ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิน ตอนที่ 46 แผ่นดินสั่นสะเทือน

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

เพราะว่าเคยมีประสบการณ์การหลอมผู้ท่องมรณะมาก่อนแล้ว แต่เคล็ดลับการหลอมนี้เป็นสิ่งที่ ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ฟันฝ่าอุปสรรคอันสาหัสนานาแล้วคิดค้นขึ้นมา ในขณะนี้ก็ย่อมเปี่ยมไปด้วยทักษะและผ่อนคลายเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

“ฟึ่บ”

แก้วผลึกสีเขียวชิ้นนั้นแทรกเข้าไปในร่างกายของสัตว์ประหลาดสี่กีบเท้าร่างมหึมาหาใดเปรียบนั้น

ราชันย์อนธการอมตะจ้องมองอย่างระมัดระวังอยู่ด้านข้าง ผ่านไปครึ่งชั่วยามเต็มๆ เขาจึงรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายของซากสัตว์ประหลาดสี่กีบเท้านี้เกิดความเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อนอย่างยิ่งสายหนึ่งขึ้นมา

“ทุกอย่างเหมือนกับที่คาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิดเลย”

“หลังจากที่โลหิตดั้งเดิมหลอมแปรพลังชีวิตอันบริสุทธิ์และยิ่งใหญ่ขุมนั้นแล้ว ในที่สุดก็เหนี่ยวนำให้เกิด ‘ความมีชีวิตชีวา’ ของซากศพนี้ขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว”

“น้ำทิพย์กลืนโลกา ไป!” ราชันย์อนธการอมตะเอื้อมมือไปคว้าวัตถุประหลาดที่ราวกับอำพันเอาไว้แล้วโยนตรงออกไป วัตถุประหลาดนั้นลอยมาถึงด้านบนของซากสัตว์ประหลาดสี่กีบเท้า ภายใต้การควบคุมของราชันย์อนธการอมตะ ทันใดนั้นของเหลวเจ็ดสีหยดหนึ่งก็ลอยออกมาจาก ‘วัตถุประหลาดสีอำพัน’ แล้วตกลงไปในร่างของซากสัตว์ประหลาดสี่กีบเท้าเบื้องล่าง เห็นเพียงว่าลวดลายลับจำนวนนับไม่ถ้วนที่สลักอยู่บนพื้นผิวของซากศพนี้ก็ถูกกระตุ้นเช่นเดียวกัน ของเหลวเจ็ดสีเพิ่งสัมผัสโดนก็ถูกดูดกลืนและแปรสภาพในทันที

หนึ่งหยด สองหยด สามหยด…

ราชันย์อนธการอมตะ ‘ให้อาหาร’ อย่างระมัดระวัง ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นซากนี้ก็ค่อยๆ มีชีวิตชีวามากขึ้น กลิ่นอายต่างก็หมุนกลิ้งอยู่เป็นระลอกๆ แต่บริเวณโดยรอบมีค่ายกลกดดันอยู่ จึงมิได้แพร่กระจายไปสู่ภายนอก

ใช้เวลาไปสองชั่วยามก็ให้ ‘น้ำทิพย์กลืนโลกา’ หนึ่งร้อยหยดเป็นอาหารจนหมดสิ้น ส่วนท้องของซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก็กระเพื่อมขึ้นลงบ้างแล้ว ยามที่หายใจ ลมหายใจก็แผ่กวาดไปโดยรอบ เพียงแต่ยังคงไม่มีสติรับรู้ใดๆ เช่นเดิม

ในท้ายที่สุดสิ่งที่ต้องการควบคุมก็คือซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นซากหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับต่ำมากก็ตาม แต่ก็มิใช่ว่าวิธีการทั่วไปจะสามารถควบคุมได้ เช่นหุ่นเชิดธรรมดาทั่วไป หรือแม้กระทั่งอาวุธ ต่างก็สามารถก่อเกิดจิตวิญญาณได้อย่างง่ายดายยิ่ง! ในทางกลับกัน การจะให้ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก่อเกิดจิตวิญญาณนั้น…ยากเย็นกว่าตั้งไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

“ช่วงเวลาวิกฤตที่สุดมาถึงแล้ว หึๆ บนดินแดนจิตโลกาคงจะไม่มีใครกล้าทำลายการบูชาของข้ากระมัง” นัยน์ตาของราชันย์อนธการอมตะมีประกายหนาวเหน็บ “ใครกล้าขวางข้า ทำลายมันเสีย!”

“เริ่มได้!”

ราชันย์อนธการอมตะประทับตราที่หน้าอก ทุ่มเทอย่างสุดกำลังเหนี่ยวนำควบคุมลวดลายลับที่สลักเสลาอยู่ภายในซากศพนี้อยู่ก่อนแล้ว

ปัง! ปัง! ปัง!

ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นขนาดมหึมาที่เอนกายนอนอยู่ตรงนั้นแต่กลับกำลังหายใจอย่างแปลกประหลาด ที่บริเวณช่วงหน้าอกและท้องของมันมีกระแสน้ำวนสีดำสามแอ่งปรากฏขึ้นในทันใด

“เร็วเข้าสิ”

ราชันย์อนธการอมตะนึกคิดคราหนึ่งแล้วโยนวิญญาณแค้นขั้นสุดยอดสามตนนั้นออกมา

วิญญาณแค้นขั้นสุดยอดก็หมายถึงระดับสุดยอดของวิญญาณแค้น เป็นวิญญาณแค้นที่น่าหวั่นเกรงที่สุดในบรรดาวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่บรรพชนราตรีนิรันดร์จับไปแล้วเคี่ยวกรำบ่มเพาะออกมาในที่สุด วิญญาณแค้นนั้นเป็นวิญญาณกล้าแกร่งอย่างแท้จริง เพียงแต่ว่าเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังอาฆาตอย่างไร้ที่สิ้นสุด ความเคียดแค้นชิงชังเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะผลาญสังหารขั้นอลวนได้เลย! เทพจักรวาลลำพังอาศัยแค่ความโมโห ต่างก็ไม่สามารถมาถึงขั้นนี้ได้

พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!

ต่อให้วิญญาณแค้นขั้นสุดยอดสามตนนี้น่าหวาดหวั่นกว่านี้ แต่กลับถูกกระแสน้ำวนสีดำสามแห่งนั้นดูดกลืนลงไปในพริบตาเสียแล้ว ไม่มีแรงต้านทานเลยแม้แต่น้อย

วิญญาณแค้นขั้นสุดยอดทุกตนร้องโหยหวน ไม่ยอมจำนน แต่ก็ได้แต่จมเข้าไปในกระแสน้ำวนสีดำ

“อ๊ากกกก”

“ไม่…”

“ฆ่าๆๆ…”

หลังจากที่กระแสน้ำวนสีดำสามแห่งดูดกลืนวิญญาณแค้นขั้นสุดยอดไปแล้วก็พุ่งทะยานขึ้น กระแสน้ำวนสีดำทุกสายต่างก็มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงล้านลี้ สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนบนซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นขนาดมหึมา

ภายในกระแสน้ำวนสีดำยังมีใบหน้าของวิญญาณแค้นขั้นสุดยอดปรากฏขึ้นมาเป็นระยะๆ! ทุกใบหน้าต่างก็ร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดทรมาน ถึงอย่างไรตอนนี้พวกมันก็กำลังถูกเผาไหม้เป็นพลังงานอยู่

“มาเถิด มาเถิด มาเถิด” ราชันย์อนธการอมตะเผยสีหน้าตื่นเต้นอย่างบ้าคลั่งออกมา

โครม…

รัฐประเทศแต่ละแห่งที่อยู่บริเวณรอบๆ ทุกแห่งล้วนมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ ถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่บริเวณชายขอบของดินแดนจิตโลกา แต่เมื่อรวมกันขึ้นมาแล้วก็ยังคงมีพื้นที่ใหญ่โตมโหฬารอยู่ดี

ในขณะนี้เหนือท้องฟ้าของพื้นที่เหล่านี้กลับมีค่ายกลอันร้ายกาจสีดำปรากฏขึ้น ตอนนี้เป็นยามฟ้าสว่างแจ้งแล้ว แต่ค่ายกลอันร้ายกาจนี้กลับปกคลุมท้องฟ้าอย่างไร้ซึ่งขอบเขต ปกคลุมส่งผลกระทบกินบริเวณรัฐประเทศสิบห้าแห่ง!

ภายในเมืองจำนวนมากในอาณาบริเวณที่ถูกปกคลุมนี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ประหลาด หรือเหล่าพืชพรรณมีชีวิตต่างๆ เหล่าผู้บำเพ็ญเผ่าต่างๆ ล้วนสัมผัสได้ว่าพลังดูดกลืนดำทะมึนขุมหนึ่งกำลังส่งผลต่อวิญญาณของพวกเขา พวกเขามีบางคนที่กำลังนอนหลับ มีบางคนที่กำลังบำเพ็ญ มีบางคนที่กำลังใช้แรงงานอยู่อย่างยากลำบาก แต่ในขณะนี้วิญญาณแต่ละดวงล้วนพากันออกจากร่างอย่างมิอาจควบคุมได้เลย

“เจ็บปวดเหลือเกิน”

พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าวิญญาณเจ็บปวดรวดร้าวราวกับมีดกรีดเฉือนก็มิปาน

“เป็นอะไร พวกเราเป็นอะไรไปกันนี่”

พวกเขามองไปรอบๆ

พวกเขากำลังลอยขึ้น วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็กำลังลอยขึ้น!

ก้มหน้ามองลงไปยังปราการเมืองเบื้องล่าง ร่างกายร่างแล้วร่างเล่าภายในปราการเมืองต่างก็ร่วงหล่นอยู่ที่นั่น

“ไม่ ไม่…”

ไม่ว่าจะเป็นทารกน้อยที่ยังอยู่ภายในครรภ์มารดา หรือว่าประมุขรัฐแห่งหนึ่งที่สูงส่งไปจนถึงระดับเทพจักรวาลแล้ว ต่างก็ถูกดูดกลืนวิญญาณออกไปจากร่างกายอย่างมิอาจควบคุมได้เช่นเดียวกันทั้งสิ้น

ปราการเมืองแห่งหนึ่ง วิญญาณนับล้านล้านดวงกำลังลอยขึ้นไป

นครหลวงของประเทศแห่งหนึ่ง วิญญาณก็ยิ่งปกคลุมฟ้าบดบังดวงตะวันอย่างแน่นขนัดแล้วถูกดูดกลืนให้ลอยไปยังทิศทางหนึ่ง

กว้างใหญ่ไพศาล…

วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนทนรับความเจ็บปวดอันแรงกล้า พวกเขากำลังดิ้นรน กำลังร้องโหยหวน แต่ก็ล้วนไร้ประโยชน์ แม้กระทั่งเทพจักรวาลก็ยังมิอาจดิ้นหลุดออกไปได้

……

รัฐประเทศสิบสองแห่งในรัฐประเทศสิบห้าแห่งที่ได้รับผลกระทบต่างก็ถูกปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่ง ความมากมายของดวงวิญญาณก็ย่อมมิอาจคาดคะเนได้อยู่แล้ว วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังถูกดูดกลืนให้ลอยไปทาง ‘จุดหนึ่ง’ นั้นไป

“มาเถิดๆ”

ราชันย์อนธการอมตะยืนอยู่กลางอากาศ ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง

ฟิ้ว

ดวงวิญญาณกลุ่มใหญ่จำนวนมหาศาลที่อยู่ไกลออกไปถูกเคลื่อนย้ายตรงเข้ามา ถูกกระแสน้ำวนสีดำขนาดยักษ์สามแอ่งที่ปรากฏอยู่กลางเวหาเหนือซากศพขนาดมหึมาของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นดูดกลืนเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง

การดูดกลืนนี้ก็จำเป็นจะต้องค่อยๆ เข้ามาทีละก้าว! ราชันย์อนธการอมตะรับผิดชอบจัดหา ‘อาหาร’ เคลื่อนย้ายวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วบริเวณเข้ามา! และตอนนี้วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนก็กำลัง ‘ลอย’ เพียงแค่ได้รับผลกระทบของการดูดกลืนแล้วก็ลอยมาเท่านั้น

“คาดว่าวิญญาณมากมายขนาดนี้ก็เพียงพอสำหรับระยะเวลาสิบสองวันเป็นอย่างมากที่สุด เผาไหม้วิญญาณแค้นขั้นสุดยอดเป็นการเหนี่ยวนำ ด้วยการบูชาสรรพชีวิตก็เพียงพอที่จะกระตุ้นจิตวิญญาณของร่างสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่เริ่มแฝงความมีชีวิตชีวานี้เล็กน้อยแล้ว! จิตวิญญาณส่วนหนึ่งก็สามารถหลอมเป็นผู้ท่องมรณะสำเร็จได้แล้ว” ราชันย์อนธการอมตะตั้งหน้าตั้งตาคอยเป็นอย่างยิ่ง

“อะไรกัน”

“นี่…”

ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา เหล่าผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดรับสัมผัสฟ้าดินได้เฉียบแหลมกว่าเป็นอันมาก ความเข้าใจในกฎเกณฑ์ของพวกเขาก็ยังลึกล้ำกว่าอีกด้วย

ยามที่ค่ายกลบูชานี้เริ่มต้นระเบิด พวกเขาต่างก็รู้สึกได้กันแล้วทั้งสิ้น

“บ้าคลั่ง บ้าคลั่งเกินไปแล้ว” ‘จักรพรรดิเซี่ย’ ซึ่งอยู่ที่พระราชวังหลวงรัฐโบราณคิมหันตวายุดูฉากนี้อยู่ห่างๆ อาศัยความสำเร็จของวิถีอากาศ เขาก็เห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่ส่งผลกระทบต่อรัฐประเทศสิบห้าแห่งนั้นแล้ว วิญญาณจำนวนมหาศาลกำลังลอยขึ้นมา ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวน

ในแวบแรกเขาก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาในทันใด!

ราชันย์อนธการอมตะ!

ราชันย์อนธการอมตะ… นั่นคือบุคคลร้ายกาจผู้น่าหวั่นเกรงก่อนสงครามประเทศโบราณครั้งที่หนึ่ง ในบรรดาบุคคลผู้ไร้เทียมทาน ราชันย์อนธการอมตะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง เขาเป็นตัวแทนของ ‘ความตาย’ ไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตมากมายเท่าใดที่ต้องตายไปเพราะเขา

ดินแดนจิตโลกาในตอนนั้น พลังยุทธ์ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่สู้ปัจจุบันนี้ บวกกับที่ไม่มีผู้ใดสามารถคุกคามราชันย์อนธการอมตะได้เลย

“เป็นเขา” จักรพรรดิเซี่ย ‘มองเห็นแล้ว’ มองเห็นซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวาดหวั่นโซ่ตรวนเสาสำริดสิบหกต้นขนาดมหึมาพันธนาการเอาไว้ร่างนั้นแล้ว มองเห็นกระแสน้ำวนสีดำขนาดมหึมาสามแห่งกำลังดูดกลืนวิญญาณจำนวนมหาศาล

……

“เป็นราชันย์อนธการอมตะอย่างนั้นหรือ ได้ยินว่าเนิ่นนานก่อนหน้านี้เขาก็อหังการมากมิใช่หรือ”

จักรพรรดิเทพผลาญโลกานั่งสูงอยู่บนบัลลังก์พลางดูอยู่ห่างๆ เขาในตอนนี้เป็นผู้ที่รู้กันทั่วว่าเป็นบุคคลผู้ไร้เทียมทานที่หยิ่งผยองอหังการที่สุดคนหนึ่ง เพียงแต่ได้เห็นฝีไม้ลายมือเช่นนี้ของราชันย์อนธการอมตะ มองเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังลอยขึ้นมาเหล่านั้น ได้เห็นซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นร่างนั้น จักรพรรดิเทพผลาญโลกาก็ยังอดที่จะอกสั่นขวัญแขวนมิได้

พวกเขายังมีความแตกต่างระหว่างกันอยู่

อย่างเช่นซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันสมบูรณ์แบบซากหนึ่ง มองดูดินแดนจิตโลกา ก็ไม่มีผู้แกร่งกล้าคนอื่นๆ สามารถนำเอาออกมาได้อีกแล้ว

……

“เขาทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” เจ้าเมืองอนันต์เดือดดาลอย่างยิ่ง

……

“นับถือ นับถือ” ประมุขรัฐจันทร์บุปผาดูอยู่ห่างๆ แต่ก็เผยรอยยิ้มออกมา “สมกับที่เป็นราชันย์อนธการอมตะจริงๆ พอกลับมาแล้วก็มีฝีไม้ลายมือเช่นนี้”

……

“แผนการของเขาถึงกับต้องใช้ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ไปเอาซากมาจากไหนกัน เอามาจากในหุบเขาเขี้ยวหักหรือ หรือว่าได้รับมาจากโลกภายนอกเล่า” บรรพชนราตรีนิรันดร์และบรรพชนนิจรัตติกาลก็ดูอยู่ห่างๆ เช่นกัน พวกเขาต่างก็ช่วยจัดหาทรัพยากรบางส่วนมา เพียงแต่ตลอดมาก็ไม่เคยรู้ว่าราชันย์อนธการอมตะต้องการจะทำอะไรกันแน่ ตอนนี้ในที่สุดก็ได้ล่วงรู้เสียที

……

“นี่มันอะไรกัน” บรรพชนแมลงมองดูอยู่ห่างๆ สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย “เขาถามหาน้ำทิพย์กลืนโลกาก็เพื่อสิ่งนี้เองหรือ”

……

“คนวิปลาสคนหนึ่งแท้ๆ” บรรพชนสามท่านของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งมองดูอยู่ห่างๆ แล้วต่างก็พากันยิ้มหยัน พวกเขาต่างก็เดินบนวิถีใช้พลังทำลายกฎ รังเกียจสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง

……

ถึงแม้ว่าผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดแต่ละคนจะค้นพบได้ตั้งแต่ในครั้งแรกแล้ว แต่ว่าผู้ที่ลงมือจริงๆ ก็มีอยู่เพียงแค่สามคนเท่านั้น!

“พรึ่บ” พรึ่บ” “พรึ่บ”

เงาร่างสามสายปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณไม่ห่างจากซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นขนาดมหึมาแทบจะในเวลาเดียวกัน นั่นก็คือจักรพรรดิเซี่ย เจ้าเมืองอนันต์ และประมุขรัฐเสียดฟ้า

จักรพรรดิเซี่ยก็ทำการควบคุมอากาศ ทำให้วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่เดิมทีถูกเคลื่อนย้ายหยุดลงในทันใด

“หยุดมือนะ” จักรพรรดิเซี่ยตะโกนอย่างโกรธเคือง

……………………………….