บทที่ 700 เขาเริ่มปฏิบัติการแล้ว

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

มีเพียงลูกสี่ของตระกูลตระกูลเทวเทพ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ถามอย่างไม่สบายใจว่า: “คุณท่านไม่อยู่ ท่านก็ให้คนเฝ้าไว้บนยอดเขาแน่ แล้วพวกเราจะมีโอกาสเขาไปได้อย่างไร”

“ทำไมจะไม่มีหล่ะ? พี่รองของนายต้องจักการเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน!!”

ทันทีที่พูดจบ ภรรยาของวุฒิพลก็พูดขัดจังหวะพวกเขาขึ้นมาอย่างดุดัน

ตอนนี้งานเลี้ยงใกล้จะเลิกลาแล้ว

พวกเขาแค่รอวันที่16 จะมาถึง…

แน่นอนว่าทรงกลดต้องมีวิธีทำให้คนของตัวเองขึ้นไปยอดเขาหลังจากที่ไชยันต์ออกไป ล้วนแล้วแต่เป็นคนตระกูลเทวเทพทั้งนั้น ใครจะไม่มีหูมีตาอยู่ที่นั่นหล่ะ?

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดคือในวันที่16 เขายังไม่ทันได้ลงมืออะไรเลยก็เหตุการณ์ร้ายแรงที่ทำให้พวกเขาตกตะลึง คือเกิดเรื่องในตระกูลเทวเทพอีกแล้ว

“นายพูดอะไร?พูดอีกครั้งสิ?นายบอกว่าใครตายนะ?!!”

“อาจารย์หญิงทำใจดีๆก่อน ฉันก็เพิ่งได้ยินข่าวจากกองทัพมานิดหน่อยจึงรีบวิ่งมาบอกเธอ พวกเขาบอกว่าครูเสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการป่วยเฉียบพลัน”

ทหารหนุ่มที่มาสวนแมกโนเลียในตอนเช้าตรู่ เมื่อเห็นภรรยาของวุฒิพลเขาบอกข่าวร้ายให้หล่อนอย่างกล้ำกลืน

เมื่อภรรยาของวุฒิพลได้ยินเธอก็แทบจะเป็นบ้า!

“โรคเฉียบพลันอะไร? อาจารย์ของนายจะมีโรคเฉียบพลันได้อย่างไร? เขามีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข และเขาก็ยังมีอายุไม่ถึงห้าสิบเลย เขาจะมีโรคเฉียบพลันได้ยังไง?”

เธอพูดอย่างรุนแรง ไม่ยอมเชื่อข่าวร้ายนั้นเลย

แน่นอนว่าด้วยสุขภาพที่แข็งแรงของวุฒิพลและอายุของเขาแล้ว มันยากที่จะให้เชื่อได้

แต่ว่าเขาตายไปแล้ว

เช้าตรู่ของวันที่16 เขาได้เสียชีวิตในห้องขังของเขา ขณะที่เขากำลังจะสิ้นสุดการถูกคุมขัง

แล้วภรรยาของวุฒิพล ก็วูบเป็นลมไปทันที

ทรงกลดตกตะลึงนิ่งอยู่ตรงนั้นหลังจากได้ทราบข่าวนี้ เขารีบร้อนใจไปที่กองทหารโดยไม่ได้สนใจแผนการฆาตกรรมที่วางในวันนี้เลย

เมื่อเขาไปถึงที่นั่นก็เห็นเพียงศพของวุฒิพลแล้ว

“ร้อยเอกทรงกลดเสียใจด้วยครับ ตอนที่เห็นเขาพวกผมได้พยายามยื้อชีวิตของเขาจนวินาทีสุดท้ายแล้ว แต่ก็ยังมาช้าไป” เจ้าหน้าที่ทหารที่เห็นเขาทำได้เพียงกล่าวขอโทษเขาด้วยความเสียใจ

ถูกขังอยู่ในห้องคุมขัง และยังเป็นลมและมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

นอกจากปัญหาด้านสุขภาพของตัวเองแล้วจะมีปัญหาอะไรได้อีกหล่ะ?

ทรงกลดมองดูศพแม้ตายศพก็ยังเป็นม่วงคล้ำ และเขาทรุดตัวลง

“ไม่จริง ไม่! พ่อของฉันไม่ได้ป่วยตายแน่นอน พ่อของฉันคงถูกใครบางคนฆ่าตายแน่ ต้องเป็นไอ้บ้าคนนั่นแน่!!”

ทันใดนั้น จูเน่ที่ได้รับอนุญาตให้มาหาพ่อของเธอเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเห็นพ่อที่ไร้ลมหายใจของเธอนอนอยู่บนพื้นหลังจากที่ถูกพามาที่นี่ เธอกรีดร้องเหมือนอย่างคนบ้าขึ้นมาทันที

คนที่คุมตัวเธอมาได้รั้งเธอไว้

“จูเน่ หยุดนิ่งอย่าขยับ อย่าลืมว่าคุณยังเป็นนักโทษประหารอยู่!”

“ไม่ ไม่… ฉันขอร้อง ให้ชันสูตรศพพ่อของฉันด้วย พ่อต้องไม่ตายด้วยการเป็นโรคแล้วป่วยตายแน่ พ่อของฉันไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร เขาไม่มีทางที่ป่วยตาย ฉันขอร้องหล่ะ”

เพื่อที่จะหาสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตของพ่อเธอ ผู้หญิงคนนี้จึงคุกเข่าลงต่อหน้าคนสองคนที่คุมเธอไว้ และก้มหัวกราบอย่างไม่หยุด

สองคนนี้:“……”

เมื่อทรงกลดเห็นอย่างนั้นก็ได้สติขึ้นทันทีทันใด เขาจึงรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ใช่ ต้องชันสูตร ฉันก็ไม่เชื่อว่าเขาจะป่วยตาย อย่างไรก็ตาม เราต้องรู้สาเหตุที่แท้จริงของการตายของพ่อ ”

เขายังร้องขออย่างหนัก

ไม่มีทางเลือก ญาติของทหารต่างก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น และในที่สุด หลังจากขอคำแนะนำจากผู้บังคับบัญชา พวกเขาก็ตกลงที่จะชันสูตรศพของ วุฒิพล

ผลที่ได้คือสิ่งที่ไม่มีใครคิดก็คือ เมื่อ วุฒิพลนอนอยู่บนโต๊ะชันสูตรศพ เมื่อผ่าศพถออก พวกเขาพบว่าอวัยวะภายในช่องท้องของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำจริงๆ

สีนั้นเปรียบเสมือนสีม่วงคล้ำที่ปรากฏบนร่างกายมนุษย์หลังจากที่ถูกรัดคอจนขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน

ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?

แผนกนิติวิทยาศาสตร์ต่างก็ตกตะลึงอึ้งกันหมด

และเมื่อจูเน่เห็นศพ เธอก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง “ฉันบอกแล้วว่า พ่อฉันไม่ได้ป่วยตาย เขาถูกฆ่าตาย แสนรักไอ้สารเลว ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่! !”

เธอกรีดร้องจนสุดกำลัง ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ

เมื่อไชยันต์ที่อยู่ในไวท์ พาเลซได้ยินข่าวนี้ ก็ช้าเกินไปแล้ว กรมทหารทั้งหมดรู้เรื่องนี้แล้วและเกิดความโกลาหลขึ้นมากมาย

“ได้ยินมาว่าคุณชายเล็กที่ตระกูลเทวเทพเพิ่งพาเข้าบ้านเป็นคนฆ่าพันโทม็อกกี้?”

“จริงด้วย ฉันก็เพิ่งได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน ไม่น่าเชื่อเลย เขาฆ่าได้ยังไง พันโทม็อกกี้อยู่ในที่ห้องคุมขังไม่ใช่เหรอ? แล้วเขาจะวิ่งมาฆ่าถึงที่นี่ได้ยังไง”

“ฉันก็ยังคิดไม่ออก”

“อาจเป็นเพราะเขาแอบเข้ามา ฉันได้ยินมาว่าเขาเก่งกาจมาก ในอดีตเขาก็เป็นคนฆ่า ม็อกกาและ ม็อกกี้รวมทั้ง จูเน่ด้วย เขาถูกส่งตัวไปที่ศาลทหารและถูกจับกุมและถูกตัดสินประหารชีวิต”

“จริงเหรอ?”

ประโยคสุดท้ายนี่ช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ

ในเวลาเพียงไม่กี่นาที แสนรักก็กลายเป็นปีศาจในกองบัญชาการทหารแห่งนี้

สำหรับตระกูลเทวเทพ สีหน้าหน้าก็จากหายไป

ไชยันต์เข้ามาด้วยความโกรธและเห็นกองบัญชาการทหารที่รกร้างกระจัดกระจาย เช่นเดียวกับศพวุฒิพลที่นอนอยู่ที่นั่น ซึ่งยังไม่ได้เย็บเลย เขาโกรธมากจนร่างกายของเขาสั่นสะท้าน