ตอนที่ 1398 ศึกนองเลือดบนภูเขา (2)

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1398 ศึกนองเลือดบนภูเขา (2) โดย Ink Stone_Fantasy

“หัวหน้า พวกมันปีนขึ้นมาแล้ว!”

“ปล่อยให้มันเข้ามาใกล้ๆ ก่อนแล้วค่อยยิง พวกเราไม่ได้เอากระสุนมาเยอะเหมือนพวกหน่วยปืนกล!”

แคทคลอว์เจอตำแหน่งที่เหมาะแก่การยิง จากนั้นจึงยกปืนยาวแวนนาที่อยู่ในมือขึ้นมา ในขณะเดียวกับที่กวาดตามองศัตณู เขาก็มองดูตำแหน่งของแผ่นดินลอยฟ้าไปด้วย ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า แต่แผ่นดินลอยฟ้านั้นเหมือนจะลอยสูงขึ้น ก่อนหน้านี้เขายังพอมองเห็นขอบของมันได้ แต่ตอนนี้เขามองเห็นแค่ขอบด้านหลังกับใต้ท้องด้านล่างของมันเท่านั้น

แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาสามารถมั่นใจได้ นั่นคือในช่วงเวลานี้แผ่นดินลอยฟ้านั้นเข้ามาใกล้เทือกเขาสิ้นวิถีไม่น้อย เงาขนาดใหญ่กลืนกินมุมหนึ่งของเทือกเขาไป เมื่อคิดถึงว่าตัวเองจะต้องทำศึกอยู่ภายใต้เงาของมัน แคทคลอว์พลันเกิดความรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวกขึ้นมา เหมือนด้านหลังของเขามีก้อนหินขนาดใหญ่ทับอยู่อย่างไรอย่างนั้น

จะต้องรีบจัดการปีศาจพวกนี้แล้วรีบออกไปจากภูเขาก่อนที่แผ่นดินลอยฟ้าจะมาถึง

น่าจะเป็นเพราะคิดเหมือนกับเขา ในตอนที่ปีศาจแมงมุมปีนขึ้นมาถึงระยะ 500 เมตร ในที่สุดหน่วยปืนกลก็ปลดล็อก พวกเขากระหน่ำยิงใส่เป้าหมายที่อยู่บนเนิน

ทันใดนั้นภายในหุบเขาก็มีเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว

แคทคลอว์รอให้ศัตรูมาถึงระยะ 150 เมตรก่อนแล้วจึงเหนี่ยวไก

“ยิงได้!”

ปากกระบอกปืนของทุกคนมีหมอกหิมะฟุ้งขึ้นมาทันที

ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้เป็นพลยิงมืออาชีพ แต่เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากท่านแวนนา พวกเขาจึงถือเป็นกลุ่มทหารที่กระตือรือร้นเรื่องการปรับเปลี่ยนปืนมากที่สุด ภายใต้รูปแบบกึ่งอัตโนมัติ ขอเพียงไม่ขัดลำกล้อง ปืนแวนนา 5 – 6 กระบอกก็สามารถสาดกระสุนออกมาได้ไม่แพ้ปืนกล

เมื่อต้องเจอกับปีศาจแมงมุมขนาดเล็กที่ทนกระสุน ความสำคัญของการระดมยิงจึงได้เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ ถ้าเป็นกองทหารธรรมดาของกองทัพที่หนึ่งที่ถืออาวุธธรรมดาคงยากที่จะจัดการกับพวกปีศาจแมงมุมที่ไม่กลัวตายพวกนี้ได้

ทันใดนั้นเอง แสงสีดำพลันระเบิดออกมาจากในป่าเหมือนกับคลื่นน้ำที่กระเพื่อมออกมา แค่พริบตาก็กวาดผ่านตัวทุกคนไป

มันมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไปแค่ประมาณ 1 วินาทีเท่านั้น ถ้าไม่เป็นเพราะเพื่อนที่อยู่ข้างๆ สะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย แคทคลอวยังนึกว่าตัวเองคิดไปเองด้วยซ้ำ

“เมื่อกี้…เจ้าเห็นอะไรไหม?”

“เหมือนจะเป็นคลื่นสีดำ?”

แคทคลอว์คลำร่างกายของตัวเอง ก่อนจะพบว่าเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แนวป้องกันเองก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไร ในตอนนี้สามารถฟังจากเสียงปืนที่ยังคงดังต่อเนื่องได้

“น่าจะมาจากเสาหินแปลกๆ นั่นล่ะมั้ง” เพื่อนทหารเอาแม็กกาซีนอันใหม่เสียบเข้าไปในปืน “เจ้าของพวกนั้นเดิมมันก็ประหลาดอยู่แล้ว เห็นๆ อยู่ว่าด้านนอกเป็นหิน แต่ด้านในกลับมีก้อนเนื้อ”

แคทคลอว์เองก็ไม่ได้ไปครุ่นคิดอะไรต่อ เมื่อเทียบกับแสงสีดำที่ไม่มีพิษมีภัยแล้ว การกำจัดปีศาจแมงมุมที่ปีนขึ้นมานั้นก่อนต่างหากที่เป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า แต่ไม่นานเขาก็พบว่าภาพทิวทัศน์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะที่อยู่ตรงหน้าพลันมืดลง เหมือนกับว่าแสงอาทิตย์ถูกก้อนเมฆบดบังเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น

บ้าเอ้ย หรือว่าแผ่นดินลอยฟ้ามันลอยเข้ามาในเขตภูเขาแล้ว?

เขาเงยหน้าขึ้นไป จากนั้นจึงตกตะลึงไปทันที

แผ่นดินลอยฟ้ายังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือท้องฟ้า

ท้องฟ้าที่เมื่อครู่ยังสดใส ในเวลานี้ได้มีเมฆครึ้มเข้าปกคลุม แสงสีทองแลบแปลบปลาบอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ เหมือนกับว่ามันกำลังสะสมอะไรบางอย่างอยู่อย่างไรอย่างนั้น การเร็วในการเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วจนเกินกว่าที่จะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้ ภายในใจเขาพลันมีความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที

คนอื่นๆ เองก็ทยอยรับรู้ถึงความผิดปกติที่อยู่บนศีรษะ

ในเวลาสั้นๆ แค่สิบกว่าวินาที ก้อนเมฆก็เข้าปกคลุมจนเต็มท้องฟ้า

ส่วนแสงสีทองนับหมื่นนับพันก็มารวมตัวกัน ดูแล้วเหมือนจะระเบิดออกมา

ภาพแบบนี้ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน…

แคทคลอว์หยิบเอาแตรขึ้นมา ในขณะที่เขากำลังเตรียมจะเป่า สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ผ่าลงมาจากชั้นเมฆ ก่อนจะแผ่กระจายออกไปเป็นรูปพัด แค่พริบตาก็ลงมาลงยังแนวป้องกันของทีมโจมตี!

เสียงปืนหยุดลงทันที

…..

“นั่นมัน…รูนแห่งโชคชะตาเหรอ?” เวนกี้ที่อยู่บนซีกัลสูดหายใจขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ต่อให้ไม่ใช่รูนก็คงจะเป็นหินเวทมนตร์ที่คล้ายๆ กัน” แอนเดรียตอบด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง “ไลต์นิ่ง เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ข้าไม่เป็นไร” ในรูนสดับมีเสียงแหบแห้งของอีกฝ่ายดังขึ้นมา “ศัตรูน่าจะสังเกตเห็นข้าแล้ว”

“เจ้าอยู่ข้างบนก็พอ นี่ไม่ใช่ศึกที่เจ้าจะเข้ามายุ่งได้” แอนเดรียสั่งกำชับ คลื่นสีดำเมื่อครู่นี้นั้นนั้นพุ่งเข้าไปหาไลต์นิ่งอย่างเห็นได้ชัด สำหรับภาพปรากฏการณ์แปลกๆ แบบนี้ แม่มดที่เข้าร่วมการซุ่มโจมตีที่ทาคิลาล้วนแต่คุ้นเคยเป็นอย่างดี นั่นคือพลังของผู้พิฆาตเวทมนตร์

พลังพิฆาตเวทมนตร์ที่ขยายตัวเป็นวงกว้างนั้นคือดาวพิฆาตสำหรับแม่มดที่มีความคล่องแคล่วเหมือนอย่างไลต์นิ่ง ทันทีที่สัมผัสถูกคลื่น เพียงแค่ความเร็วจากแรงเฉื่อยก็ทำให้เธอได้รับอันตรายได้แล้ว ศัตรูนั้นคิดจะตัดขาดความสามารถของเธอก่อน จากนั้นค่อยให้เธอตกลงไปในขอบเขตการโจมตีของรูนอาญาสิทธิ์

แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่ ครั้งนี้หลังจากไลต์นิ่งได้ยินเสียงเตือนของเวนดี้ เธอก็ไม่ได้หุนหันพลันแล่นพุ่งเข้าไปเหมือนเมื่อก่อนนี้ นี่ทำให้เธอบินหนีคลื่นสีดำได้สบายๆ

“ให้เมซี่ไปแจ้งกองหนุนว่าทีมโจมตีอาจจะเจอปัญหาแล้ว” จากนั้นแอนเดรียก็มองมาทางซิลเวีย “หาเป้าหมายได้ไหม?”

อีกฝ่ายสูดหายใจ “มันพุ่งไปบนยอดเนินแล้ว ความเร็วเร็วมาก บริเวณใกล้เคียงไม่มีปีศาจดวงตา มันน่าจะยังไม่ทันสังเกตเห็นพวกเรา แต่แนวป้องกันถูกสายฟ้าเมื่อกี้นี้ทำลายไปแล้ว เกรงว่าคงไม่สามารถป้องกันปีศาจแมงมุมที่ตามมาหลังจากนี้ได้อีก”

นั่นหมายความว่าจะถูกเข็มของปีศาจแมงมุมพ่นใส่ในระยะใกล้

แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลาจะมานั่งห่วงเรื่องนี้

ด้วยการชี้นำของซิลเวีย แอนเดรียใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก็จะมองเห็นภาพผู้พิฆาตเวทมนตร์ในเป้าเล็ง ขณะเดียวกันหัวใจของเธอก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มด้วยเช่นเดียวกัน ความเร็วนี้ไม่ใช่แค่เร็ว แต่เรียกได้ว่าบินเลยต่างหาก! ขอเพียงช้าแม้แต่นิดเดียว เธอก็จะสูญเสียเป้าหมายไป ถ้าอยากจะหาโอกาสเหนี่ยวไก ก็มีแต่ต้องเข้าไปใกล้มันเท่านั้น ไม่อย่างนั้นต่อให้พลังของเธอจะช่วยเธอเลือกเหรียญที่จะยิงถูกเหรียญนั้น แต่เวลาที่กระสุนต้องใช้เดินทางก็นานพอที่จะทำให้มันหนีออกไปจากจุดตกของกระสุนได้

ส่วนอีกจุดหนึ่งที่ทำให้แอนเดรียสังเกตเห็นก็คือตอนที่เธอทำศึกร่วมกับกองทัพที่หนึ่ง บนร่างที่สวมเกราะของผู้พิฆาตเวทมนตร์นั้นแทบจะไม่เคยมีลำแสงบาเรียสีน้ำเงินปรากฏขึ้นมาเลย นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะอธิบายได้ด้วยความเร็วเพียงอย่างเดยว

ในช่วงเวลาที่กำลังสังเกตดูเป้าหมายนี้ ก้อนเมฆบนท้องฟ้าไม่ได้สลายหายไป สายฟ้าสีทองรวมตัวเข้าด้วยกันอีกครั้ง ก่อนจะผ่าลงมาจากบนฟ้า

อีกฝ่ายใช้พลังแห่งโชคชะตาออกมาอีกครั้ง!

นี่ยิ่งเป็นการตอกย้ำคำเตือนของซิลเวีย

ถ้าพูดถึงพลังเวทมนตร์เพียงอย่างเดียว เรียกได้ว่าพลังเวทมนตร์ของมันมหาศาลจนไม่อาจคาดคะเนได้

ไม่มีเวลาลังเลอีกแล้ว!

แอนเดรียสะกดความสงสัยภายในใจ ก่อนจะตะโกนบอกเวนดี้ “พวกเราต้องลงไป เหมือนกับที่ซุ่มโจมตีเฮคซอดเมื่อครั้งที่แล้ว มีแต่ต้องเข้าไปใกล้เป้าหมายมากพอ ข้าถึงจะมั่นใจได้ว่าจะยิงถูกเป้าหมาย!”

“ต้องใกล้เท่าไร?”

“ขอเพียงไม่เข้าไปในเขตพิฆาตเวทมนตร์ ยิ่งใกล้ยิ่งดี!”

“อย่างนั้นมันยากนะนั่น…” เวนดี้ถอนใจออกมา “ถ้าคนขับเครื่องบินเป็นองค์หญิงทิลลีก็ว่าไปอย่าง แต่ตอนนี้ซาวีเป็นคนบังคับเครื่องบิน ข้าไม่เพียงแต่จะต้องควบคุมลม แต่ยังต้องคอยดูซาวีด้วย นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ…”

“ไม่ได้เหรอ?” แอนเดรียกังวลใจเล็กน้อย

“มันก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ มันก็แค่ต้องรวบรวมสมาธิอย่างมากเท่านั้น….” เธอหลับตา ก่อนจะค่อยๆ ตอบว่า “ถึงแม้จะอายุมากแล้ว แต่นานๆ ทีทำแบบนี้บ้างมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

แอนเดรียงุนงงไปเล็กน้อย จากนั้นจึงยิ้มมุมปากขึ้นมา

เธออดนึกถึงคำพูดของไลต์นิ่งขึ้นมาไม่ได้ ใครๆ ต่างก็คิดว่าเวนดี้เป็นพี่สาวที่แสนอบอุ่น แต่นั่นเป็นแค่เปลือกนอกของเวนดี้เท่านั้น ความจริงแล้วนางแอบซ่อนหัวใจที่หนักแน่นและมั่นคงเอาไว้อยู่

ไม่อย่างนั้นตอนนั้นเธอก็ไม่คงไม่ใช้กระแสอากาศอันแม่นยำทำลายหินอาญาสิทธิ์ต่อหน้าฮัคคาลาเพื่อช้วยไนติงเกลออกมาหรอก

“ซาวี กดคันบังคับลง!” แอนเดรียตะโกนเสียงดัง “พวกเราจะบุกแล้ว!”

………………………………………………………………….