หวงฝู่สือเมิ่ง หวงฝู่เย่าเย่ว์ และหวงฝู่เฮ่าตั้งสติได้ ก็รีบทิ้งของเล่นในมือทันที พวกเขาถอยหลังเพื่อหลบการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด  

 

 

ท่าป๋าหั่นมู่ไม่สามารถจัดการให้สำเร็จได้ในคราเดียว เพราะถูกหลินหันเยียนทำเสียแผน เขาเจ็บใจนัก ฝ่ามือของเขาก็พุ่งตรงมาที่หลินหันเยียนด้วยความรวดเร็วและรุนแรง 

 

 

หลินหันเยียนต้านไม่ไหว ตัวกระเด็นไปข้างหลัง แล้วกระอักเลือดลอยกลางอากาศ  

 

 

“คุณหนูใหญ่!” 

 

 

ทหารที่เฝ้าในกองบัญชาการเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็ตกใจจนร้องเรียก ต่างชักมีดยาวจากเอวออกมาและจู่โจมเข้าไป  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่ง หวงฝู่เย่าเย่ว์ และหวงฝู่เฮ่าก็โจมตีเข้าไปเช่นกัน  

 

 

ท่าป๋าหั่นมู่แสยะยิ้ม ยื่นมือไปทางหวงฝู่เย่าเย่ว์อย่างมีเป้าหมายชัดเจน  

 

 

แม้เขาจะปลอมตัวเข้ามา แต่ดวงตาดั่งเหยี่ยวของเขานั้นไม่สามารถปกปิดไว้ได้ หวงฝู่เย่าเย่ว์จำเขาได้ ตกใจร้องตะโกนขึ้นมาทันที “เจ้าคือท่าป๋าหั่นมู่!” 

 

 

เมื่อนางพูดจบ หลินหันเยียนก็ตกใจ แกว่งดาบวิ่งขึ้นไปหา ในขณะที่ทยานตัวเข้าไปหาท่าป๋าหั่นมู่ ก็สั่งว่า “ไปเรียกซื่อจื่อเฟยกลับมา!” 

 

 

ฝีมือท่าป๋าหั่นมู่นั้นเก่งกาจนัก แค่พวกเขาและเหล่าทหารที่มีอยู่ไม่สามารถสู้เขาได้  

 

 

ทหารนายหนึ่งขานรับ แล้ววิ่งไปที่กำแพงเมืองทันที  

 

 

แม้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีกำลังภายใน แต่นางมีวิธีการต่อสู้ที่แปลกประหลาด ตามราวีได้ยาก ท่าป๋าหั่นมู่เคยประลองฝีมือด้วย เมื่อได้ยินหลินหันเยียนพูด ก็สั่งผู้ติดตามทั้งสองว่า “จับตัวคนเดียวไปก็พอ” 

 

 

ได้ยินมาว่าหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวมีลูกสามคน คงเป็นเด็กทั้งสามคนตรงหน้านี้ไม่ผิดแน่ ไม่ว่าจับได้คนไหน แค่ใช้เขาเป็นเหยื่อบีบบังคับหวงฝู่อี้เซวียนก็เพียงพอแล้วล่ะ  

 

 

ผู้ติดตามสองคนขานรับ เร่งการโจมตีให้เร็วขึ้น  

 

 

แม้การต่อสู้ของหวงฝู่สือเมิ่งจะดีแค่ไหน แต่นางยังเป็นเด็ก ย่อมเสียเปรียบเรื่องแรงกำลัง ผ่านไปเพียงไม่กี่กระบวนท่า ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้ว  

 

 

หน้าประตูกองบัญชาการเกิดการเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ หลินฉงเหวินได้ยินคำรายงานของบ่าวรับใช้ ก็ลุกพรวด หยิบมีดเล่มใหญ่ที่ตนไม่ได้ใช้มานาน สั่งฮูหยินหลินว่า “เจ้าอยู่ในจวนเถอะ อย่าไปไหน ข้าจะออกไปดูเสียหน่อย” 

 

 

ฮูหยินหลินรู้ว่าตนต่อสู้ไม่เป็น หากออกไปก็มีแต่จะเป็นภาระ นางจึงพยักหน้า แล้วพูดกำชับอย่างร้อนรนใจ “ท่านระวังหน่อยนะเจ้าคะ” 

 

 

หลินฉงเหวินถือมีดเล่มใหญ่เดินออกไป  

 

 

เมื่อถึงหน้าประตูจวน หลังจากมองดูสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้ว ก็ชูดาบขึ้นบุกเข้าไปอย่างไม่ลังเล  

 

 

“ท่านพ่อ เขาคือท่าป๋าหั่นมู่ ท่านส่งคนมาหน่อยเจ้าค่ะ อย่าให้เขาหนีไปได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ” หลินหันเยียนหอบพลางสู้กับหนึ่งในผู้ติดตาม และพูดตะโกนกับหลินฉงเหวิน  

 

 

“เยียนเอ๋อร์ เจ้าไปเถอะ พ่อจะจัดการเขาเอง” หลินฉงเหวินเห็นรอยเลือดตรงมุมปากของหลินหันเยียน ก็พูดขึ้นอย่างปวดใจ ดาบใหญ่ในมือก็โจมตีใส่หนึ่งในกลุ่มคนนั้นอย่างไม่ลังเล  

 

 

เขาไม่เคยไปรัฐอิง จึงไม่รู้จักท่าป๋าหั่นมู่ แต่กำจัดได้คนหนึ่งเท่ากับคนหนึ่ง 

 

 

เมื่อมีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ท่าป๋าหั่นมู่เริ่มใจร้อน หากยังพัวพันไม่เลิกแบบนี้ เมื่อเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมา อย่าว่าแต่พวกเขาจะจับเด็กสักคนไปได้เลย แม้แต่หนีก็คงจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว  

 

 

ทหารส่งข่าววิ่งหอบขึ้นไปบนกำแพงเมืองเพื่อหาเมิ่งเชี่ยนโยว แต่กลับทราบว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไปที่พักของกองทัพแล้ว จึงรีบอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองให้ทหารที่เฝ้ากำแพงเมืองอย่างสั้นๆ เพื่อให้เขาส่งคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปช่วยเหลือ จากนั้นเขาก็จูงม้ามาตัวหนึ่งแล้วขึ้นควบม้ามุ่งไปทางชายแดนเพื่อรายงานหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยว  

 

 

เมื่อทหารเฝ้ากำแพงเมืองได้ยินว่าท่าป๋าหั่นมู่เข้าเมืองมา ก็ตกใจเบิกตาโต รีบรวบรวมทหารสิบกว่านายและนำพวกเขาเข้าไปในเมืองทันที และยังกำชับคนเฝ้าประตูเมืองให้คอยระวังท่าป๋าหั่นมู่ลอบหนีออกไปทางนี้  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมาถึงที่พักในกองทัพ ทราบข่าวว่าวันนี้กองทัพไม่ได้เดินหน้าต่อ เพราะว่ารอท่าป๋าหั่นมู่ส่งทูตมาเจรจาเงื่อนไข  

 

 

หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวพบกับหวงฝู่อี้เซวียน ก็ช่วยปัดฝุ่นบนเสื้อเขา ยิ้มพูดว่า “ท่าป๋าถึงทางตันแล้ว คงไม่สามารถคิดพลิกแพลงแผนการอะไรได้อีก วันนี้เจ้าและเสด็จพ่อกลับเมืองพร้อมข้าดีไหม จะได้อาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว และกลับมาจัดการกับเขาด้วยกำลังเต็มเปี่ยม” 

 

 

อ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียนไม่ใช่คนในกองทัพ จึงสามารถไปมาได้อย่างอิสระ เมื่อหวงฝู่อี้เซวียนได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า หลังจากหาอ๋องฉีเจอแล้ว ก็บอกให้เขากลับเมืองพร้อมกัน  

 

 

อ๋องฉีอยู่ในค่ายทหารติดต่อมาหลายวัน เขาก็เริ่มรู้สึกไม่สบายตัว จึงพยักหน้าเห็นด้วย  

 

 

จากนั้นหวงฝู่อี้เซวียนก็ไปบอกฉู่เหวินเจี๋ยและเมิ่งชิง ทั้งสามจึงขี่ม้าออกจากค่ายไป และกลับไปชายแดนของรัฐอู่  

 

 

เพิ่งไปได้ไม่ไกลนัก ก็เห็นว่าด้านหน้ามีม้าวิ่งมาด้วยความรวดเร็วจนฝุ่นตลบไปหมด  

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหรี่ตา มองข้างหน้าด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ เมื่อเห็นว่าเป็นทหารเฝ้ากองบัญชาการ ก็เร่งม้าขึ้นไป ถามเสียงดังว่า “เกิดอะไรขึ้น” 

 

 

เมื่อทหารเห็นว่าเป็นหวงฝู่อี้เซวียน ก็ดึงบังเ**ยนหยุดม้า และกลิ้งลงมาคุกเข่าลงบนพื้น รายงานว่า “ซื่อจื่อ ท่าป๋าหั่นมู่ลักลอบเข้าเมือง กำลังจะจับตัวท่านหญิงน้อยและคุณชายใหญ่ไปขอรับ!” 

 

 

“เจ้าพูดอีกรอบซิ!” อ๋องฉีเร่งม้าตามขึ้นมา เมื่อได้ยินคำรายงานของทหาร ก็ถามอย่างไม่เชื่อหูตนเอง  

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวสบตากันครู่หนึ่ง แล้วรีบเร่งม้ามุ่งไปในเมืองอย่างไม่ลังเลทันที  

 

 

เมื่ออ๋องฉีเห็น จึงรีบเร่งม้าตามไป  

 

 

เมื่อทหารลุกยืน และขึ้นควบม้าแล้ว ทั้งสามคนก็หายไปในมวลฝุ่นแล้ว  

 

 

 

 

 

ในเมือง  

 

 

เวลาผ่านไปทีละเล็กทีละน้อย ท่าป๋าหั่นมู่ยังไม่สามารถจับใครไว้ได้ เขาใจร้อนขึ้น จึงลงมือรุนแรงกว่าเดิม หากเป็นเมื่อก่อน อย่าว่าแต่หลินฉงเหวินและหลินหันเยียนสองคนนี้เลย แม้แต่คนสิบคนอย่างพวกเขา ก็คงไม่อยู่ในสายตา แต่โชคร้ายที่ไม่กี่วันก่อนถูกฝ่ามือของหวงฝู่อี้เซวียนไปจนบาดเจ็บหนัก ตอนนี้จึงไม่สามารถใช้กำลังภายในได้เลย การโจมตีก็อ่อนแรงลง ก็เลยถูกคนไม่อยู่ในสายตาเหล่านี้โลดแล่นไปมาอยู่นาน ยิ่งคิดความเดือดดาลในใจก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เขาปล่อยกำลังภายในที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมาพร้อมเสียงพลัง สั่นสะเทือนจนหลินฉงเหวินกระเด็นออกไป  

 

 

“ท่านพ่อ!” เมื่อเห็นหลินฉงเหวินถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปล้มลงบนพื้น หลินหันเยียนตกใจ และในขณะที่นางเสียสมาธิอยู่นั้น ก็ถูกฝ่ามือของผู้ติดตามนายหนึ่งกระทุ้งเข้าไปจนกระเด็นลอยออกไป 

 

 

เหลือเพียงหวงฝู่สือเมิ่ง หวงฝู่เย่าเย่ว์ และหวงฝู่เฮ่าสามคนที่กำลังหอบหนัก  

 

 

โอกาสมาถึงแล้ว สายตาดั่งเหยี่ยวของท่าป๋าหั่นมู่ปรากฏแสงแห่งความหวัง เขายื่นมือเข้าไปหาหวงฝู่เย่าเย่ว์  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งเข้ากันไว้ด้านหน้านาง ดาบในมือนางพุ่งมาราวกับสายลมวิ่งผ่านถึงหน้าเขา อีกเพียงนิดเดียวก็จะตัดมือเขาขาดแล้ว  

 

 

ท่าป๋าหั่นมู่รีบชักมือกลับ ยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วบุกเข้าไปอีกครั้ง  

 

 

ผู้ติดตามทั้งสองก็โจมตีใส่ทั้งสองคนพร้อมกัน  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์รีบกันไว้ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงตอบโต้ 

 

 

หวงฝู่เฮ่าเข้ามาช่วย กลับถูกผู้ติดตามนายหนึ่งกันไว้  

 

 

หลินฉงเหวินและหลินหันเยียนกัดฟัน ลุกขึ้นยืน มือกำอาวุธไว้แน่นแล้ววิ่งบุกเข้ามา แต่โชคร้ายที่ทั้งสองบาดเจ็บ การเคลื่อนไหวจึงช้าลงมาก พวกเขามีใจสู้แต่กำลังกายไปต่อไม่ไหว และเนื่องจากพื้นที่ต่อสู้มีขนาดเล็ก ตำแหน่งการผลัดเปลี่ยนจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เหล่าทหารที่ยืนอยู่ฟากหนึ่งจึงไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้เลย 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ทั้งสองคนเหนื่อยจนเหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัว และหอบหายใจหนัก  

 

 

ท่าป๋าหั่นมู่รู้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว ก็ดีใจ เล็งไปที่ช่องว่างหนึ่ง เหาะเหินตัวขึ้น จับตัวหวงฝู่เย่าเย่ว์ไว้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ 

 

 

“น้องเล็ก!” 

 

 

“พี่รอง!” 

 

 

ทั้งสองตกใจตะโกน  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เฮ่าทั้งสองคนอยากจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ถูกผู้ติดตามสองนายตามตอแยไม่ปล่อย จึงไม่สามารถผละตัวออกมาช่วยได้  

 

 

เมื่อท่าป๋าหั่นมู่จับคนได้แล้ว ก็ออกคำสั่งว่า “ถอย!” 

 

 

ผู้ติดตามสองนายขานรับ เก็บกระบวนท่า 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งได้โอกาส กระโดดหมับเข้าหาท่าป๋าหั่นมู่อย่างไม่ลังเล “เจ้าปล่อยน้องเล็กของข้านะ!” 

 

 

นางใช้กำลังทั้งหมดที่มีกระโดดเข้าใส่ด้วยความรวกเร็ว เร็วจนท่าป๋าหั่นมู่ไม่ทันตั้งตัว จึงถูกนางเกาะขาไว้แน่น ขยับตัวไม่ได้เลย  

 

 

“ตัดแขนนางทิ้งซะ!” ท่าป๋าอั่นมู่จับตัวหวงฝู่เย่าเย่ว์ไว้ และสั่งอย่างเย็นชา  

 

 

ผู้ติดตามทั้งสองเดินขึ้นหน้า ครั้นดาบคมในมือกำลังจะตะหวัดลงไปที่มือของหวงฝู่สือเมิ่ง  

 

 

“พี่ใหญ่ ปล่อยมือนะ!” หวงฝู่เย่าเย่ว์กรีดร้องอย่างตกใจ  

 

 

“พี่ใหญ่!” หวงฝู่เฮ่าก็ตกใจจนร้องเรียก เขาโยนดาบคมในมือออกไป แล้วกระโดดออกไป ทิ้งตัวนอนคว่ำลงบนหลังของหวงฝู่สือเมิ่ง  

 

 

“คุณชายใหญ่!” เสียงสูงแหลมของหลินหันเยียนตกใจ แล้วก็กระโดดตามไปทับลงบนลำตัวของหวงฝู่เฮ่าอย่างไม่รีรอ  

 

 

ฉึบ! ดาบคมแทงเข้าไป ได้ยินเสียงดังขึ้น  

 

 

ดาบในมือของผู้ติดตามแทงเข้าไปในตัวของหลินหันเยียน  

 

 

“เยียนเอ๋อร์!” หลินฉงเหวินผู้เห็นทุกอย่างกับตาตนเอง ก็เจ็บปวดรวดร้าว มีดใหญ่ในมือแกว่งเข้าหาผู้ติดตามอย่างเดือดดาล 

 

 

ผู้ติดตามรีบชักดาบออกมาจากตัวหลินหันเยียน แล้วหันมารับดาบของเขาไว้ได้อย่างเฉียดฉิว สีเลือดแดงที่ติดดาบมาทำเอาเหล่าทหารตรงนั้นโกรธจนเลือดขึ้นตา กระตุ้นจิตประสาทของหลินฉงเหวิน ทำให้เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่ง ปากตะโกนว่า “คืนชีวิตลูกสาวข้ามา” ดาบใหญ่ในมือตวัดไปที่จุดสำคัญของผู้ติดตามอย่างไม่หยุดยั้ง  

 

 

ผู้ติดตามเอาเขาไม่อยู่  

 

 

เหล่าทหารรอบด้านที่ไม่สามรถเข้าช่วยเหลือได้ก็แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งบุกเข้าหาท่าป๋าหั่นมู่ ส่วนอีกกลุ่มบุกเข้าหาผู้ติดตาม  

 

 

ท่าป๋าหั่นมู่ขยับตัวไม่ได้ ได้แต่มือหนึ่งคอยจับตัวหวงฝู่เย่าเย่ว์ไว้ อีกมือคอยกันการโจมตีจากเหล่าทหาร  

 

 

หวงฝู่เฮ่าไม่คิดว่าหลินหันเยียนจะเข้ามาช่วยตนรับดาบนี้ไว้ เขานิ่งชะงักไป  

 

 

“น้องเฮ่า ข้ากอดเขาไว้ เจ้าหาวิธีช่วยเย่ว์เอ๋อร์นะ” จนถึงบัดนี้ หวงฝู่สือเมิ่งมีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือห้ามให้ท่าป๋าหั่นมู่จับตัวเย่ว์เอ๋อร์ไปได้อีกครั้ง 

 

 

หวงฝู่เฮ่าตั้งสติได้ ขานรับ ขยับตัวให้ตัวของหลินหันเยียนออกจากตน แล้วหยิบดาบในมือนางขึ้นมา แทงไปที่ท่าป๋าหั่นมู่อย่างไม่ลังเล  

 

 

ท่าป๋าหั่นมู่ไม่มีทางเลี่ยง จึงนำตัวหวงฝู่เย่าเย่ว์กันไว้ข้างหน้าตน เพื่อกันการโจมตีจากหวงฝู่เฮ่า ในขณะเดียวกันก็รวบรวมกำลังบริเวณเท้าทั้งหมด สะบัดหวงฝู่สือเมิ่งออกไป  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งกระอักเลือดออกมา นางยังคงไม่ปล่อยมือ และจับเขาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม  

 

 

เมื่อหวงฝู่อี้เซวียนทั้งสามคนมาถึง ก็เห็นภาพเบื้องหน้าเช่นนี้  

 

 

ลูกสาวสองคน คนหนึ่งถูกจับยึดไว้ อีกคนนอนอยู่บนพื้น กอดขาของท่าป๋าหั่นมู่ไว้แน่น ส่วนหลินหันเยียนนอนหลับตาอยู่บนพื้นอีกฝั่งหนึ่ง  

 

 

ทั้งสองสามีภรรยากระโดดลงมาจากหลังม้า บุกเข้าหาท่าป๋าหั่นมู่ในทันที  

 

 

อ๋องฉีก็เห็นภาพเบื้องหน้า เขากระโดดเข้าหาท่าป๋าหั่นมู่ ฝ่ามือที่มาพร้อมเสียงลมมุ่งไปหาท่าป๋าหั่นมู่  

 

 

ท่าป๋าหั่นมู่ถูกโจมตีจากสามฝั่ง เขาตั้งตัวได้ทัน ในขณะที่ยกตัวหวงฝู่เย่าเย่ว์ขึ้นเหนือศีรษะ ก็ถีบหวงฝู่สือเมิ่งกระเด็นออกไป  

 

 

อ๋องฉีรีบถอนตัว แล้วยื่นมือไปรับหวงฝู่สือเมิ่งไว้ 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็ถอนท่าคืนนั้นเช่นกัน เพราะกลัวว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์จะโดนลูกหลง  

 

 

ท่าป๋าหั่นมู่จับหวงฝู่เย่าเย่ว์ไว้แน่น หัวเราะไปที่ทั้งสองคน “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยแห่งตระกูลหวงฝู่ พวกเจ้าคงคิดไม่ถึงล่ะสิ ว่าข้ากล้าลักลอบเข้ามาจับลูกสาวของพวกเจ้า ตอนนี้เราจะเจรจาเงื่อนไขสงบศึกกันดีๆ ได้หรือยัง”