ตอนที่ 1399 ศึกนองเลือดบนภูเขา (3)

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1399 ศึกนองเลือดบนภูเขา (3) โดย Ink Stone_Fantasy

ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของซีกัลคือมันไม่มีเสียงเวลาที่เร่งความเร็ว ดังนั้นมันจึงเหมาะที่จะแอบโจมตีจากทางด้านหลังของศัตรูอย่างมาก

หลังซีกัลป์บินทะลุชั้นเมฆลงมา มันก็บินอ้อมยอดเขายอดแล้วยอดเล่าเหมือนกับวิญญาณ ก่อนจะเข้าไปใกล้ด้านหลังของสนามรบอย่างไร้ซุ่มเสียง ในเวลานี้แนวป้องกันของทีมโจมตีถูกทำลายจนราบคาบแล้ว เหล่าทหารได้แต่ต้องพึ่งตัวเองสู้ไปถอยไป ถ้าเปลี่ยนเป็นกองทัพอื่น เกรงว่าในเวลานี้พวกเขาคงจะหนีทัพไปแล้ว

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น สถานการณ์ของกองทัพที่หนึ่งก็ยังไม่สู้ดีเท่าไร ทันทีที่สูญเสียความได้เปรียบในเรื่องอาวุธไป ถ้าอยากกำจัดปีศาจแมงมุมที่มีความสามารถในการโจมตีระยะไกลเหมือนกัน ค่าตอบแทนที่พวกเขาต้องจ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แถมตอนนี้ยังมีปีศาจเกราะดำที่เป็นเหมือนสัตว์ประหลาดปรากฏตัวออกมาด้วย

เมื่อมองผ่านกล้องส่องทางไกล ตอนนี้แอนเดรียสามารถมองเห็นหน้าตาของเป้าหมายได้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว นอกจากเกราะที่เต็มไปด้วยลวดลายและรูปร่างดูแปลกๆ แล้ว ในมือมันยังถือง้าวอันใหญ่ยักษ์เอาไว้ด้วย ดูยังไงก็เหมือนเป็นอัศวินเกราะหนัก แต่การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของอีกฝ่ายกลับเหนือกว่าอัศวินเหล่านั้น แถมยังสามารถเปลี่ยนทิศทางได้ทันทีด้วย ราวกับว่าเกราะและอาวุธบนร่างกายของมันไม่มีน้ำหนักอย่างไรอย่างนั้น

สำหรับแอนเดรียแล้ว นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากมากที่สุด

“ตอนนี้ห่างเท่าไรแล้ว?”

“1,900 เมตร…” น้ำเสียงของซิลเวียเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เป็นยังไงบ้าง ยิงถูกไหม?”

“ไม่ได้” เธอเลียริมฝีปากที่แห้งผาก “ต้องเข้าไปใกล้อีกหน่อย”

ในระหว่างที่สังเกตดูศัตรูนี้ แอนเดรียได้แอบใช้พลังไปหลายครั้งแล้ว จากตอนแรกที่มีเส้นสีเงินปรากฏขึ้นมา 1 – 2 เส้นก็กลายเป็นมีเส้นสีเงินอยู่ทั่วทุกที่ นี่หมายความว่ามีหลายสิบวิธีที่เธอจะยิงถูกเป้าหมาย ขอเพียงเป้าหมาย ‘ให้ความร่วมมือ’ มากพอ ทันทีที่เธอเหนี่ยวไก จุดตกก็จะถูกกำหนดทันที แต่ในช่วงเวลาหลายวินาทีที่กระสุนใช้เดินทาง ไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไร

ถ้าเป็นปืนธรรมดา เธอคงจะยิงออกไปรัวๆ เพื่อใช้จำนวนมาเพิ่มความน่าจะเป็น แต่ปืนสไนเปอร์ที่มีลำกล้องขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือกระบอกนี้มีระยะห่างในการยิงแต่ละนัดค่อนข้างนาน เธอไม่สามารถเอากระสุนหินอาญาสิทธิ์ที่ลำค่ามาวัดดวงได้

ด้วยเหตุนี้วิธีที่ปลอดภัยมากที่สุดก็คือพยายามลดระยะเวลาที่กระสุนใช้เดินทางในอากาศลง ทำให้เป้าหมายอยู่ในสถานะ ‘หยุดนิ่ง’ ในช่วงเวลาที่กระสุนถูกยิงออกไปจนกระทั่งถึงเป้าหมาย

“1,500 เมตร!” ซิลเวียกำชายเสื้อของตัวเองโดยไม่รู้ตัว

“ซีกัลเปลี่ยนทิศทาง ระวังเครื่องเอียง!” เวนดี้พูดเตือน

ภายในระยะนี้สามารถแยกแยะความต่างของเครื่องร่อนและนกขนาดใหญ่ได้ ถึงแม้จะอยู่บนสนามรบที่ดุเดือด แต่ก็ไม่มีใครที่จะสนใจความเคลื่อนไหวที่อยู่บนฟ้า แต่ภายในใจแม่มดทุกคนก็ยังรู้สึกลุ้นอยู่ดี ต่อให้รู้ว่าศัตรูไม่ได้ยินเสียงที่มาจากบนฟ้า แต่พวกเธอก็ยังกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

“1,300 เมตร!” ซิลเวียตะโกน

“เข้าไปใกล้อีกหน่อย!” แอนเดรียวางนิ้วไว้บนไกปืน สำหรับเป้าหมายส่วนใหญ่แล้ว เวลา 1 วินาทีถือว่าเหลือเฟือ แต่ครั้งนี้เป้าหมายคือปีศาจระดับราชา เธอไม่อยากจะให้มีอะไรผิดพลาด

“1,100 เมตร!”

“ซาวี ระวังมุมคันบังคับ ข้าใกล้จะดึงไม่ไหวแล้ว!”

“900”

ทันใดนั้นเอง แอนเดรียได้ใช้พลังออกมา

แสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเต็มไปหมด ก่อนที่สุดท้ายจะรวมกันเป็นสายสีเงินที่เจิดจ้าเส้นหนึ่ง — ภายในระยะนี้ ผลกระทบจากทิศทางลมและแรงโน้มถ่วงถือว่าน้อยอย่างมาก

เสร็จข้าล่ะ” เธอพูดงึมงำ จากนั้นจึงเหนี่ยวไกปืน

แทบจะในเวลาเดียวกัน ผู้พิฆาตเวทมนตร์เองก็สังเกตเห็นความผิดปกติจากการตอบสนองของทหารกองทัพที่หนึ่ง มันรีบหันหน้ากลับไป ก่อนจะเห็นเครื่องร่อนบินโฉบผ่านหัวมันไป พริบตาที่ประกายไฟแลบออกมาจากปากกระบอกปืน กระสุนหินอาญาสิทธิ์ที่บินมาอยู่ตรงหน้ามันแล้ว ต่อให้มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็วแค่ไหน การจะหลบกระสุนนัดนี้มันก็สายไปเสียแล้ว!

เสียง ‘ปัง’ ดังสนั่นขึ้นมา ตรงหน้าผู้พิฆาตเวทมนตร์มีคลื่นอากาศระเบิดออกมา แรงปะทะอย่างรุนแรงทำให้ตัวมันกระเด็นลอยออกไป ก้อนเมฆบนฟ้าเองก็สลายหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับหิมะที่อยู่ใต้แสงอาทิตย์อันร้อนแรง

“ยิงโดนแล้วเหรอ?” เวนดี้รีบถาม

แต่ใบหน้าซิลเวียกลับขาวซีดขึ้นมา “ไม่…นัดเมื่อกี้เหมือนจะยิงไม่ถูก”

“เป็นไปได้ยังไง” แอนเดรียกัดฟันพร้อมกับเอาผ้าพันแผลเวทมนตร์แปะไปบนหัวไหล่ “ตอนที่ยิงออกไป ข้าเห็นอยู่ว่ามันไม่ได้สังเกตเห็นเลย—“

ซิลเวียไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี ความสามารถของเธอไม่สามารถมองผ่านม่านพลังหินอาญาสิทธิ์ได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าในเสี้ยววินาทีเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ต่อเธอมั่นใจว่าเธอเห็นในตอนที่แสงสีดำของกระสุนหินอาญาสิทธิ์เข้าไปใกล้ผู้พิฆาตเวทมนตร์ ภาพทิวทัศน์ที่อยู่รอบๆ มันบิดเบี้ยวขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนมีอะไรบางอย่างมากั้นระหว่างมันกับหัวกระสุนเอาไว้ จากนั้นแสงสีดำก็แดงเป็นเสี่ยงๆ แทนที่จะพุ่งตรงทะลุเข้าไปในหน้าอกของศัตรูเหมือนอย่างเมื่อก่อน

“อย่าเพิ่งเถียงกัน ตอนนี้เป้าหมายเป็นยังไงบ้าง?” ซาวีพูดแทรกขึ้นมา

“มัน….ลุกขึ้นมาแล้ว”

ซิลเวียพูดอย่างยากลำบาก

ด้วยดวงตาเวทมนตร์ เธอมองเห็นการโจมตีเมื่อครู่นี้ได้ทิ้งร่องรอยความเสียหายเอาไว้บนเกราะสีดำอยู่หลายแห่ง นั่นน่าจะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากที่หินอาญาสิทธิ์แตกเป็นเสี่ยงๆ รอยความเสียหายที่ชัดเจนที่สุดอยู่ตรงส่วนหัว หมวกเหล็กปลายแหลมของผู้พิฆาตเวทมนตร์มีรอยถูกโจมตีจนแตกไปครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าที่เยือกเย็นภายใต้หมวกเหล็ก

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้เป็นแบบนี้ แต่การที่อีกฝ่ายยังยืนขึ้นมาได้มันก็ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์แล้ว

“ซิลเวีย ช่วยข้าใส่กระสุน!” แอนเดรียตะโกน

“พวกเราไม่มีกระสุนหินอาญาสิทธิ์แล้ว…”

“อย่างนั้นก็ใช้กระสุนธรรมดา” เธอยังคงยืนกราน “ในเมื่อผู้พิฆาตเวทมนตร์มันยังเคลื่อนไหวได้ อย่างนั้นจะใช่กระสุนหินอาญาสิทธิ์หรือเปล่ามันก็ไม่สำคัญแล้ว ขอแค่ยิงออกไปได้ก็พอ!”

“ท้องฟ้ามืดลงอีกแล้ว!” ซาวีตะโกนขึ้นมา “เจ้านี่มันยังไม่ยอมหยุดอีกเหรอเนี่ย?”

ซิลเวียเอา ‘กระสุน’ ที่ยาวครึ่งแขนใส่เข้าไปในรังเพลิง “แต่ตอนนี้มันสังเกตเห็นเราแล้ว ถ้ายังลองยิงอีกล่ะก็…”

“ข้าถึงต้องยิงอีกนัดไง!” แอนเดรียคำรามออกมา “ถ้าหนีไปแบบนี้ เราไม่มีทางบินออกไปพ้นตรงนี้แน่!”

ผู้พิฆาตเวทมนตร์ที่ยืนขึ้นมาใหม่ยกง้าวขึ้นสูง ดวงตาของมันเปล่งแสงสีแดงที่ดุร้าย

เสียงฟ้าร้องดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา

“ใส่กระสุนเรียบร้อย!”

“เวนดี้ บินแบบนี้ไปเรื่อยๆ” แอนเดรียเล็งเป้า เส้นสีเงินเชื่อมต่อเป้าหมายเข้ากับปากกระบอกปืนอีกครั้ง ครั้งนี้เธอเหนี่ยวไกลงไปโดยไม่สนใจอาการเจ็บที่หัวไหล่

น่าจะเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงอันตรายที่กำลังมาถึง ผู้พิฆาตเวทมนตร์กระโดดไปด้านข้างพร้อมกับเหวี่ยงง้าวออกไป!

ครั้งนี้ ในที่สุดซิลเวียก็มองเห็นหน้าตาที่แท้จริงของสิ่งที่บิดเบี้ยวนั่นแล้ว

พวกมันบางเบาและโปร่งใสเหมือนกับปีกจักจั่น แต่นั่นไม่ใช่ปีกจักจั่นจริงๆ อย่างแน่นอน พวกมันที่ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังเวทมนตร์คมกว่ามีดดาบใดๆ อีกทั้งยังหมุนวนอยู่รอบตัวผู้พิฆาตเวทมนตร์

ถึงแม้จุดที่กระสุนตกจะไม่มีใครอยู่ แต่พวกมันก็ยังทำการตอบสนองออกมา พวกมันบางส่วนบินตัดเข้าไปในเส้นทางที่หัวกระสุนบินเข้ามา ส่วนที่เหลือก่อตัวเป็นกำแพงมีดอยู่รอบตัวราชาปีศาจ

คลื่นอากาศระเบิดออกมาอีกครั้งจนทำให้หิมะฟุ้งกระจายขึ้นมา ส่วนแสงสีทองที่บิวเบี้ยวก็ผ่าลงมาจากบนฟ้า ผ่าปีกซ้ายของซีกัลจนหัก

เครื่องร่อนสูญเสียสมดุลทันที ก่อนจะหมุนควงตกลงไปตรงตีนเขา

….

หลังจากนั้นชั่วโมงนึง เงาของพระผู้สร้างก็เข้าปกคลุมเทือกเขาสิ้นวิถี

เมื่อประตูที่อยู่ด้านล่างแผนดินลอยฟ้าถูกเปิดออก ละอองชีวิตจำนวนมากพลันไหลทะลักออกมาเหมือนน้ำตก ก่อนจะไหลไปทางตะวันออกและตะวันตกของหุบเขา

ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ถอดหมวกเหล็กที่เสียหายออก ก่อนจะไปแช่อยู่ในอากาศที่ทั้งชื้นและสบาย

ถึงแม้ในเวลานี้จะมีมนุษย์บางส่วนที่ยังต่อสู้อยู่ แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อสถานการณ์โดยรวมแล้ว หลังจากเห็นว่ามีศัตรูกลุ่มใหม่ปรากฏตัวขึ้นมา เดอะแมสก์จึงยิงลองสเปียร์ออกมาอีกสามแท่ง เกรงว่าอีกฝ่ายคงคิดไม่ถึงว่าด้านล่างของพระผู้สร้างจะมีช่องยิงแอบซ่อนอยู่ แถมการยิงเสาหินลงมาตรงๆ ยังมีพลังทำลายมากกว่าการโยนด้วย หลังถูกเสาหินขนาดใหญ่สามแท่งบดขยี้ มนุษย์ก็ยากที่จะรวมกลุ่มเพื่อทำการโจมตีกลับได้อีก

หลังจากนั้นร่างซิมไบออนท์เหล่านี้ก็จะค้นหาทหารที่หลบหนีไปเหล่านั้นอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยจนกว่าจะกำจัดพวกเขาทิ้งจนหมดหรือไม่ก็ใช้พลังเวทมนตร์ไปจนหมด

นกเหล็กเหล่านั้นเองก็พยายามที่จะปกป้องมนุษย์ที่กำลังหลบหนีอยู่ ในนั้นมีนกเหล็กสีแดงอยู่ตัวหนึ่งที่สร้างปัญหาให้กับมันไม่น้อย พลังอาญาสิทธิ์ถูกยิงไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถยิงเป้าหมายให้ร่วงลงมาได้ แถมยังถูกการกราดยิงของอีกฝ่ายทำให้สูญเสียพลังเวทมนตร์ไปจำนวนมากด้วย ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือความคล่องแคล่วก็ล้วนแต่เหนือกว่านกเหล็กตัวอื่นๆ แต่พวกมันเหมือนจะไม่เหมาะที่จะทำศึกในระยะยาว สุดท้ายพวกมันยังคงถูกตัวเองกับอสูรโบเกิ้ลโจมตีจนล่าถอยไป

ชัยชนะในศึกครั้งนี้เป็นของเผ่าพันธุ์มันอย่างไม่ต้องสงสัย

……………………………………………………………..