บทที่ 1665 ปีศาจหลังเมา / บทที่ 1666 ค่าพลังต่อสู้ที่เป็นของเนี่ยอู๋โยว

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1665 ปีศาจหลังเมา

“เธอพูดว่าไงนะ” ผู้อาวุโสกงตกตะลึงยังนึกว่าตัวเองหูฝาดไปแล้ว

“อาจารย์ หนูจำกระบวนท่าได้แล้วค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นพูดซ้ำ

“เหลวไหล!” ผู้อาวุโสกงขมวดคิ้วแน่น “กระบวนท่านี้ วาดหนังวาดใจยากวาดกระดูก ทุกกระบวนทุกท่วงท่าต้องใช้ใจวิเคราะห์ จะเป็นในแวบเดียวได้ยังไง!”

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ตัวเธอเป็นอัจฉริยะวิทยายุทธก็ยังผิดเหรอ

“กลับไปขยันฝึกซ้อม สามเดือนให้หลังเธอแค่ต้องจำกระบวนท่าได้ทั้งหมดก็พอ ถึงตอนนั้นอาจารย์จะมาเธอ” ผู้อาวุโสกงเอ่ย

ภายใต้ความจนใจ เยี่ยหวันหวั่นได้แต่ตอบรับ

หลังออกจากที่พักของผู้อาวุโสกงก็เป็นเวลาเย็นแล้ว

เยี่ยหวันหวั่นเดินเข้ามาในร้านกาแฟที่เศรษฐีท้องถิ่นตระกูลเสิ่นเปิดภายในโรงเรียนชื่อเยี่ยนตัวคนเดียว

เพิ่งเข้ามาในร้านกาแฟ เยี่ยหวันหวั่นก็เห็นหลี่หานเฟิง

ในร้านกาแฟที่กว้างใหญ่ไร้กลิ่นอายผู้คน มีเพียงหลี่หานเฟิงคนเดียว

หลี่หานเฟิงถือภาพหนึ่งใบ มองอย่างใจลอย เมื่อเยี่ยหวันหวั่นเดินมาถึงตัวเขา หลี่หานเฟิงก็ยังคงไม่สังเกตเห็น

เยี่ยหวันหวั่นพินิจมองภาพนั้นด้วยความสงสัย

บนภาพ เป็นเด็กสาวที่มีสีหน้าเย็นชาถึงขีดสุด ดวงตาเสมือนไม่มีความรู้สึกของมนุษย์สักเพียงเสี้ยว ทั้งตัวคนราวกับน้ำแข็งก้อนหนึ่ง

“แฟนรุ่นพี่เหรอ”

เยี่ยหวันหวั่นอมยิ้มเอ่ย

วินาทีถัดมาหลี่หานเฟิงก็เก็บภาพเข้าในอกเสื้อทันทีแล้วมองเยี่ยหวันหวั่น

“เธอมาได้ยังไง” หลี่หานเฟิงขมวดคิ้วเอ่ย

เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะน้อยๆ ก่อนนั่งลงตรงข้ามหลี่หานเฟิง “รุ่นพี่มาได้ ทำไมฉันจะมาไม่ได้ คิดถึงแฟนอยู่เหรอ”

“อย่าพูดเหลวไหล…นั่นคือรุ่นพี่อู๋โยว” หลี่หานเฟิงชำเลืองมองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง

“เนี่ยอู๋โยว!”

ได้ยินดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นตะลึงทันควัน เด็กสาวในภาพก็คือตัวเธอ!?

“ถูกต้อง” หลี่หานเฟิงเอ่ย

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก

ในตอนนี้เองในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมพ่อแม่และพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองถึงจำเธอไม่ได้…

นี่แม่ง แม้แต่ตัวเธอยังจำไม่ได้เลยโอเคไหม!

นึกไม่ถึงว่าตอนตัวเองอยู่ในรัฐอิสระจะกลับเป็นโลลิน้อยที่เย็นชาขนาดนี้…เทียบกับสไตล์ในตอนนี้ของเธอ ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิงเลยนะ…

เยี่ยหวันหวั่นสงสัยจริงๆ ว่าตัวเองโตมายังไงกันแน่ ถึงต่างกับหลายปีก่อนคนละเหว…

“ดื่มหน่อย”

หลี่หานเฟิงผลักเครื่องดื่มไปใกล้เยี่ยหวันหวั่น

เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่คิดมาก กำลังกระหายน้ำพอดีจึงดื่มเครื่องดื่มหมดรวดเดียว

“นี่มัน…น้ำอะไร” เยี่ยหวันหวั่นหน้าแดงเล็กน้อย

“ค็อกเทล ดีกรีสูง” หลี่หานเฟิงตอบ

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก หลี่หานเฟิงปู่นายสิ!

‘เพล้ง!’

เสียงหนึ่งดังก้อง

เห็นแค่ว่าร่างกายหลี่หานเฟิง ปลิวออกไปจากที่นั่งราวกับว่าวที่สายป่านขาด

เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นอยู่ในสภาพเมาโดยสมบูรณ์ มุมปากยกขึ้นน้อยๆ สีหน้าชั่วร้ายแปลกๆ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เยี่ยหวันหวั่นจึงค่อยฟื้นคืนสติและลืมตา

ภายในร้านกาแฟเละเทะยุ่งเหยิง โต๊ะม้านั่งไม้ล้มระเนระนาด เคาน์เตอร์ก็พังเป็นชิ้นๆ

พนักงานร้านบางคนจ้องมองเยี่ยหวันหวั่นเหมือนเห็นผีไม่ปาน สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

รอยเลือดที่มุมปากหลี่หานเฟิงแข็งตัวแล้ว เขาใบหน้าซีดขาวกำลังนั่งอยู่ที่อีกด้าน

เยี่ยหวันหวั่นออกแรงกดๆ ขมับ ทั้งตัวส่งกลิ่นเหล้า

“เธอเป็นปีศาจเหรอ”

เห็นเยี่ยหวันหวั่นได้สติแล้ว หลี่หานเฟิงก็จ้องเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“ปีศาจ…” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้างุนงง เธอทำอะไรเหรอ

ความทรงจำสุดท้ายคือเธอดื่มค็อกเทลที่ดีกรีสูงไปหนึ่งแก้ว หลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้แล้ว

“คุณ…คุณไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ” หนึ่งในพนักงานมีสีหน้าหวาดกลัว

เยี่ยหวันหวั่นก็ส่ายหน้า ไหนเลยเธอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“คุณ…คุณดูเอาเอง…เมื่อกี้ผมใช้มือถืออัดไว้แล้ว คุณอย่าคิดปฏิเสธเชียว ข้าวของที่พังคุณต้องชดใช้ค่าเสียหาย!” พนักงานส่งมือถือให้เยี่ยหวันหวั่น

มองตัวเองในวิดีโอ เยี่ยหวันหวั่นพลันม่านตาหกลีบ

นี่เธอแม่ง…เป็นป๊อบอายเหรอ!?

—————————————————————————————

บทที่ 1666 ค่าพลังต่อสู้ที่เป็นของเนี่ยอู๋โยว

เยี่ยหวันหวั่นจ้องวิดีโอในมือถือที่พนักงานร้านกาแฟส่งมาให้ดูอย่างว่างเปล่า

หญิงสาวในวิดีโอ ร่างกายรวดเร็วถึงขีดสุดเสมือนไม่ใช่ความเร็วที่มนุษย์ควรมี เธอฟาดมือหนึ่งทีเห็นแค่เส้นเงา วินาทีถัดมาหลี่หานเฟิงก็ถูกโจมตีปลิวออกไปแล้ว

ปฏิกิริยาของหลี่หานเฟิงก็รวดเร็ว ถึงแม้จะป้องกันอย่างฉับไว และซักถามหญิงสาวว่าทำไมจู่ๆ ถึงโจมตีตน แต่หญิงสาวเพียงแค่ยิ้มชั่วร้าย น่าเสียดายที่สวมใบหน้าอัปลักษณ์ รอยยิ้มชั่วร้ายนี้…จึงดูบาดตาอยู่หน่อยจริงๆ…

หลังจากนั้น ร้านกาแฟก็ถูกหญิงสาวทำลายจนเละตุ้มเป๊ะ หลังคาเกือบจะถูกพลิกปลิว

แต่หญิงสาวในวิดีโอหาใช่ใครอื่น ก็คือตัวของเยี่ยหวันหวั่นนั่นเอง

“นี่ฉัน…”

เยี่ยหวันหวั่นจ้องวิดีโอ ตาโตอ้าปากค้าง

ตัวเธอเพิ่งดื่มค็อกเทลดีกรีสูงที่หลี่หานเฟิงส่งมาให้หนึ่งแก้ว…จากนั้น…ก็วูบแล้ว!?

เกี่ยวกับความคออ่อนของตัวเอง เยี่ยหวันหวั่นก็พอรู้ตัวอยู่บ้าง แต่พฤติกรรมหลังจากที่วูบไปก็ทำให้เยี่ยหวันหวั่นไม่อาจเข้าใจ ว่าเธอเปลี่ยนไปเป็นป๊อบปายตั้งแต่เมื่อไร

ป๊อปอายกินผักโขมแล้วเปลี่ยนร่าง ตัวเธอ…นี่แม่งดื่มเหล้าแล้วเปลี่ยนร่างเหรอ!

“รุ่นน้องเยี่ย…ถ้าเธออยากประลองก็พูดกับฉันดีๆ ก็ได้…ทำไมต้องลอบทำร้ายฉันด้วย” หลี่หานเฟิงหน้าซีดขาว เช็ดรอยเลือดที่มุมปาก

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ฉันแม่งจะรู้ไหม!

เยี่ยหวันหวั่นจุดธูปสาบานกับร้านกาแฟเลยก็ได้ เธอไม่เคยรู้ว่าหลังตัวเองดื่มเหล้าจะเป็นแบบนี้โอเคไหม!

“มิน่า…มิน่าล่ะ…”

เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นพลันนึกออก ตอนนั้นตอนที่ตัวเองอยู่พันธมิตรอู๋เว่ย เธอดื่มเหล้าดีกรีแรงของเจ้าสวะหมาอี้สุ่ยหานจนหมดเกลี้ยงแล้วก็วูบไป และหลังจากนั้น…ทุกคนในพันธมิตรอู๋เว่ยก็ไม่สงสัยในตัวตนของเธออีก แม้แต่พวกผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามก็ก้มหัวยอมจำนวน หลังเธอเมาเหล้า…ก็แม่งน่ากลัวเกินไปแล้วไหม!

ตัวเองหลังเมาเหล้า สุดยอดจนไม่รู้จะสุดยอดยังไงแล้วชัดๆ ถ้าเธอมีฝีมืออย่างนี้ จากนี้เธอก็สามารถเดินกร่างในรัฐอิสระได้อย่างสมบูรณ์ ยังต้องกลัวใครอีกเล่า!

“ฝีมือเธอมีจุดที่คล้ายกับรุ่นพี่อู๋โยวนิดหน่อย”เห็นเยี่ยหวันหวั่นยังคงไม่เอ่ยปาก หลี่หานเฟิงก็เอ่ยเสียงเบา

เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ ไม่เหมือนได้เหรอ เธอนี่แหละตัวเนี่ยอู๋โยว

คำพูดของหลี่หานเฟิงทำให้เยี่ยหวันหวั่นตกอยู่ในภวังค์ความคิด และคิดโยงไปถึงบางสิ่งบางอย่าง

เมื่อกี้ที่หลี่หานเฟิงพูด หลังเธอดื่มเหล้าฝีมือจะคล้ายคลึงกับฝีมือของเนี่ยอู๋โยว

อย่าบอกนะว่า หลังเธอวูบไปจะฟื้นคืนค่าพลังต่อสู้และความทรงจำของเนี่ยอู๋โยว!?

แต่พอคิดดูดีๆ ฟื้นคืนความทรงจำของตัวเองดูไม่น่าใช่เท่าไร ในวิดีโอหลังเธอวูบไป ก็โจมตีไม่สนฟ้าสนดินสนอากาศ ถ้าฟื้นคืนความทรงจำ เธอจะไปฟาดหลี่หานเฟิงโดยไร้เหตุผลได้ยังไง

‘หรือว่า…หลังฉันเมาแล้วจะฟื้นคืนฝีมือของเนี่ยอู๋โยว?’ เยี่ยหวันหวั่นลอยครุ่นคิดในใจ ถ้าเป็นแบบนั้นละก็…

“ไม่แน่นะ ฉันก็คือเนี่ยอู๋โยวไง”

เยี่ยหวันหวั่นจ้องหลี่หานเฟิงเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม

ได้ยินดังนั้น หลี่หานเฟิงชายตามองเยี่ยหวันหวั่น ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาปัดๆ ฝุ่นบนร่างก่อนมองพนักงานร้านกาแฟ “ค่าเสียหายในนี้คิดใส่บิลฉัน”

“ครับ…” พนักงานพยักหน้ารัว

หลี่หานเฟิงพูดจบก็หันตัวเดินออกจากร้านกาแฟไปโดยไม่แม้แต่มองเยี่ยหวันหวั่น

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ฉันคือเนี่ยอู๋โยวจริงๆ ต้องดูถูกกันขนาดนั้นด้วยเหรอ…