพื่อสะสางบัญชีสองเรื่องกับหลิงหยุน ซึ่งก็คือบัญชีที่เขาสังหารศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุน และทำร้ายศิษย์บางคนบาดเจ็บสาหัสเมื่อครั้งที่ต่อสู้กันบนยอดเขาหลงเหมิน ส่วนอีกหนึ่งบัญชีคือเรื่องที่หลิงหยุนสังหารศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนในการประลองโดยมีชีวิตเป็นเดิมพันระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลเฉิน และตระกูลซัน
แต่สำหรับหลิงหยุนนั้นเขามีบัญชีแค้นเพียงเรื่องเดียวกับสำนักกระบี่คุนหลุนเท่านั้น ซึ่งก็คือเรื่องที่ยอดฝีมือจากสำนักกระบี่คุนหลุนสองคน ได้บุกเข้าไปถล่มตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีที่แล้วนั่นเอง
เวลานี้ยอดฝีมือทั้งสองคนนั้นก็ได้อยู่ในกลุ่มของศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนในเวลานี้ด้วยและหลิงหยุนจะไม่มีทางปล่อยพวกมันทั้งสอคนไปแน่!
หลี่เจี้ยนกังรู้ตัวดีว่าตนเองนั้นไม่สามารถเอาชนะหลิงหยุนได้และไม่มีทางหนีรอดได้เช่นกัน จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ท่านคิดจะสะสางเช่นใดเชิญพูดมาได้..”
หลี่เจี้ยนกังรู้ดีว่าหลังจากสองยอดฝีมือแห่งคุนหลุนจากไปแล้ว ศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่อยู่ในหุบเขาหลงเฟิงแห่งนี้ จึงไม่ต่างจากกวางน้อยที่หลิงหยุนจะฆ่าจะฟันเช่นใดก็ย่อมได้ และยากที่พวกเขาจะสามารถต้านทาน หรือดิ้นรนต่อสู้ได้..
แววตาสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาของหลิงหยุนขณะที่ยกมือขึ้นชี้ไปทางมือกระบี่สองคนที่อยู่ด้านหลังหลี่เจี้ยนกัง
“เมื่อสิบแปดปีก่อนศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนทั้งสองคนนั้น ได้บุกเข้าไปถล่มตระกูลหลิงพร้อมกับชาวยุทธคนอื่นๆ และร่วมมือกับบีบคั้นพ่อแม่ของเข้า! พวกมันทั้งสองต้องตาย..”
หลังจากที่ได้ฟังคำเรียกร้องของหลิงหยุนใบหน้าของหลี่เจี้ยนกังยังคงเรียบเฉยไร้ซึ่งความตกใจ เขานิ่งไปคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยกับหลิงหยุนว่า
“เมื่อครั้งที่มือกระบี่ทั้งสองบุกเข้าถล่มตระกูลหลิงพร้อมกับชาวยุทธคนอื่นๆเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้นความจริงแล้วหาใช่พวกเขาทั้งคู่ต้องการทำเช่นนั้นไม่ แต่เป็นเพราะทำตามคำสั่งของหัวหน้าคนก่อนเท่านั้น..”
“เวลานี้หัวหน้าผู้นั้นก็ได้จากโลกนี้ไปแล้วหากท่านต้องการจะสะสางบัญชีแค้นเมื่อสิบแปดปีก่อน ข้าหลี่เจี้ยนกังจะขอเป็นผู้รับไว้เอง!”
หลิงหยุนสังเกตดูสีหน้าของหลี่เจี้ยนกังและพบว่าคนผู้นี้มิได้เสแสร้งแกล้งพูด แต่ดูเหมือนเขาได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จึงอดที่จะนึกชื่นชมหลี่เจี้ยนกังไม่ได้!
แต่ถึงอย่างนั้นหลิงหยุนก็ปฏิเสธข้อเสนอของหลี่เจี้ยนกังพร้อมตอบกลับไปว่า“ไม่ได้! ผู้ใดเป็นคนลงมือ ผู้นั้นย่อมต้องเป็นผู้รับผล ในเมื่อเป็นพวกเขาสองคนที่บุกเข้าไปถล่มตระกูลหลิง และบีบคั้นท่านพ่อท่านแม่ของข้า ข้าก็จะต้องสะสางบัญชีแค้นกับพวกเขาสองคนเท่านั้น!”
แต่ในระหว่างที่หลี่เจี้ยนกังกับหลิงหยุนกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้นมือกระบี่ทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่เจี้ยนกัง ก็ได้ก้าวเท้าออกมายืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุน และหนึ่งในนั้นก็ได้เอ่ยออกไปว่า
“หลิงหยุนในเมื่อเหตุการณ์ก็ผ่านมานานมากแล้ว ข้าเองก็ไม่คิดที่จะแก้ตัวอะไร ในเมื่อท่านต้องการจะแก้แค้น พวกเราก็ยินดีรับ เชิญท่านลงมือได้เลย!”
จากนั้นมือกระบี่อีกคนก็หันไปพูดกับหลี่เจี้ยนกังด้วยแววตาซาบซึ้ง“จื่อเฉียวซาบซึ้งใจยิ่งนักที่ท่านหัวหน้ายอมรับผิดแทนเช่นนี้ แม้ท่านหัวหน้าคนก่อนจะเป็นผู้ส่งพวกข้าสองคนลงเขาไปในครั้งนั้น แต่ก็นับเป็นความรับผิดชอบของข้าทั้งสองคนอยู่ดี ท่านหัวหน้าไม่จำเป็นต้องออกรับแทนพวกเราเช่นนี้!”
แต่แล้วหลี่เจี้ยนกังก็ได้ยินเสียงพูดผ่านทางกระแสจิต..
–ท่านหัวหน้าเองก็เห็นกับตาแล้วแม้ว่าหลิงหยุนจะสามารถสังหารผู้คนได้โดยไม่กระพริบตา แต่เขาก็ไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ เขาจะไม่สังหารศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่นนั้นแล้วท่านควรคิดถึงความอยู่รอดของสำนักกระบี่คุนหลุน นำศิษย์ที่เหลือออกจากหุบเขาหลงเฟิงนี้อย่างปลอดภัยให้ได้!-
หลี่เจี้ยนกังฟังแล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบเพราะไม่อาจหาเหตุผลโต้แย้งได้..
หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ คนของสำนักกระบี่คุนหลุนยังจะสามารถรักใคร่กลมเกลียวกันได้ถึงเพียงนี้ เขาได้แต่นึกประหลาดใจและชื่นชม!
หลังจากที่จื่อเฉียวพูดกับหลี่เจี้ยนกังไปแล้วเขาก็หันไปยิ้มให้กับหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า
“หลิงหยุนในฐานะที่ท่านเป็นทายาทเยาว์วัยของตระกูลหลิง แต่กลับแข็งแกร่งและเก่งกาจเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของพวกเรายิ่งนัก แต่ในเมื่อเวลานี้ท่านเองก็เปรียบเสมือนมีด ส่วนพวกเราก็เปรียบเสมือนปลาที่รอคอยความตาย เช่นนั้นแล้วท่านจงบอกมาเถิดว่าต้องการแก้แค้นด้วยวิธีใด พวกเราทั้งสองพร้อมแล้ว..”
“ดี!”
หลังจากที่มือกระบี่ทั้งสองคนก้าวออกมายืนตรงหน้าและพูดจนจบแล้ว หลิงหยุนก็ได้เรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา ในเมื่อเขาต้องการชำระความแค้น เหตุใดยังต้องพล่ามไร้สาระอะไรอีกเล่า
ชัวะ!
หลิงหยุนเงื้อกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือฟันเข้าที่ลำคอของจื่อเฉียวกับจื่อเฉินพร้อมกันจากนั้นศรีษะของพวกเขาทั้งสองคนก็ขาดกระเด็นล่วงหล่นลงพื้นทันที ในขณะที่โลหิตสีแดงพุ่งกระฉูดออกจากลำคอไร้ศรีษะ กระจายเต็มท้องฟ้าก่อนจะตกลงสู่พื้นราวกับธารน้ำสีแดง..
“เห็นแก่ที่พวกเจ้าทั้งสองไม่คิดหนีข้าจึงให้พวกเจ้าสองคนตายอย่างไม่เจ็บปวดทรมาน!” หลิงหยุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
หลี่เจี้ยนกังจ้องมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปและร่างกายที่สั่นเทิ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว!
“หลี่เจี้ยนกัง..สำนักกระบี่คุนหลุนของเจ้าก็เป็นหนึ่งในผู้จัดงานชุนุมชาวยุทธครั้งนี้ขึ้น แม้เจ้าจะไม่ยอมเอ่ยปากบอกข้าถึงเหตุผล แต่ข้าก็พอที่จะเข้าใจได้ว่า ระหว่างสำนักกระบี่คุนหลุนของเจ้ากับตระกูลหลิงของข้า ต้องมีเรื่องบางอย่างที่แม้แต่เจ้าเองก็ไม่อาจพูดออกมาได้..”
หลิงหยุนพูดประโยคนี้ออกไปพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลี่เจี้ยนกังและพบเห็นความกระอักกระอ่วนใจอยู่ในนั้น
หลิงหยุนเป็นคนเฉลียวฉลาดหลังจากได้ฟังคำพูดของจางคุนหลุนก่อนหน้านี้ เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าการที่สำนักกระบี่คุนหลุนต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้น หรือแม้กระทั่งมาเป็นหนึ่งในผู้ที่จัดงานชุมนุมชาวยุทธเพื่อจัดการกับหลิงหยุนในคืนนี้นั้น น่าจะมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจพูดออกมาได้
แต่เหตุผลเดียวที่หลิงหยุนคิดได้คือ..น่าจะเกี่ยวข้องกับคุนหลุน!
“ฉะนั้น..ข้าจะไม่สังหารเจ้า!”
หลิงหยุนหันไปบอกหลี่เจี้ยนกังด้วยสีหน้าสงบนิ่งแล้วจึงพูดต่อว่า “แต่ในเมื่อสำนักกระบี่คุนหลุนของเจ้ามาที่นี่เพราะมีจุดประสงค์ต้องการสังหารข้ากับซิงเฉิน ข้าคงไม่อาจปล่อยให้เจ้ากลับไปง่ายๆเช่นนี้!”
“ฉะนั้นแล้ว..พวกเจ้าทุกคนต้องปลดอาวุธ และเอาสมบัติล้ำค่าที่นำติดตัวออกมาให้ข้า..”
แต่ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น“แล้วก็แต้มของหน่วยนภาอีกคนละสิบล้านหรือมากกว่านั้น เพื่อซื้อชีวิตของพวกเจ้า ข้าจึงจะปล่อยพวกเจ้ากลับไป!”
…… เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนจะไว้ชีวิตทุกคนหลี่เจี้ยนกังก็ถึงกับโล่งอก แต่เมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของหลิงหยุน หลี่เจี้ยนกังก็ถึงกับสะดุ้งอย่างแรง!
หลิงหยุนเรียกร้องแต้มของหน่วยนภามากมายเช่นนี้ไม่เท่ากับทำลายสำนักกระบี่คุนหลุนอย่างนั้นหรือ
“เจ้าไม่ต้องตื่นเต้นถึงเพียงนั้นก็ได้..ดูสิ! เพียงแค่ข้าบอกว่าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า เจ้าก็ตื่นเต้นตกใจถึงเพียงนี้เชียวรึ” หลิงหยุนร้องบอกหลี่เจี้ยนกังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หลี่เจี้ยนกังแทบอยากจะร้องไห้ออกมาแม้หลิงหยุนจะไว้ชีวิตพวกเขา แต่ก็ยังไม่วายปล้นทรัพย์..
…..
ในขณะที่เย่เทียนสุ่ยกับเย่เทียนตูซึ่งยืนมองเหตุการณ์อยู่บนท้องนภาก็ได้แต่หันไปมองหน้ากันด้วยความงุนงง
เย่เทียนสุ่ยถึงกับยิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้านี่มันจริงๆเลย!”
เย่เทียนตูพูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ! ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ”
เย่เทียนสุ่ยถึงกับกัดฟันพูดออกไปว่า“นี่หลิงหยุนมันคิดจะปล้นสำนักกระบี่คุนหลุนให้หมดตัวเลยหรือยังไง”
“ข้าว่า..ผู้ที่ก่อกวนโรงประมูลเย่ครั้งนั้นต้องเป็นหลิงหยุนแน่ๆ” เย่เทียนสุ่ยกัดฟันกรอด..
เย่เทียนตูพยักหน้าเห็นด้วย“แน่นอน! เป็นผู้อื่นไปไม่ได้แน่!”
…..
ทางด้านหลี่เจี้ยนกังได้แต่ตอบกลับหลิงหยุนไปว่า“หลิงหยุน.. หากเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ลงมือสังหารข้ายังจะดีกว่า!”
หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมตอบกลับไปว่า“ไม่มีทาง! พวกเจ้าพูดเองว่าข้าไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ คนดีเช่นข้าจะทำเรื่องที่เจ้าขอได้อย่างไรกันเล่า” จากนั้นก็หันไปทางเหล่าชาวยุทธไม้เลื้อยพร้อมกับถามขึ้นว่า“พวกเจ้าว่าข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่”
เหล่าชาวยุทธไม้เลื้อยต่างก็มีสีหน้าไม่ต่างจากหลี่เจี้ยนกังเวลานี้พวกเขาต่างก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่า นี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องจ่ายเพื่อซื้อชีวิต!
“ถูกต้องๆๆ”
หลิงหยุนได้ยินเช่นนั้นจึงได้แต่ร้องตะโกนออกไปด้วยเสียงดุดัน “ในเมื่อพวกเจ้าเห็นว่าข้าพูดถูกต้อง เหตุใดยังพากันยืนนิ่งเฉยอยู่เล่า รีบปลดอาวุธและสมบัติในตัวพวกเจ้าออกมา ใครมีแต้มหน่วยนภาอยู่ในมือเท่าไหร่ ก็รีบนำออกมาให้หมด!”
“เสี่ยวอู๋..โม่วู๋เตา.. พวกเจ้าสองคนไปจัดการเก็บรวบรวมกลับไปให้หมด!”
หลังจากสั่งตี้เสี่ยวอู๋กับโม่วู๋เตาแล้วหลิงหยุนก็หันไปพูดกับหลี่เจี้ยนกังต่อ
“ท่านหลี่..รีบหยิบเครื่องมือสื่อสารของท่านออกมาให้ข้าดูแต้มหน่วยนภา เร็วเข้า!”