บทที่ 102 ต้นไม้ยักษ์
เวลาล่วงเลยไป ในที่สุดหลังจาก 10 วันที่แสนยาวนาน ซูเฉินก็เดินออกมาจากห้องของเขา
เมื่อพวกเขาเห็นดังนั้น ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ขอบคุณที่ทำงานหนักนะ” ซูเฉินกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
กุยซานเยว่กล่าว “พวกเราไม่ได้ทำงานหนักอะไร พวกเราเพียงแค่กังวลเกี่ยวกับมือแห่งโชคชะตาเท่านั้นเอง”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลถึงมือแห่งโชคชะตาหรอก หากพวกเขามา ข้าจะเป็นคนจัดการเอง ที่จริงแล้วข้าไม่ได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึก ที่สำคัญกว่านั้น ข้าได้ทำการวิจัยบางอย่าง ดูสิ……”
ซูเฉินดึงเอาขวดยาเล็ก ๆ จำนวนหนึ่งออกมา
“นี่คือ……”
“นี่คือหัวใจสมุทรสีคราม นี่คือกล้วยไม้เสียงหยก นี่คือผงสหสวรรษหวนคืน นี่คือยาระฆังทองคำ นี่คือยาย้อมเพลิง……” ซูเฉินสาธยายรายการยาชื่อแล้วชื่อเล่า ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นและสุขสำราญใจ
หัวใจสมุทรสีครามเป็นยาพัฒนาวิชาอาร์คาน่าระดับสูง ทุกวิชาอาร์คาน่าระดับ 5 หรือต่ำกว่านั้นจะทรงพลังขึ้น 1 ระดับ ในขณะที่ผลของมันจะถูกลดลงครึ่งหนึ่งสำหรับระดับสูงกว่านั้น แต่ความทรงพลังของมันนั้นไม่สามารถจะปฏิเสธได้เลย
กล้วยไม้เสียงหยกเป็นยาประเภทที่ลดเวลาฟื้นฟูการใช้งานวิชาอาร์คาน่าแทบทั้งหมด บางวิชาอาร์คาน่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องอย่างรวดเร็วข้นมหาศาล
วิชาอาร์คาน่าส่วนมากมีระยะเวลาในการร่ายแต่ละครั้ง หลายพันปีที่ผ่านมาปรมาจารย์อาร์คาน่าได้พยายามอย่างสุดความสามารถในการร่นระยะเวลาเหล่านั้น วิชาอาร์คาน่าแต่กำเนิดก็เป็นหนึ่งตัวอย่างของพัฒนาการนั้น กล้วยไม้เสียงหยกก็มีจุดประสงค์อย่างเดียวกัน
กล้วยไม้เสียงหยกของซูเฉินนั้นสามารถเทียบเคียงได้กับระดับสูง ทำให้มันมีประสิทธิภาพกับวิชาอาร์คาน่าระดับต่ำกว่า 6 แทบทั้งหมด นี่ทำให้มันเป็นยาที่หาได้ยากทีเดียว
ผงสหสวรรษหวนคืนมีประโยชน์กับการรับมือวิชาอาร์คาน่าอัญเชิญ โดยเฉพาะภาพอสูรลวงตาที่มักจะถูกอัญเชิญมาเพื่อปกป้องแดนว่างเปล่า
ยาระฆังทอง ตามชื่อเสียงเรียงนามของมัน เป็นยาประเภทป้องกัน มันไม่ใช้กินแต่ใช้ลงบนร่างกายด้วยวิธีการลับแทน มันจะระเบิดออกมาตอบสนองต่อการโจมตีที่คอขาดบาดตายพร้อมสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้นและป้องกันการโจมตี มันเป็นยาช่วยชีวิตที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ
ในขณะเดียวกัน ยาย้อมเพลิงมีไว้เพื่ออาบวิชาอาร์คาน่าด้วยเปลวไฟของเตาเผาเหล็ก มันจะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับการโจมตีที่ใช้การสัมผัสทางกายภาพ หมายความว่าผู้ที่มักจะใช้ยาเช่นนี้คือนักธนูนั่นเอง
นอกจากปรมาจารย์อาร์คาน่าแล้ว นักรบเผ่าปักษาส่วนมากก็เป็นนักธนูเช่นกัน วิชากุยซานก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ยาย้อมเพลิงนั้นถูกจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเขาโดยเฉพาะ
หยูกยาเหล่านี้เป็นสิ่งหายากในอาณาจักรแห่งหมู่เมฆ มีเพียงปรมาจารย์นักปรุงยาเท่านั้นที่สามารถปรุงพวกมันขึ้นมาได้ โดยปกติแล้วเป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะได้มันมาแม้เพียงขวดหนึ่ง แต่ตอนนี้ซูเฉินกำลังแจกจ่ายมันออกไปเป็นจำนวนมาก
“งั้นเจ้าก็เป็นนักปรุงยาจริง ๆ น่ะสิ !” กุยซานเยว่กล่าวด้วยความสุขใจประกอบกับตกตะลึง
“เนื่องจากพวกเจ้าเป็นผู้ติดตามข้าแล้วในตอนนี้ มันคงถูกต้องแล้วที่ข้าจะมอบผลประโยชน์บางอย่างให้กับพวกเจ้าด้วยเช่นกัน” ซูเฉินกล่าวอย่างเป็นกันเองพร้อมกับนำเอาขวดยาออกมาเพิ่ม “พวกเจ้าทุกคนจะได้ไปคนละหนึ่งขวด”
“นี่เป็นยาประเภทใดกัน ?” อิงอิงถามด้วยความสงสัย
“ยาประเภทที่สามารถเสริมพื้นฐานระดับพลังให้เจ้า เมื่อเจ้าดื่มมัน ความสามารถในการสัมผัสถึงพลังงานต้นกำเนิดของเจ้าจะเพิ่มสูงขึ้นและเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการฝึกจิตใจของเจ้าได้มหาศาล มันมีตำหนิอยู่อย่างหนึ่งคือยานี้ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน เจ้าจึงควรดื่มมันเดี๋ยวนี้”
เมื่อได้ยินว่ายาชนิดนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกได้ พวกเขาต่างก็ตื่นอกตื่นใจกันเป็นอย่างมาก บางคนที่ใจร้อนยิ่งกว่าถึงขั้นดื่มมันเข้าไปในทันที
แน่นอนว่ามีบางคนที่ระแวดระวังไม่น้อยอยู่เช่นกัน
กุยซานเยว่จ้องมองขวดยาในมือของเขา “ท่าน พวกเรารอก่อนจะใช้มันได้ไหม ?”
“ว่าไงนะ ? เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือ ?” ซูเฉินหันจ้องเขาเขม็ง
หัวใจของกุยซานเยว่ดิ้นพล่านขณะที่เขารีบร้อนกล่าว “ข้ามิบังอาจ”
“ไม่ต้องห่วง หากข้าต้องการจะปลิดชีพเจ้า ข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งยาพิษหรอก” ซูเฉินกล่าวอย่างใจเย็น
กุยซานรู้ดีว่าซูเฉินพูดถูก เขากลั้นใจและเงยหน้าขึ้นพร้อมกลืนกินยานั้นลงไป
อิงอิงและจือฮัวนู๋มองหน้ากันและกัน เมื่อพวกเขาเห็นซูเฉินส่งสายตามา พวกนางก็ก็ทำได้เพียงกลั้นหายใจและดื่มมันเข้าไป
“เอาละ ตอนนี้เมื่อพวกเราจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ออกไปกันเถอะ”
ดินแดนลับของอวี้ชิงหลานตั้งอยู่ที่ทางเหนือของแม่น้ำเทพธิดา ห่างไปเพียงครึ่งวันจากเมืองมากเมฆา หากไม่ใช่เพราะผัดเวลาของซูเฉินแล้วพวกเขาคงจะมาถึงตั้งแต่หลายวันก่อน
เวลาครึ่งวันผ่านพ้นไป ซูเฉินและคนอื่น ๆ ก็มาถึงในที่สุด
“จากบนแผนที่มันควรจะอยู่ในบริเวณนี้” อิงอิงกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มกันเลย” ซูเฉินออกคำสั่ง
หลังจากสมาชิกตระกูลกุยซานเริ่มจัดตั้งรูปแบบต้นกำเนิด
คลังสมบัติของอวี้ชิงหลานไม่ได้ปรากฏออกมาง่าย ๆ รูปแบบต้นกำเนิดที่ถูกต้องจำเป็นต้องถูกใช้เพื่อเริ่มใช้งานและเปิดประตูสู่ดินแดนลับ
หลังจากนั้น คุณค่าที่แท้จริงของแผนที่นั้นไม่ใช่การชี้จุดหมายที่ตั้งของด่านแต่มันบรรจุข้อมูลวิธีการบุกรูปแบบต้นกำเนิดขึ้นมาต่างหาก มีเพียงผู้ที่ถือครองแผนที่นี้เท่านั้นที่จะรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมัน
ตระกูลกุยซานนำเอาวัสดุที่พวกเขาได้ตระเตรียมไว้ล่วงหน้ามานานแล้วและเริ่มจัดการติดตั้งรูปแบบตรวจจับนั้นขึ้น
ฐานรูปแบบที่ลงข้อความจารึกเรืองแสงเสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อรูปแบบนั้นถูกปลุกขึ้น คลื่นความผันผวนแปลกประหลาดก็เริ่มแผ่กระจายอย่างรวดเร็วขณะที่ผืนดินเริ่มส่งเสียงคำราม
ราวกับมีบางสิ่งที่อยู่ห่างไกลออกไปกรีดร้องโต้ตอบ
เสียงคำรามนี้ดังอยู่ได้ไม่นาน พื้นดินก็เริ่มส่งเสียงดังและแกว่งไปมา
ราวกับว่าแผ่นดินไหวจะมาแทนที่แม้จะยังแตกต่างกันเล็กน้อย มันปรากฏขึ้นราวกับบางสิ่งกำลังจะทิ่มแทงออกมาจากผืนแผ่นดิน
“ตรงนั้น !” อิงอิงชี้ไปยังจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหว
ในพื้นที่ไกลออกไปราว 60 ลี้ สามารถมองเห็นก้อนพื้นดินขนาดมหึมากำลังแตกร้าวออก
“มันต้องเป็นดินแดนลับแน่ ! ดินแดนลับกำลังจะปรากฏ !” กุยซานเยว่กล่าวด้วยความตื่นเต้น
ตระกูลกุยซานได้สูญเสียบ้านเมืองของพวกเขาเพื่อตามหาแดนลับของอวี้ชิงหลาน สามารถกล่าวได้ว่าความหวังของพวกเขาทุกคนล้วนตั้งอยู่บนแดนลับนี้ เขาได้หลงลืมไปแล้วว่าซูเฉินบอกไว้ว่าจะให้สมบัติแก่พวกเขาแค่ 3 ชิ้น
แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าสิ่งใดกำลังจะขึ้นมาจากพื้น ทุกคนก็ตะลึงงัน
มันคือต้นไม้ !
ในตอนแรกมันเป็นเพียงต้นกล้าเล็ก ๆ
แต่เพราะขนาดเล็กจิ๋วของมันทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นในทีแรก
เมื่อที่ใบอ่อนของมันโผล่ขึ้นมาจากพื้น มันก็เริ่มเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ พื้นดินที่แยกออกจากกันนั้นเกิดจากต้นไม้ที่งอกรากของมันออกมาใต้พื้นดิน ต้นไม้ต้นน้อยเติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ และกลายเป็นต้นไม้ยักษ์ แล้วจึงกลายเป็นต้นไม้ในตำนาน
กว่าทุกคนจะมองเห็นถึงความผิดปกติ ต้นไม้นี้ก็เกือบจะใหญ่เท่ากับภูเขา
มันแผ่ขยายกิ่งก้านสาขาออกไปทั่วทุกทิศทางและสร้างขึ้นเป็นกระโจมขนาดมโหฬาร ต้นไม้ยักษ์ยังคงแผ่ขยายและเติบโตขึ้นบดบังทัศนวิสัยของทุก ๆ คน
กระทั่งซูเฉินยังต้องตะลึงงัน “ข้า… ให้ตายเถอะ !”
เป็นฉากหายากทีเดียวที่ซูเฉินจะสบถเช่นนี้
เขาคิดว่าทางเข้าสู่แดนลับจะเป็นช่องว่างเช่นเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในซากโบราณลุ่มน้ำทอง เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดความโกลาหลขึ้นเช่นนี้
ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ ๆ คงจะรู้ว่าด่านได้ถูกเปิดขึ้นแล้วใช่ไหม ?
ไม่เป็นไรหรอก
อย่างไรแล้วเขาก็ได้เตรียมการสำหรับสิ่งนี้มาแต่แรกแล้ว
เขารักษาภาพลักษณ์ภายนอกที่นิ่งเฉยไว้ได้
“ท่านชิงเฮิ่น เราจะทำอย่างไรดี ?” กุยซานเยว่รู้ถึงปัญหาเช่นกัน
“จะทำอะไรได้อีกล่ะ ? เรามาถึงจุดนี้แล้วก็ทำได้แค่ไปต่อเท่านั้น” จือฮัวนู๋พูดขึ้น
ขณะที่พูด นางก็พุ่งตรงไปยังต้นไม้ขนาดมโหฬาร
นางดูตื่นอกตื่นใจทีเดียว
ต้นไม้ยักษ์ยังคงเติบใหญ่ขึ้นราวกับว่าการกลายเป็นภูเขานั้นยังไม่เพียงพอต่อความหิวกระหายของมัน
ต้นไม้นั้นยังคงเติบโตสูงขึ้นและสูงขึ้น
ในพริบตาเดียว ทุกคนก็ค้นพบว่าไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะบินเข้าไปหาต้นไม้อีกต่อไป
เพราะต้นไม้ยักษ์กำลังมุ่งหน้ามายังพวกเขา
ขณะที่มันโตขึ้น มันก็ยืดเหยียดมาในทิศทางของพวกเขา
ทุกคนขึ้นไปยังกิ่งของต้นไม้และกลับกลายเป็นมดตัวจ้อยที่ห้อยโหนอยู่บนเปลือกไม้ขณะที่มันยังคงขยายใหญ่ขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
พวกเขาเริ่มค้นไปทั่วและพบที่ตั้งของประตู อย่างไรแล้วเมื่อดินแดนลับได้ปรากฏขึ้น มันก็ต้องมีประตูใช่ไหมล่ะ ?
แต่โชคไม่ดีนักที่ไม่มีใครสามารถหามันพบ
ต้นไม้ยักษ์ยังคงขยายขนาดต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งจนกระทั่งกระโจมของมันยาวเหยียดขึ้นไปบนฟากฟ้า
ต้นไม้นั้นได้ก่อเป็นหอคอยตามธรรมชาติเหนือพื้นดิน
ซูเฉินยืนบนต้นไม้และก้มมองลงมาเบื้องล่าง “กุยซานเยว่ ข้ารับใช้ที่ให้แผนที่กับเจ้าไม่ได้บอกเรื่องนี้ใช่ไหม ?”
กุยซานเยว่ส่ายหัว “เขาไม่เคยบอกเลย ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะก่อความวุ่นวายเช่นนี้”
“แล้วเจ้าคิดว่ามันแปลกไหมล่ะ ? อย่างไรพวกเขาก็เคยเปิดดินแดนลับมาแล้วครั้งหนึ่ง ผู้คนควรจะรู้เกี่ยวกับแดนลับนี่ตั้งนานแล้วถ้าการเปิดมันจะโกลาหลถึงเพียงนี้” ซูเฉินกล่าว
กุยซานเยว่ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน “จะเป็นไปได้ไหมว่าข้ารับใช้คนนั้นคิดทรยศและให้แผนที่ปลอมมา ?”
ซูเฉินส่ายหน้า “หากเขาต้องการทำร้ายเจ้า เขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรอก ดูเหมือนว่าจะมีวิชาอาร์คาน่าลึกลับที่ถูกซ่อนไว้ที่นี่… จากการที่มันสร้างความวุ่นวายเช่นนี้ ข้าเชื่อว่าข้ารับใช้คนนั้นไม่ได้เห็นความวุ่นวายเช่นนี้ เขาจึงไม่รู้เกี่ยวกับมันเช่นกัน”
“งั้นทำไมครานี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงถึงขนาดนี้กันล่ะ ?” อิงอิงถามขณะที่ยังคงตะลึง
ซูเฉินส่ายหน้าอีกครั้ง “ข้าไม่รู้ บางทีทางเดียวที่จะรู้ได้คือต้องเข้าไปข้างในเสียก่อน”
เข้าไปข้างใน ?
ทุกคนมองลงไปยังกิ่งก้านของต้นไม้ที่พวกยืนอยู่อย่างพร้อมเพรียงกัน
“อืม” ซูเฉินกล่าวอย่างสงบนิ่ง “หากข้าเดาไม่ผิด แดนลับควรจะอยู่ภายในต้นไม้ต้นนี้ เพียงแต่ต้นไม้นี้ถูกกักขังไว้ใต้ดินจากครั้งก่อนที่ด่านถูกเปิดออก ข้าก็ไม่แน่ใจว่าทำไมทั้งด่านจึงโผล่พรวดขึ้นมาจากพื้นในคราวนี้”
การแอบซ่อนแดนว่างเปล่าไว้นั้นไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างไรแล้วมันก็เคยเกิดขึ้นที่ซากโบราณลุ่มน้ำทอง
แต่ในครั้งนี้รูปแบบต้นกำเนิดได้นำพาทั้งด่านที่ซ่อนอยู่ขึ้นมาบนพื้นดิน
เนื่องจากด่านนี้ได้ปรากฏขึ้นอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ นี่คงจะเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของอวี้ชิงหลานตั้งแต่แรก ไม่ใช่ผลของการที่ดินแดนว่างเปล่ากำลังแตกสลาย ไม่อย่างนั้นต้นไม้นี้คงจะแตกออกเป็นชิ้นส่วนมากมายนับไม่ถ้วนไปแล้ว
“ไม่ว่าจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ พวกเราจะได้รู้เมื่อเข้าไปข้างในได้แล้ว” จือฮัวนู๋กล่าว
“แต่ไม่มีประตูอยู่บนต้นไม้นี่ แล้วพวกเราจะเข้าไปได้ยังไง ?” อิงอิงไม่เข้าใจ
“ประตูน่ะอยู่ตรงหน้าพวกเจ้ามาตลอด พวกเจ้าแค่ไม่ได้สนใจมันเท่านั้นเอง” ซูเฉินกล่าวอย่างมีนัยยะ
ทุกคนต่างตกตะลึง
พวกเขาหันไปตามสายตาของซูเฉินและค้นพบแผ่นสีเงินขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นมาจากฐานของต้นไม้ก่อนจะกลับกลายเป็นตาข่ายกิ่งไม้อย่างรวดเร็ว มันดูราวกับปากขนาดใหญ่ที่กวัดแกว่งลิ้นไปด้านหน้าและหลังอย่างเชื่องช้า
“หรือจะเป็น…” อิงอิงชะงักไป
“ใช่ นี่คือปากเข้าไปสู่ถ้ำ”
“มันคือปากจริง ๆ” ทุกคนจ้องมองไปยังปากขนาดยักษ์เบื้องล่างและต่างก็นิ่งงันด้วยความตกตะลึง
ซูเฉินไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อยและกระโดดลงไป
ปากมหึมาเปิดออกและกลืนซูเฉินลงไปพร้อมบดบังเขาออกไปจากสายตา
ในชั่วขณะหนึ่ง จือฮัวนู๋กระทั่งสงสัยว่าซูเฉินถูกกินไปทั้งอย่างนั้นเลยหรือ
เผ่าปักษาคนอื่น ๆ มองหน้ากันไปมาและไม่แน่ใจว่าควรจะทำอย่างไรดี
ในท้ายที่สุดก็ยังคงเป็นจือฮัวนู๋ผู้ขบฟันแน่นและพูดขึ้น “จะไปกลัวอะไรเล่า ? ไม่ว่าข้าจะอยู่หรือตายชีวิตข้าก็ย่ำแย่อยู่ดี !”
ขณะที่พูด นางก็กระโดดลงไปในปากทางเข้าด่านนั้นเช่นกัน