ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิน ตอนที่ 44 พลังต้นกำเนิด

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ณ วังทวีสูญ ภายในสวนที่เต็มไปด้วยเสียงนกร้องและบุปผานานาพรรณส่งกลิ่นหอมอบอวล เหล่าเทพจักรวาลกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่นี่ ดื่มสุราเฮฮา มีความสุขกันเป็นอย่างยิ่ง

“มา มา มา เสวี่ยอิง เราสองคนมาดื่มกันสักจอกหนึ่งเถิด” บรรพชนห้วงอากาศอยู่ข้างกายตงป๋อเสวี่ยอิง นั่งอยู่บนพื้นหญ้าพลางถือจอกสุราดื่ม “น่าเสียดายที่ท่านอาจารย์ของเจ้ามิได้อยู่จนเห็นวันนี้ ถ้าหากเขาได้เห็นก็จะต้องเบิกบานใจยิ่งอย่างแน่นอน”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเบาๆ

ปรมาจารย์กู่ฉี

สิ้นชีพด้วยน้ำมือของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์! เสียดายเพียงแต่ว่าตอนนี้ตนมิอาจสังหารจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ตายได้ ต่อให้ตนเองกลายเป็นขั้นสุดยอดก็ไม่มีหวัง บางที ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ ไปถึงขั้นสุดยอด จึงจะมีความหวังที่จะสังหารจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ตายได้อยู่บ้างกระมัง นี่ก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น! เพราะว่าแต่ไหนแต่ไรบนดินแดนจิตโลกาก็ไม่เคยมีใครไปถึงขั้นสุดยอดทางด้านวิถีวิญญาณมาก่อนเลย

“อาจารย์ของเจ้าเขามีความสุขกับการเป็นอิสระ แต่ก็มีจิตใจเมตตาต่อสรรพชีวิต ดังนั้นเขาจึงเป็นอริกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์” บรรพชนห้วงอากาศเอ่ยพึมพำเสียงต่ำ “เขาอาศัยเคล็ดลับวิถีอากาศหนีไปในทันทีที่เห็นสถานการณ์ไม่ดี แต่ว่าในอดีตจอมเทพศักดิ์สิทธิ์มิได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเท่านั้นเอง เมื่อใดที่โมโหขึ้นมาจริงๆ แล้วใช้พละกำลังของร่างแปรทิพย์โบราณ เขาก็ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะต้านทานเลยเสียด้วยซ้ำ”

“ข้าก็อยากจะแก้แค้นให้กู่ฉีอยู่เหมือนกัน แต่ข้าก็กลัวว่าจะตายอย่างไม่มีประโยชน์อันใดเลยแม้แต่น้อยภายใต้เงื้อมมือของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์”

ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังอยู่ข้างๆ ใช่แล้ว ก่อนที่พลังยุทธ์ของเขาและจอมกระบี่จะก้าวหน้าอย่างมหาศาล ก็ไม่มีหนทางใดๆ ในการเผชิญหน้ากับ ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ เลยจริงๆ ต้องเป็นฝ่ายรับโดยตลอด! พวกประมุขโลกและบรรพชนทิพย์ยังสามารถต้านทานต่อหน้าได้ แต่ก็จนใจมิอาจทำอะไรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ สำหรับระดับอย่างบรรพชนเทียนอวี๋และบรรพชนห้วงอากาศนั้นถ้าหากต้านทานแล้วเมื่อใดที่ไม่ระวังก็อาจถึงแก่ชีวิตได้แล้ว ต่างก็อาศัยสมบัติลับล้ำค่าคุ้มกายต้านทาน เพียงชั่วพริบตาก็สามารถหลบหนีไปได้ในทันทีแล้ว หรือจะขอความช่วยเหลือให้ประมุขโลก ราชันย์มีด และคนอื่นๆ มาช่วยเหลือ

น่าเสียดาย

ความผิดหวังเช่นนี้ผ่านเลยมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้ว

“ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เขาก็ได้แต่หลบซ่อนตัวอยู่ที่ทางเดินโลกาพิศวงเท่านั้น! มีจอมกระบี่และเสวี่ยอิงอยู่ เช่นนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ได้แต่หลบซ่อนตัวเช่นนี้ไปตลอดกาล” ท่านบรรพชนคีรีมารน้ำเสียงแข็งกร้าว

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าบำเพ็ญมาเนิ่นนานเช่นนี้ ในภายหน้าก็มีสหายได้มากขึ้นหน่อยแล้ว” เจ้าศิลาแยกเขี้ยวยิ้ม “ข้ามองออกว่าการหยั่งรู้ของพวกเจ้าสองคนล้วนสูงส่งเป็นที่สุด ก็มีความหวังที่จะประสบความสำเร็จสูงสุดก่อนที่จะเกิดมหาวินาศ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าสองคนจะประสบความสำเร็จสูงสุดอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ต่อไปพวกเราก็คงจะได้เป็นสหายกันไปอย่างเนิ่นนานแล้วล่ะ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่ประสานสายตากันคราหนึ่ง

ตัวพวกเขาสองคนเองต่างก็รู้กระจ่างดีว่า หนึ่งคือพวกเขามีเจ้าเมืองหลัวให้โอกาส สองคือพวกเขาต่างก็ได้รับเคล็ดสืบทอดลับขั้นสูงสุดที่ดินแดนจิตโลกา ก็มีแรงช่วยเหลืออย่างสูงถึงสองอย่าง จึงยกระดับได้รวดเร็วกว่าที่เจ้าศิลาคาดการณ์เอาไว้ นอกจากนี้ในความเป็นจริงแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงยังไปไม่ถึงขั้นสุดยอด! เพียงเพื่อให้ ‘จักรพรรดิจวิน’ และ ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ หวาดหวั่น ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่จึงได้ลอบหารือกันอย่างลับๆ

ความเข้าใจผิดที่ว่าเขา ตงป๋อเสวี่ยอิง ‘สำเร็จเป็นขั้นสุดยอด’ แล้ว ก็ปล่อยให้เข้าใจผิดเช่นนี้ต่อไปเถิด!

วิถีอากาศขั้นสุดยอด! เขตพลังแกร่งกล้า

ทำให้จักรพรรดิจวินและจอมเทพศักดิ์สิทธิ์มิอาจมีความคิดที่จะดิ้นรนได้เลยแม้แต่นิดเดียว!

ถ้าหากพวกเขาล่วงรู้…ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยร่างแยกจำนวนมากมายพยายามอย่างสุดกำลัง จึงสามารถแผ่ปกคลุมอาณาบริเวณส่วนใหญ่ของอากาศอันสับสนอลหม่านได้ เกรงว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์และจักรพรรดิจวินก็ยังอาจมาวุ่นวายด้วยได้อยู่ดี!

“ข้าต้องสำเร็จเป็นขั้นสุดยอดให้ได้โดยเร็วที่สุด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำกับตนเอง

ไม่ว่าจะเพื่อช่วยเหลือญาติมิตรจำนวนหนึ่งให้ออกจากโลกกำเนิดมาเสาะหาหนทางดำรงชีวิตอีกเส้นหนึ่งก่อนเกิดมหาวินาศ  หรือเพื่อเพิ่มพลังคุกคามต่อ ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์และจักรพรรดิจวิน’ พลังยุทธ์ก็ต้องยกระดับอย่างรวดเร็วทั้งสิ้น

……

ตอนนี้วังทวีสูญมีสถานะสูงส่งอย่างที่สุดเพราะว่ามีขั้นสุดยอดอยู่ภายในสำนักถึงสองคน!

แต่เพื่อมิให้ลดทอนพลังต้นกำเนิดของอากาศอันสับสนอลหม่าน พวกตงป๋อเสวี่ยอิงจึงมิได้สรรสร้างโลกทิพย์ต่อไป เพียงแต่รักษาความเป็นระเบียบเอาไว้ต่อไป พยายามทำให้ยุคนี้ของโลกกำเนิด ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’ คงอยู่ต่อไปได้นานขึ้นอีกสักระยะ

“ฟิ้ว”

กลิ่นกำยานหอมฟุ้ง

กลิ่นหอมแผ่ไปทั่วทั้งภายในห้องเงียบ ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นี่ตามลำพัง สติรับรู้เริ่มเข้าไปรวมตัวกับกฎเกณฑ์สูงสุดที่แผ่ปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่ง

ในที่สุดตงป๋อเสวี่ยอิงก็รับสัมผัสได้ถึงห้วงมิติอันแปลกประหลาดที่มีอยู่ในกฎเกณฑ์สูงสุด ดูคล้ายว่ามันมีขนาดเล็กอย่างที่สุด เล็กจนถึงขนาดที่เคล็ดลับห้วงอากาศของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังตรวจหาไม่พบ แล้วก็ดูเหมือนว่าใหญ่โตเหลือคณา จนทั่วทุกหนแห่งของโลกกำเนิดล้วนมี ‘มัน’ อยู่ทั้งสิ้น

“ฟิ้ว”

ตงป๋อเสวี่ยอิงจิตใจวูบไหว

สติรับรู้เข้าไปสู่ห้วงมิติอันแปลกประหลาดแห่งหนึ่งอย่างง่ายดาย

นี่คือ ‘ห้วงมิติต้นกำเนิด’ ที่เป็นแก่นสำคัญที่สุดของโลกกำเนิดอากาศอันสับสนอลหม่าน มีความคล้ายคลึงกับหัวใจของโลกเผ่าเซี่ยอยู่เล็กน้อย แต่มีความลึกลับมากยิ่งกว่า มีเพียงด้านสติรับรู้ของวิญญาณเท่านั้นจึงจะสามารถเข้ามาได้ สารอื่นใดต่างก็ไม่สามารถเข้ามาได้ทั้งสิ้น! ขนาดของมันไม่สามารถใช้ขนาดของสารธรรมดาทั่วไปมาใช้วัดได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกเพียงว่าภายในห้วงมิติต้นกำเนิดอันลึกลับแห่งนี้ แหล่งต้นกำเนิดหลากสีสันแห่งแล้วแห่งเล่าเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกันจนดูเหมือนจะโกลาหล แต่ในความเป็นจริงแล้วมันโคจรด้วยร่างที่ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกกลุ่มต้นกำเนิดต่างก็แสดงถึงวิถีสายหนึ่ง!

พลังต้นกำเนิดของโลกกำเนิดก็ได้สูญสลายไปเป็นอันมากตอนที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแหลกสลาย ต่างก็รวมตัวกันเป็นโลกกำเนิดแห่งแล้วแห่งเล่าออกมา แหล่งต้นกำเนิดในตอนนั้นก็ ‘สูญไปอย่างมหาศาล’ แล้ว ดังนั้นจึงมีทางเดินโลกาพิศวงปรากฏขึ้นมาได้ ฟูมฟัก ‘ฝูงมารผลาญทำลาย’ ที่เป็นตัวแทนของการผลาญทำลายออกมา ให้พวกมันมาเพิ่มความเร็วของการทำลายล้างทั้งโลกกำเนิด

สัญชาตญาณของโลกกำเนิดก็คือการเริ่มฟูมฟักโลกที่แกร่งกล้าสมบูรณ์แบบเพียงพอออกมาใหม่ ถึงแม้ว่าจะสูญเสียพลังไปอย่างมหาศาลก็ตาม

แต่กฎเกณฑ์ก็ยังคงสูงส่งเป็นที่สุดเช่นเดิม

“หืม”

ตงป๋อเสวี่ยอิง ‘พินิจดู’ แหล่งต้นกำเนิดหลากสีสันแห่งแล้วแห่งเล่า พวกมันเกี่ยวเนื่องผสมปนเปกัน ในเจ้ามีข้า ในข้ามีเจ้า ถึงขนาดที่ยากจะพูดได้อย่างชัดเจนว่ามีแหล่งต้นกำเนิดอยู่มากน้อยเพียงใดกันแน่

เพราะมีบางส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน

อย่างเช่น ‘แสงสว่าง’ กับ ‘ลำแสง’ แหล่งต้นกำเนิดสองแหล่งนี้มีด้านที่ตรงกันมากมายหลายด้าน

อย่างเช่น ‘ไร้ภาพ’ กับ ‘ไร้กำลัง’ แหล่งต้นกำเนิดสองสายนี้ก็มีส่วนที่ตรงกันมากมาย

แต่ในนั้นมีแหล่งต้นกำเนิดอยู่สองแห่งที่ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความสนิทสนมคุ้นเคย

กลุ่มต้นกำเนิดขยายตัวออกไปอย่างมากที่สุด มันแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้วงมิติต้นกำเนิด มันก็คือแหล่งต้นกำเนิดของ ‘วิถีอากาศ’

ต้นกำเนิดอีกกลุ่มหนึ่ง ก็คือภาพลวงอันมิอาจคาดเดาได้ ทั้งยังแพร่ผ่านพื้นที่เขตพลังขนาดมหึมา นอกจากนี้มันยังลึกลับยิ่งกว่า ดูเหมือนว่าจะแทรกผ่านส่วนลึกของแหล่งต้นกำเนิดจำนวนหนึ่งอีกด้วย มันก็คือแหล่งต้นกำเนิดของ ‘เขตลวงโลกเทียม’

“แทรกซึมเข้าไป”

สติรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงแทรกซึมเข้าไปในแหล่งต้นกำเนิดวิถีอากาศก่อน

ปัง!

ข้อมูลจำนวนมหาศาลปะทะสติรับรู้ของตน มันกว้างใหญ่ไพศาลและทานทน เพียงแค่ไปถึงวิถีอากาศระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองก็จะสามารถประทับรอยประทับวิญญาณของตนเองได้สำเร็จ สามารถควบคุมพลังต้นกำเนิดสายนี้ได้แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ห่างจากขั้นสุดยอดเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ก็ยิ่งง่ายดายขึ้นไปอีก อาศัยเวลาอีกเพียงแค่เล็กน้อยก็สามารถประทับรอยได้แล้ว!

หลังจากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ใช้เวลาอีกชั่วจิบชาหนึ่ง ประทับรอยประทับวิญญาณบนแหล่งต้นกำเนิดวิถีเขตลวงโลกเทียม

ตัดสินจากมุมมองนี้ ถึงแม้ว่าขาดอีกเพียงวิถีเดียวก็จะผสานรวมได้สำเร็จแล้ว แต่การสั่งสมทางด้านวิถีอากาศของตนก็ยังลึกซึ้งกว่าทางด้าน ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’

“ขอเพียงแค่ประทับรอยได้สำเร็จเกินครึ่งของแหล่งต้นกำเนิด ก็สามารถอาศัยสิ่งนี้ควบคุมกฎเกณฑ์สูงสุด สำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นในคราวเดียวได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง

ทำให้วิถีสายหนึ่งสำเร็จเป็นเทพจักรวาลชั้นที่สองอย่างนั้นหรือ

ยากเย็นยิ่งนัก

อย่างเช่นจอมกระบี่ บรรพชนฝาน จักรพรรดิเทพผลาญโลกา บรรพชนราตรีนิรันดร์และคนอื่นๆ อีกมากพอสมควรสำเร็จเป็นขั้นสุดยอด พวกเขาจำนวนมากต่างก็มุ่งมาดปรารถนาว่าจะสามารถสำเร็จเป็นเทพจักรวาลทางด้านวิถีอากาศได้ เช่นนี้ก็สามารถบำเพ็ญร่างแยกออกมาได้มากมายแล้ว! แต่ก็ช่วยไม่ได้ ถึงอย่างไรเส้นทางการพัฒนาของผู้บำเพ็ญทุกคนก็มีประสบการณ์ต่างๆ นานา อุปนิสัย จิตแห่งวิถี และโชคชะตาที่แตกต่างกัน… หรือความรอบรู้เกี่ยวกับโลก เป็นต้น ต่างก็เป็นตัวกำหนดให้พวกเขาเชี่ยวชาญอย่างยิ่งในบางวิถี ไม่เชี่ยวชาญอย่างยิ่งในบางวิถี!

ทำให้วิถีหนึ่งไปถึงเทพจักรวาลก็ยากเย็นเป็นอย่างยิ่งแล้ว การจะไปถึง ‘เทพจักรวาลชั้นที่สอง’ ได้ ก็ยิ่งยากเย็นขึ้นไปอีก

เกินกว่าครึ่งของแหล่งต้นกำเนิดอย่างนั้นหรือ

ไม่ต้องพูดถึงคู่แข่ง ลำพังแค่ ‘วิถี’ เกินครึ่ง ไปถึงเทพจักรวาลชั้นที่สอง ก็ทำให้ขั้นสุดยอดคนใดๆ ต่างก็พากันรู้สึกสิ้นหวังแล้ว

“การควบคุมแหล่งต้นกำเนิดสองสายสามารถระดมพลังต้นกำเนิดจักรวาลจำนวนมากเหล่านี้ไว้ใช้เองได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบส่ายศีรษะ สำหรับเทพจักรวาลชั้นที่สองแล้วการเคลื่อนย้ายพลังต้นกำเนิดจักรวาลก็สามารถทำให้พลังยุทธ์ยกระดับขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว แต่สำหรับตนที่มีพลังรบขั้นสุดยอด พลังต้นกำเนิดเท่านี้มารวมอยู่บนร่างก็มิอาจนับเป็นอะไรได้เลย

“น่าเสียดาย ไม่มีทางหยั่งรู้อย่างละเอียดได้เลย”

แหล่งต้นกำเนิดที่มีอยู่ทั้งหมดเกี่ยวเนื่องสอดประสานกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว ก่อรูปร่างเป็นกฎเกณฑ์สูงสุดอันสมบูรณ์แบบ

ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่สามารถตระหนักรู้แหล่งต้นกำเนิดแหล่งใดแหล่งหนึ่งโดยเฉพาะได้ เขาทำได้เพียงแค่มองเห็นกฎเกณฑ์สูงสุดอันไพศาลอย่างทุลักทุเลเท่านั้น ซับซ้อนเกินไปเสียแล้ว!

“เปรียบเทียบกับการตระหนักรู้กฎเกณฑ์สูงสุด หรือว่าการใช้พลังทำลายกฎสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ค่อยมาควบคุมกฎเกณฑ์สูงสุดได้ง่ายดายกว่ากระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ ต่างก็ว่ากันว่าการควบคุมกฎเกณฑ์สูงสุด ทว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครมีความมั่นใจในตนเองขนาดที่ไปหยั่งรู้กฎเกณฑ์สูงสุดเลย เพราะในความเป็นจริงแล้วไม่มีทางหยั่งรู้ได้เลย

……

ทางด้านโลกกำเนิดบ้านเกิดนี้กลับสู่ความเงียบสงบ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์และจักรพรรดิจวินก็มิได้มายุ่มย่ามอีก บางทีพวกเขาอาจจะยอมรับโชคชะตา รอคอยไปจนถึงยุคต่อไปแล้วก็เป็นได้

ยุคต่อไป โลกกำเนิดบ่มเพาะดินแดนขนาดมหึมาออกมาใหม่ ภายใต้แหล่งต้นกำเนิดอันแข็งแกร่งที่สุด ดินแดนกว้างใหญ่ กฎเกณฑ์สูงสุดกดดันอย่างแกร่งกล้าที่สุด! แม้กระทั่งเป็นขั้นสุดยอด นึกอยากจะให้เขตพลังแผ่ปกคลุมทั่วทั้งดินแดนโลกกำเนิดก็เป็นเรื่องเพ้อฝันแล้ว ถึงยุคนั้น พวกเขาสองคนก็ยังมีความมั่นใจที่จะต่อสู้กับตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่

แต่ทางด้านดินแดนจิตโลกานี้ก็เงียบสงบกว่าเช่นกัน

ร่างแยกหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงบำเพ็ญภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตต่อไป มองเห็นวิถีทางผสานรวมห้าสาย ก็ย่อมทุ่มเทจิตใจศึกษา ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ มุ่งเป้าหมายไปยังขั้นสุดยอด! การบำเพ็ญภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตมีผลลัพธ์ดีเยี่ยมเป็นที่สุด บำเพ็ญโดยใช้ร่างแยกเดียวก็เพียงพอแล้ว

ส่วนร่างแยกอื่นๆ ก็ศึกษาวิถีอากาศต่อไป วิถีอากาศของเขาสั่งสมได้ล้ำลึกเป็นอย่างยิ่งแล้ว กำลังศึกษากระบวนสังหารที่หกแล้ว

ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีวิธีการอื่น บุปผาโลกาก็ใช้ไปจนหมดสิ้นแล้ว! ตอนนี้เขาก็ได้แต่สั่งสม สั่งสม และสั่งสมเท่านั้น จนกระทั่งไปถึงย่างก้าวนั้นได้สำเร็จ!

……………………………………….