กล้าประมือกับข้าหรือไม่!
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่อึ้งไปเล็กน้อยและนึกขันผู้ที่กล้าเอ่ยถามตนเช่นนี้!
คำพูดที่หลุดจากปากหลงเทียนฟางเมื่อครู่นั้นต้องเรียกว่าบ้าดีเดือดจึงจะถูกต้อง! เพราะในหุบเขาหลงเฟิงแห่งนี้ ยอดฝีมือมากกว่าหกร้อยคนเพิ่งจะถูกหลิงหยุนสังหารตายไปเกือบหมด เหลือไม่ถึงสองร้อยคนที่มีโอกาสรอดชีวิตกลับลงเขาไปได้!
แต่ทันทีที่หลงเทียนฟางมาถึงกลับร้องตะโกนถามหลิงหยุนอย่างยะโสโอหังเช่นนั้น!
สำหรับผู้ที่โง่เขลาเช่นนี้หลิงหยุนคร้านที่จะเสียเวลาตอบคำถาม แต่ได้เพ่งจิตหยั่งรู้ของตนจับจ้องที่ร่างของหลงเทียนฟางที่อยู่ห่างไปราวแปดร้อยเมตร และพินิจดูอย่างละเอียด
หลงเทียนฟางเร่งเหาะเข้ามาหาหลิงหยุนด้วยความเร็วสูงสุดและความเร็วในการเหาะของเขานั้นก็อยู่ในอัตราห้าร้อยเมตรต่อวินาที ซึ่งนับว่าเป็นความเร็วที่เร็วกว่ากระสุนปืนเสียอีก!
และเมื่อมาถึงหลงเทียนฟางก็ลดความเร็วลง แต่เริ่มปลดปล่อยปราณมังกรที่แข็งแกร่งออกมา เพื่อแสดงถึงความพร้อมที่จะประมือกับหลิงหยุนอย่างเต็มที่ เวลานี้แสงสีทองเรืองรองเปล่งประกายออกมาจากร่างของหลงเทียนฟางจนสว่างไปทั่วทั้งท้องนภา
คำตอบของหลิงหยุนเองก็ไม่จำเป็นกับหลงเทียนฟางแต่อย่างใดเพราะยังไม่ทันสิ้นเสียงพูดของตนเอง ร่างของหลงเทียนฟางก็เหาะมาด้วยความเร็วสูง และเข้าใกล้บริเวณที่หลิงหยุนยืนอยู่อย่างมากแล้ว ส่วนหลิงหยุนเองก็ไม่ได้รับรู้เสียงของหลงเทียนฟางจากหูของตน แต่รับรู้ได้ด้วยจิตหยั่งรู้อันทรงพลังแทน ทำให้เขาได้ยินคำพูดของหลงเทียนฟางตั้งแต่ก่อนที่จะเหาะมาใกล้แล้ว
และนี่คือความพิเศษของขั้นพลังชี่– กลั่นปราณบ่มเพาะจิตวิญญาณ ผู้บ่มเพาะพลังที่ฝึกมาถึงขั้นนี้นั้น จะมีประสาทสัมผัสทั้งห้าเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป เพาะหากไม่มีจิตหยั่งรู้ที่แข็งแกร่งสามารถรับรู้ได้ในระยะไกลเช่นนี้ คนผู้นั้นอาจถูกสังหารตายก่อนที่จะได้ยินคำพูดประโยคนั้นก็ได้
หลงเทียนฟางตั้งใจโอ้อวดความแข็งแกร่งของตนเพื่อข่มขวัญศัตรูเพราะในขณะที่เขาร้องตะโกนออกไปนั้นร่างของเขายังอยู่ห่างจากหลิงหยุนไปเกือบสี่กิโลเมตร แต่กลับใช้เวลาเพียงแค่แปดวินาทีก็สามารถเหาะมาใกล้กับบริเวณที่หลิงหยุนยืนอยู่มากแล้ว!
แปดวินาที..เจ็ดวินาที.. หกวินาที.. ห้าวินาที..
หลิงหยุนแอบคำนวนเวลาอยู่ในใจเงียบๆและในวินาทีที่ห้าหลิงหยุนก็ทำการเผาเสินหยวนอีก 360 หยดทันที!
หลิงหยุนผ่านการต่อสู้ที่ต้องเสี่ยงตายมามากมายหลายต่อหลายครั้งเพียงแค่เห็นเช่นนี้เขาก็สามารถคาดการณ์ได้ว่าหลงเทียนฟางจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากศัตรู! เขาจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมอย่างเต็มที่ เพราะหลงเทียนฟางนั้นดูเหมือนจะยะโสโอหังไม่ต่างจากตัวของเขาเองนัก!
ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย!
สำหรับหลิงหยุนแล้วเขาให้ความสำคัญกับการไม่ประมาทศัตรูและการต่อสู้อย่างมีชั้นเชิงมากกว่าสิ่งใด ที่ผ่านมาแม้แต่ศัตรูตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่อาจทำอันตรายต่อเขาได้ หากไม่สังหารทิ้ง หลิงหยุนก็จะจัดการจนทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถเป็นพิษเป็นภัยต่อตนได้อีก แล้วนับประสาอะไรกับหลงเทียนฟางเล่า
หลังจากที่จัดการเผาเสินหยวนไปอีกสามร้อยหกสิบหยดหลิงหยุนก็สามารถเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้อีกครั้ง..
และด้วยอานุภาพของจิตหยั่งรู้ที่แข็งแกร่งในขั้นลิ่วเฉิงชี่นี้ทำให้หลิงหยุนสามารถเห็นหลงเทียนฟางได้อย่างชัดเจน และเห็นแม้กระทั่งรายละเอียดของแสงสีทองรอบตัวเขาด้วย!
“หมอนี่ช่างบ้าโดยแท้..”
หลิงหยุนเห็นหลงเทียนฟางที่สวมเสื้อแขนกุดและเหาะมาด้วยเท้าเปล่าเพื่อต่อสู้กับตนเช่นนั้น ก็อดที่จะพึมพำออกมาด้วยความรู้สึกทึ่งไม่ได้ แต่ในใจก็นึกชอบความบ้าบอของอีกฝ่ายขึ้นมาบ้างเล็กน้อย..
และนี่คือความรู้สึกประทับใจแรกที่หลิงหยุนมีต่อหลงเทียนฟาง!
หลิงหยุนเห็นหลงเทียนฟางเหาะเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูงสุดแต่ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย เขาจึงได้แต่ยิ้มออกมา และเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ขึ้นมาถือไว้ในมือทันที
พรึบ!
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ทำการโคจรดาราคุ้มกายขั้นสุดเป็นเกราะคุ้มกันร่างกายและยกปลายกระบี่ขึ้นเหนือศรีษะ พร้อมกับคิดในใจว่า
‘หากเจ้าพุ่งเข้ามาใกล้ข้าเมื่อใดเจ้าต้องตายด้วยกระบี่ในมือข้าแน่!’
หลงเทียนฟางเหาะเข้าหาหลิงหยุนด้วยความเร็วห้าร้อยเมตรต่อวินาทีเช่นนี้หลิงหยุนแทบไม่ต้องออกแรงอะไร เพียงแค่ถือกระบี่วิเศษนี้ไว้ในมือ หากหลงเทียนฟางไม่ชะลอความเร็ว และตั้งใจพุ่งเข้าใส่หลิงหยุน เขาย่อมต้องโดนคมกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนจนบาดเจ็บแน่!
ไม่เพียงเท่านั้นหลิงหยุนยังกวัดแกว่งกระบี่ในมือไปมาอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าหากหลงเทียนฟางพุ่งเข้ามาจริง ก็คงยากที่จะหลบคมกระบี่ในมือของหลิงหยุนพ้น!
หลิงหยุนเองก็อยากจะรู้ว่าหลงเทียนฟางจะบ้าดีเดือดถึงขั้นเหาะตรงเข้าปะทะกับกระบี่วิเศษในมือของตนหรือไม่
แล้วหลงเทียนฟางจะกล้าหรือไม่แน่นอนว่าหลงเทียนฟางย่อมก็ไม่กล้า! ฟิ้ว!
ทันทีที่หลงเทียนฟางเหาะเข้าใกล้หลิงหยุนในระยะหนึ่งร้อยเมตรเขาก็ได้เหาะเบี่ยงไปทางด้านซ้ายของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปหยุดอยู่ห่างจากร่างของหลิงหยุนราวสามร้อยเมตรได้
หลงเทียนฟางกัดฟันกรอดสายตาของเขาจ้องมองหลิงหยุนด้วยความไม่พอใจพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“หลิงหยุน!เจ้าไม่เห็นรึว่าข้ามามือเปล่า เหตุใดยังชักกระบี่ออกมาอีก”
หลิงหยุนหันไปมองหลงเทียนฟางด้วยสีหน้าสงบนิ่งพร้อมตอบกลับไปยิ้มๆ“จริงอยู่ที่เจ้าเหาะมามือเปล่า แต่ด้วยความเร็วห้าร้อยเมตรต่อวินาทีเช่นนั้น เจ้าคิดว่าข้าจะโง่ยืนนิ่งๆรอรับการจู่โจมของเจ้างั้นรึ ต่อให้เจ้ามามือเปล่า แต่เจ้าก็สามารถใช้หมัดจู่โจมข้าได้นี่!”
“ฮ่าๆๆๆ”
หลงเทียนฟางได้ยินคำตอบของหลิงหยุนก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังเพราะหลิงหยุนสามารถคาดเดาได้อย่างถูกต้อง
“เจ้าคงจะเป็นหลงเทียนฟางสินะ”
หลิงหยุนจ้องมองหลงเทียนฟางที่อยู่ห่างไกลออกไปและได้แต่แอบตกใจ! เพราะเพียงแค่หลงเทียนฟางยืนนิ่งๆอยู่เช่นนี้ เขาก็ยังดูน่าเกรงขามราวกับสัตว์อสูรที่ดุร้าย และดูจากพลังปราณที่พวยพุ่งออกจากร่างของหลงเทียนฟางแล้ว เขาน่าจะสามารถเอาชนะยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับหกได้ไม่ยาก
ชายหนุ่มผู้นี้จะมีพลังปราณที่แข็งแกร่งยิ่งนักหลิงหยุนเชื่อว่าหากหลงเทียนฟางประมือกับหลวงจีนจื้อเหนิง เขาจะสามารถเอาชนะหลวงจีนจื้อเหนิงได้ภายในเวลาเพียงแค่สองสามนาทีเท่านั้น!
หลิงหยุนประเมินความแข็งแกร่งและความสามารถของหลงเทียนฟางอยู่ในใจเงียบๆและได้แต่คิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของหลงเทียนฟางเวลานี้ เขาคนเดียวก็สามารถเอาชนะจางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย!
หลงเทียนฟางนับเป็นศัตรูที่น่ากลัวไม่น้อยทีเดียว..
แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของหลิงหยุนก็ยังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มในขณะที่ตอบกลับไปว่า“ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว!”
หลงเทียนฟางพยักหน้ารับรู้พร้อมถามหลิงหยุนกลับไปว่า“เจ้าเองก็คงจะเป็นหลิงหยุนสินะ! เจ้ากล้าฉกฉวยของของตระกูลหลงไป ข้าเองก็รอที่จะจัดการกับเจ้านานแล้วเช่นกัน!”
หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆเขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังพูดถึงปราณมังกรอายุกว่าหกร้อยปีที่อยู่ภายในพระราชวังต้องห้าม เขาจึงคร้านที่จะปะทะฝีปากด้วย แต่กลับเหลือบมองไปทางชายอีกสองคนที่เหาะตามมาห่างๆ
“สองคนที่ตามมานั้นคือผู้ใดกัน”
ลุงของหลงเทียนฟางและหลงเทียนซินที่เพิ่งตามมาถึงแต่ทั้งคู่กลับยังคงไม่เข้าใกล้บริเวณที่หลิงหยุนยืนอยู่ พวกเขาทั้งสองหยุดอยู่ห่างจากกลุ่มของหลิงหยุนไปราวหนึ่งพันเมตร และกำลังจับตาดูเหตุการณ์ด้านล่างอยู่ห่างๆ
ความจริงแล้วหลังจากที่ได้เห็นคนทั้งคู่หลิงหยุนก็ได้นึกคาดเดาอยู่ในใจเงียบๆอยู่แล้ว แต่ที่ถามออกไปเพื่อให้มั่นใจว่าตนคาดเดาได้ถูกต้องหรือไม่
“คนที่มีอายุนั่นเป็นลุงของข้าเองนามว่าหลงฮ่าวเฉียน ส่วนอีกคนเป็นพี่ชายของข้า.. หลงเทียนซิน!”
หลงเทียนฟางตอบกลับหลิงหยุนด้วยสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่งจากนั้นจึงยิ้มกว้างพร้อมกับเอ่ยต่อ
“แต่เจ้าไม่ต้องกังวลใจไปเพราะข้าจะเป็นผู้ประมือกับเจ้าเอง!”
“เรื่องนั้นหาใช่ปัญหาสำหรับข้าไม่ในเมื่อพวกเราต่างก็เป็นศัตรู จะประลองกับใครผลย่อมออกมาเหมือนกัน!” หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ
ครั้งนี้นับเป็นการประลองที่อันตรายมากอย่างยิ่งเพียงแค่หลงเทียนฟางก็แข็งแกร่งมากแล้ว ส่วนหลงเทียนซินนั้นเขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้ภายในเวลาอันรวดเร็วแน่ อีกทั้งหลงฮ่าวเฉียนที่มีแสงสีฟ้าเปล่งประกายรอบตัว เขาเองก็ไม่สามารถมองเห็นขั้นพลังของอีกฝ่ายได้ เห็นได้ชัดว่าย่อมต้องเป็นยอดฝีมือที่สูงส่งมากคนหนึ่ง
หลิงหยุนยังจำได้ว่าเขาเองได้เคยพบลุงของหลงเทียนฟางผู้นี้มาก่อนแล้ว เขาก็คือยอดฝีมือที่หลิงหยุนกับโม่วู๋เตาไปพบเข้าโดยบังเอิญที่มหาวิทยาลัยหนานจิง ครั้งนั้นเขานำหลิวเทวะวิญญาณเข้าไปดูดซับพลังหยิน จนเป็นเหตุให้ค่ายกลกักมังกรหยินทำงานจนสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งบริเวณ และยอดฝีมือสูงส่งผู้นี้ก็ได้ปรากฏตัว!
เวลานี้ฐานะของยอดฝีมือในคืนนั้นก็ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้วว่าแท้ที่จริงเขาก็คือลุงหลงเทียนซินกับหลงเทียนฟาง และเป็นพี่ชายของหลงฮ่าวหลานซึ่งเป็นผู้นำตระกูลหลงคนปัจจุบันนั่นเอง!
ในครั้งนั้นหลิงหยุนยังอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเอ้อเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-2) เขาจึงไม่สามารถมองเห็นขั้นพลังของหลงฮ่าวเฉียนได้ แต่เวลานี้หลิงหยุนอยู่ในระดับสูงสุดขั้นซานฉางชี่ (ขั้นพลังชี่-3) และหลังจากเผาหยดเสินหยวนก็ได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเห็นขั้นพลังของหลงฮ่าวเฉียนอยู่ดี!
และหากหลงฮ่าวเฉียนลงมือหลิงหยุนก็คงยากที่จะรับมือได้!
แต่หากเขาลงมือจริงๆหลิงหยุนก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะใช้วิชาพลังมังกรจัดการกับหลงฮ่าวเฉียนเช่นกัน!
“เช่นนั้นก็ลงมือเลย!”
หลงเทียนฟางคร้านที่จะพูดจาไร้สาระอีกเขาพุ่งร่างเข้าหาหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว และเพียงแค่พริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวตรงหน้าหลิงหยุนแล้ว! ตูม!
หลงเทียนฟางจู่โจมหลิงหยุนด้วยหมัด!
หลิงหยุนได้ทำการเก็บกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าไปแล้วเขาต้องการประลองกับหลงเทียนฟางอย่างยุติธรรม และได้ใช้กำปั้นของตนชกเข้าใส่หลงเทียนฟางเช่นกัน!
พลังรุนแรงจากการปะทะกันระหว่างหมัดของหลิงหยุนและหมัดของหลงเทียนฟางดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ
วินาทีต่อมาร่างของคนทั้งสองก็กระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง และเกิดแรงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวขึ้น
ร่างของหลงเทียนฟางลอยกระเด็นออกไปไกลราวหนึ่งร้อยเมตรได้แต่ร่างของหลิงหยุนกลับกระเด็นออกไปไกลมากกว่าสองร้อยเมตรทีเดียว!
‘หมอนี่แข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้มาก..’
ทันทีที่ทรงตัวยืนได้มั่นคงหลิงหยุนก็สัมผัสได้ว่าโลหิตภายในร่างของตนนั้นหมุนเวียนด้วยความรวดเร็ว และแทบพวยพุ่งออกจากร่าง
และนี่เป็นครั้งแรกของการประลองที่หลิงหยุนตกอยู่ในอาการเช่นนี้!
“มาประลองต่อ!”
หลงเทียนฟางไม่เสียเวลาเขากำหมัดพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนต่อทันที แต่ครั้งนี้หลิงหยุนได้ใช้หมัดปีศาจเถียนกังที่มีพลังรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
ปัง!
เสียงพลังปราณจากหมัดของคนทั้งคู่ปะทะกันจนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณอีกครั้งแล้วทั้งสองร่างก็กระเด็นแยกออกจากกัน แต่ครั้งนี้เป็นระยะทางเท่าๆกัน
��