ตอนที่ 800 ออกจากทวีปเทียนหยวน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 800 ออกจากทวีปเทียนหยวน

ทันทีที่ได้ยินว่าเจี้ยนเฉินกำลังจะจากไป เสี่ยวหลิงก็ตกใจจนตัวสั่น นางพูดเสียงสั่นเครือเหมือนใกล้จะร้องไห้เต็มที “พี่ใหญ่จะไปไหนกัน ? จะไปตามหานายท่านเหรอ ? พี่ใหญ่ห้ามทิ้งเสี่ยวหลิงนะ” พูดถึงจุดนี้ท่าทีของเสี่ยวหลิงเปลี่ยนไป นางดมตัวเจี้ยนเฉินก่อนที่แววตาจะเต็มไปด้วยความสงสัย “แปลกจัง พี่ใหญ่ กลิ่นของนายท่านบนตัวท่านจางลงไปมาก เอ๋ เสี่ยวหลิงรู้แล้ว พี่ใหญ่ต้องห่างจากนายท่านมานานเกินไปเป็นแน่ ทำให้กลิ่นอายของนายท่านจางไปเช่นนี้ ฮ่าฮ่า เสี่ยวหลิงฉลาดที่สุดเลย”

“ฮืมม ? ” จู่ ๆ เสี่ยวหลิงก็ทำเสียงแปลกใจขึ้นมาอีกครั้ง นางสำรวจรอบตัวเจี้ยนเฉินอย่างละเอียดด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ก่อนห่อปาก “พี่ใหญ่ช่างสิ้นเปลืองเช่นนี้ ท่านดูดซึมพลังที่เสี่ยวหลิงให้ไปเสียมากมาย เหตุใดจึงเหลือน้อยเช่นนี้เล่า ? เสี่ยวหลิงใช้เวลานานแสนนานรวบรวมพลังเหล่านี้ พี่ใหญ่ไม่เห็นคุณค่าของมันเลย”

เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างขมขื่น ย้อนไปยามที่เผชิญตระกูลทั้งแปดที่เมืองแห่งเทพเจ้า การโจมตีของเขาใช้พลังบรรพกาลไปมาก จากปริมาณเท่าหัวแม่มือลดหดลงจนเหลือเพียงแค่เมล็ดถั่วเท่านั้น เขาใช้พลังบรรพกาลไปเป็นจำนวนมากเพื่อเอาชีวิตรอด

“เสี่ยวหลิง ไม่ใช่ว่าพี่ใหญ่นั้นสิ้นเปลืองหรอก ยามนั้นพี่ใหญ่อยู่ในสถานการณ์อันตรายเกินไป ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้พลังออกไปแทบหมด” เจี้ยนเฉินพูดอย่างรู้สึกผิด ถึงอย่างไรก็ตามการที่เขาได้รับร่างบรรพกาลอย่างรวดเร็วก็เพราะเสี่ยวหลิง

นูบิสและเทียนเจี้ยนหยุดเดิน หันมามองเจี้ยนเฉินอย่างสงสัยว่ากำลังคุยกับใคร แต่ยามหันมามองเห็นเพียงเจี้ยนเฉินกำลังยิ้มคุยกับอากาศคุยกับตัวเองราวกับคนบ้า

ไม่นานนักเทียนเจี้ยนก็เข้าใจ เขารู้ว่าเจี้ยนเฉินต้องกำลังคุยกับวิญญาณม่านพลัง วิญญาณม่านพลังนั้นค่อนข้างพิสดาร หากไม่ต้องการให้ใครเห็นต่อให้อยู่ข้าง ๆ กันก็ไม่มีทางพบเจอ ต่อให้เป็นเทียนเจี้ยนในยามนี้ก็ยังไม่สามารถจับสัมผัสได้แม้แต่น้อย

แต่นูบิสไม่รู้เรื่องนี้แม้แต่น้อย สายตาที่มองเจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยความงุนงงและสงสัยจนไปถึงขั้นหวาดวิตก นี้เป็นครั้งแรกที่สีหน้าแปลกประหลาดเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนูบิส

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไรเลย ตราบใดที่พี่ใหญ่ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนนั้นย่อมดีที่สุดแล้ว พี่ใหญ่ เสี่ยวหลิงจะไปจัดการพวกสารเลวที่มารังแกพี่ใหญ่เอง แต่เสี่ยวหลิงไม่สามารถช่วยเพิ่มพลังให้พี่ใหญ่ได้เลย ตราผนึกเริ่มสั่นคลอนแล้ว เสี่ยวหลิงต้องใช้พลังทั้งหมดคอยคุมผนึกไว้”

เจี้ยนเฉินยิ้ม “เสี่ยวหลิง พี่ใหญ่ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาช่วยเพิ่มพลังให้หรอก พี่ใหญ่จะลองหาทางเอง”

ทันทีที่พูดจบ มือหนึ่งก็ปรากฏมาโบกอยู่ตรงหน้าเจี้ยนเฉิน นูบิสนั้นเอง นูบิสกำลังจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ก่อนถามอย่างกังวล “เจี้ยนเฉิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? เจ้าพูดว่าเสี่ยวหลิงแล้วก็พี่ใหญ่ เจ้าพูดกับใครกัน ? ทำไมถึงพูดกับตัวเองด้วยเล่า ? “

ท่าทีของเจี้ยนเฉินยามนี้ทำให้นูบิสกังวลเล็กน้อย เขาคิดในใจ “บ้าเอ๊ย เจี้ยนเฉินโดนตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบบีบให้หนีออกจากทวีป แรงกดดันต้องหนักหน่วงเป็นแน่ มันหนักจนถึงทำให้กลายเป็นคนเสียสติเชียวหรือ ? ดูท่าทางหัวจะมีปัญหาซะแล้ว”

เจี้ยนเฉินปรายตามองนูบิสเล็กน้อยก่อนหันกลับไปมองเสี่ยวหลิง “เสี่ยวหลิง พี่ใหญ่ต้องจากไปครานี้เป็นเรื่องจำเป็น แต่ยามพี่ใหญ่กลับมา พี่ใหญ่จะมาหาเจ้าโดยเร็ว”

เสี่ยวหลิงมองเจี้ยนเฉินน้ำตานองหน้า “พี่ใหญ่ ท่านสัญญากับเสี่ยวหลิงแล้วนะว่าจะกลับมาหา พี่ใหญ่ห้ามทำเหมือนนายท่านนะที่หายไป เพียงยามที่เสี่ยวหลิงอยู่กับพี่ใหญ่เท่านั้นที่ทำให้ข้ารู้สึกอยู่ใกล้กับนายท่าน พี่ใหญ่เป็นคนเดียวที่เสี่ยวหลิงมีนอกจากนายท่าน”

“ฉิบหายแล้ว บัดซบเอ๊ย เรายังไม่ทันออกจากทวีป เจี้ยนเฉินก็กลายเป็นแบบนี้เสียแล้ว ยามเราออกเดินทางเจี้ยนเฉินต้องอาการหนักกว่าเดิมแน่ ข้าต้องทำยังไงดี ? ” นูบิสจมอยู่กับความคิดตัวเอง เจี้ยนเฉินกลายเป็นบ้าไปแล้ว เจี้ยนเฉินคุยกับอากาศ สถานการณ์ยามนี้ช่างย่ำแย่เหลือเกิน แย่จนนูบิสอดเป็นห่วงเจี้ยนเฉินไม่ได้

หลังจากลาเสี่ยวหลิงแล้ว เจี้ยนเฉินเดินตรงไปหาเทียนเจี้ยน “ผู้อาวุโส ไปกันเถอะ”

เทียนเจี้ยนพยักหน้ารับ เดินนำเจี้ยนเฉินลึกเข้าไปในวัง

“เจี้ยนเฉิน เจ้าเป็นไงบ้าง ? หายแล้วรึ ? ” นูบิสเดินไปตรงหน้าเจี้ยนเฉินก่อนหันมาคุยด้วย ดวงตายังสงสัย ดูเหมือนกำลังวิเคราะห์ว่าเจี้ยนเฉินกลายเป็นบ้าจริงหรือเปล่า

เมื่อเจี้ยนเฉินเห็นท่าทีของนูบิสก็อดยิ้มไม่ได้ “ข้าไม่ได้มีอะไรผิดปกตินะ”

“แล้วเมื่อครู่เจ้าคุยกับใครกัน ? ” นูบิสถามขึ้นมา

“เมื่อครู่ข้าคุยกับจิตวิญญาณม่านพลังแห่งเมืองทหารรับจ้าง เจ้าไม่เห็นนางหรอก” เจี้ยนเฉินไม่ได้ปิดบัง เขารู้ดีว่าเรื่องวิญญาณของเสี่ยวหลิงนั้นไม่ใช่ความลับอะไร

“จิตวิญญาณม่านพลัง ? จริงรึ ? ” ในที่สุดนูบิสก็เข้าใจ

เจี้ยนเฉินและนูบิสเดินตามเทียนเจี้ยนเข้าไปยังจัตุรัสกลางปราสาท พื้นโดยรอบจัตุรัสยกสูงขึ้นคล้ายอัฒจันทร์ ประตูมิติตรงกลางจัตุรัสเต็มเปี่ยมไปด้วยสีห้าสีหมุนเวียนลอยนิ่งอยู่ตรงกลาง ขนาดราว ๆ 1.5 เมตร กลางประตูเป็นสีฟ้าน้ำทะเล เชื่อมต่อกับสถานที่อันไกลโพ้น

“หลังจากเจ้าผ่านประตูมิติ ในระยะราว ๆ สิบกว่ากิโลเมตร เจ้าจะเจอเกาะ เจ้าจงตามหานายหญิงของเกาะนั้น นางรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ทะเล ไปสอบถามข้อมูลจากนาง นางอยู่ที่นั้นมานานหลายปีและรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เกาะของนางเองก็อยู่ใกล้หุบเหวทะเลลึกมาก” เทียนเจี้ยนยืนตรงหน้าประตูมิติแล้วจ้องมองเจี้ยนเฉินระหว่างที่พูด

“ขอรับผู้อาวุโส” เจี้ยนเฉินป้องมือทำความเคารพเทียนเจี้ยนก่อนเดินผ่านประตูมิติพร้อมนูบิส เพียงแค่ก้าวเดียวฉับพลันทัศนียภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไปจากห้องโถงวังเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล

เจี้ยนเฉินและนูบิสล่องลอยอยู่กลางอากาศสูงหลายร้อยเมตร มองผืนน้ำที่กว้างไกล ประตูมิติเบื้องหลังเองก็ปิดตัวลงแล้ว

“ที่นี่คือมหาสมุทรหรือ ? เราเดินทางมาไกลจนไม่รู้ว่าห่างทวีปใหญ่มาแค่ไหน ข้ามองหาเส้นขอบฟ้ายังไม่เจอเสียด้วยซ้ำ” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเอง สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย

นูบิสอยู่ตรงข้ามกับเจี้ยนเฉินพอดี ก่อนรีบหันไปมองผืนน้ำทะเลสีฟ้าครามอันสงบรอบข้างอย่างตื่นเต้น แล้วหัวเราะร่า “ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ ในที่สุดก็ออกจากทวีปใหญ่มาถึงมหาสมุทรเสียที เผ่าพันธุ์ทะเลแห่งหุบเหวทะเลลึก ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่กำลังไปเยือน ให้ข้าได้เห็นความลึกลับของเผ่าพันธุ์ทะเลที่ผู้อาวุโสจากสายพันธุ์ของข้าไม่เคยได้พบ ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ ได้ถูกลิขิตไว้ในตำนานอสรพิษทองริ้วเงิน ให้รุ่นหลังได้จดจำจากการเดินทางครานี้แหละ”

จบคำนูบิสดึงเจี้ยนเฉินแล้วพูดขึ้น “เจี้ยนเฉินไปตามหานายหญิงของเกาะที่ผู้อาวุโสพูดถึงกัน”

..

พร้อม ๆ กันกับที่เจี้ยนเฉินจะจากทวีปไป หมิงตงเองก็บอกลาทุกคนที่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีแล้วแยกตัวเองไปปลีกตัวกักตนฝึกฝนอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขา

“เจี้ยนเฉิน เจ้าเป็นคนที่คอยเสียสละช่วยเหลือข้ามาโดยตลอด ในขณะที่ข้าตอบแทนเจ้าได้ไม่เท่าเทียมกันเลย จากนี้ไป ข้า หมิงตง จะใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทฝึกฝนจนกว่าเจ้าจะกลับมา” หมิงตงพูดก่อนนั่งขัดสมาธิบนพื้นถ้ำที่มืดสนิท แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่นานก็ดึงแกนอสูรระดับ 6 ออกมาจำนวนหนึ่ง พร้อมกับโครงกระดูกสีขาวออกมาจากแหวนมิติ ก่อนพึมพำ “เจี้ยนเฉิน แกนอสูรระดับ 6 ที่เจ้าทิ้งเอาไว้ ข้าจะใช้มันส่งข้าไปถึงวัฎจักรที่ 6 ส่วนโครงกระดูกของเซียนจักรพรรดิที่ได้มาจากเมืองทหารรับจ้าง จะเป็นความหวังในการช่วยให้ข้าเข้าถึงระดับเซียนจักรพรรดิ ยามเจ้ากลับมาข้าจะต้องเป็นเซียนจักรพรรดิหรือไม่ก็สูงกว่านั้นให้จงได้”

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงกำลังรวมตัวประชุมเหล่าผู้อาวุโสที่สาขาหลักของสมาคม ทั้งหมดนั่งรวมตัวกันอย่างเคร่งเครียด

“มีใครทราบที่อยู่ของหยางยู่เทียนหรือไม่ ? ” หลังจากเงียบมาครู่ใหญ่ เสียงมีอายุดังขึ้น มันเป็นเสียงของท่านประธานแห่งสมาคม ที่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าดำทะมึน

การที่เจียนเฉฺินนำวัตถุเซียนของสมาคมไป ก็เท่ากับทำลายสมาคมลงทั้งหมด วัตถุเซียนนั้นสำคัญมาก มากเสียจนไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้

“ข้าส่งกองกำลังทั้งหมดของสมาคมออกตามหาแล้ว ถึงกระทั่งให้ตระกูลคารากับคาซดาช่วยออกตามหาหยางยู่เทียน น่าจะได้ข่าวคราวในไม่ช้านี้” ผู้อาวุโสในชุดคลุมสีขาวตราสีม่วงพูดอย่างหงุดหงิด การสูญเสียวัตถุเซียนไปทำให้อารมณ์ของผู้อาวุโสทุกคนที่นี่แย่เป็นอย่างมาก

ทันใดนั้นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำเดินเข้ามา การมาเยือนของเขาทำให้ผู้อาวุโสทั้งหมดหันมามอง

“รู้หรือยังว่าหยางยู่เทียนอยู่ที่ไหนกัน ? ” ท่านประธานถามขึ้นมาทันที เขาจ้องตรงไปที่ชายคนนั้น ความกระวนกระวายเห็นได้ผ่านสีหน้าอย่างชัดแจ้ง

“ท่านประธาน ยังตามหาหยางยู่เทียนไม่พบ แต่เรารู้ว่าตัวจริงของหยางยู่เทียนเป็นใคร” ชายคนนั้นพูด

“บอกข้ามา ! ” ท่านประธานดูรีบร้อน ไม่มีใครกังวลเรื่องวัตถุเซียนมากเท่าเขา เพราะวัตถุเซียนไม่เพียงเป็นวัตถุของสมาคมแต่เป็นความหวังหนึ่งเดียวในการก้าวเข้าสู่ระดับ 8

เขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว อย่างมากอายุขัยที่เหลืออยู่ก็คงราวร้อยปีเท่านั้น หากยังไม่สามารถทะลวงขึ้นไปอีกขั้น เช่นนั้นแล้วความตายเท่านั้นที่รออยู่

ท่านประธานเมินท่าทีคุกคามจากตระกูลซาร์ ยามนี้ทั้งทวีปกำลังโกลาหลเพราะพยัคฆ์ปีกเทวะ ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบต่างขยับตัวกันหมด ตระกูลซาร์ไม่มีทางกล้าที่จะก่อเรื่องในยามนี้ ไม่เช่นนั้นตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบได้ลงโทษพวกมันก่อนที่จะทันขยับตัว

“หยางยู่เทียนคือเจี้ยนเฉิน อดีตราชาทหารรับจ้าง นายน้อยสี่จากตระกูลเล็ก ๆ ในอาณาจักรเล็ก ๆ ชื่อมันคือเจียงหยางเซียงเทียน มันพึ่งเข้าถึงระดับเซียนผู้คุมกฎเมื่อไม่นานมานี้เอง” ชายคนนั้นพูดอย่างไร้อารมณ์

ประธานตื่นเต้นยินดี ก่อนผุดลุกขึ้นยืนจากที่นั่งแล้วพูดขึ้น “ดีแล้ว ไม่ว่าหยางยู่เทียนจะเป็นใคร แค่รู้ว่ามันเป็นใครอยู่ที่ไหนก็เพียงพอแล้ว ผู้อาวุโส เตรียมตัวได้ เราจะเร่งเดินทางไปอาณาจักรนั้นกัน เราต้องไปนำวัตถุเซียนกลับมาให้ได้”