บทที่ 699 ต้องฆ่าไอ้สารเลวคนนั้นให้ได้

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 699 ต้องฆ่าไอ้สารเลวคนนั้นให้ได้
เมื่อไชยันต์ตื่นขึ้น แสนรักก็เกือบจะเป็นอัมพาตจากการฝึกฝนอยู่สนามหญ้าหลังห้องแล้ว

แม้เขาจะเป็นผู้ชาย และมีพื้นฐานการต่อสู้อยู่บาง

แต่ความสามารถของเขาเทียบไม่ได้กับทหารระดับสูงเหล่านี้ที่ออกกำลังกายอย่างหนักตลอดทั้งปี เขาเป็นนักธุรกิจ เรื่องที่เขาต้องทำทุกวันคือนั่งทำงานของบริษัทในออฟฟิศ

คนแบบนี้จะไปสู้กับปีศาจพวกนั้นได้อย่างไร?

แสนรักนอนอยู่กับพื้น ร่างกายของเขาเหมือนถูกลากออกมาจากน้ำจะเป็นหรือตายก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนเลย

“ลุกขึ้นมา ยังเหลืออีกสิบรอบ”เมื่อผู้บังคับการเห็นก็ตะโกนให้เขาอย่างนั้น

“ถ้าท่านเก่งจริงก็ฆ่าข้าฉันสิ”แสนรักพูดอย่างไม่มีความยำเกรงหวาดกลัวนอนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ

ผู้บังคับการ:“……”

ในขณะนั้นไชยันต์ก็เข้ามาพอดี

“วิ่งไปกี่รอบแล้ว?”

“ยี่สิบรอบ”

“ก่อนหน้านี้หล่ะ?”

“วิดพื้นห้าสิบครั้ง แพลงกิ้งสามสิบนาที และท่าสก็อตจั๊มพ์สิบห้าชุด” ผู้บังคับการรายงานการบันทึกให้กับคุณท่าน

จริงๆแล้วผลการบันทึกนี้ถือว่าพอใช้ได้สำหรับคนทั่วไป

ครั้งแรกที่ได้เจอคุณชายเล็ก เขาคิดว่าคนนี้เป็นคนอ่อนแอ เพราะเขามีบุคลิกที่อ่อนโยน ผิวพรรณขาวใส คิดไม่ถึงว่าหลังจากได้ฝึกฝนแล้วก็สามารถทำทุกอย่างได้สำเร็จ ยกเว้นวิ่ง30รอบลำดับสุดท้าย

ไชยันต์ก็พออกพอใจเป็นอย่างมาก

เมื่อเขาโบกมือปล่อยทีมคนอื่นๆออกไป แล้วก็เดินเข้ามาหาแสนรัก

“ผู้ชายอกสามศอก ฝึกออกกำลังกายแค่นี้ก็ยังทำไม่ได้ ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตผ่านมาได้ไง? ธนากรไม่เคยสอนหนังสือขั้นพื้นฐานให้แกเลยเหรอ?”

“ท่านไม่มีสิทธิ์พูดถึงพ่อของผม!”

แสนรักรีบลุงขึ้นมานั่ง!

ราวกับว่าเขาถูกอะไรบางอย่างต่อยอย่างรวดเร็ว หลังจากตอบโต้ไปอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่คุณท่านแววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความชั่วร้าย

เมื่อไชยันต์ถูกด่า สีหน้าของเขาแทบจะทนไม่ไหวและเส้นเลือดปูดด้วยความโกรธ

แต่สุดท้ายเขาก็อดทนอดกลั้นได้ในที่สุด

“พอได้แล้ว ฝึกเสร็จตั้งนานแล้วไปกินข้าวซะ หลังจากกินข้าวเสร็จยังมีงานต้องทำอีก” แล้วเขาก็เดินจากไป

ลมยามเช้าบนยอดเขานั้นเย็นเป็นพิเศษ พัดผ่านชั้นไม้ และในแสงอาทิตย์สีทองยามเช้าที่ค่อย ๆ ขึ้นก็จนส่องมาถึงตัวของคุณท่านและท่านดึงเสื้อเชิ้ตที่อ่อนนุ่มของเขาขึ้น มองออกไปคล้ายกับดินแดนสวรรค์

เกรงว่าจะมีปัญหากับดวงตา!

คนที่มีเส้นเลือดเต็มทั่วฝ่ามือยังคงเป็นอมตะ

แสนรักลุกขึ้นและเดินตามด้วยความมืดมน

ข่าวแสนรักที่อยู่บนเขาได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

ก่อนรุ่งสางคนในตระกูลเทวเทพก็ได้รับข่าวและรู้แล้วว่าคนบ้าคนนั้นถูกพาไปบนเขา และเช้าของวันที่สองก็ถูกคุณท่านของตระกูลเทวเทพกระทำอย่างน่าเวทนา

จนถึงขั้นเกือบจะพิการได้เลย

“ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราก็วางใจได้แล้วหล่ะสิ?”

หลังจากตระกูลเทวเทพลูกสี่ก็คือน้องสี่ของวุฒิพลได้ยินก็ตบหน้าอกเบาๆอย่างโล่งใจต่อหน้าทุกคน

เขาเป็นลูกคนสุดท้อง เนื่องจากไม่เกิดเรื่องขึ้นในบ้านมาระยะหนึ่งแล้ว เขาจึงผ่อนคลายกังวลได้อย่างปกติ

แต่ไม่คิดว่าเขาพูดยังไม่ทันขาดคำก็มีคนตะโกนขึ้นมาทันทีว่า:“โล่งอกอะไรกัน? ไอ้เด็กบ้าคนนั้นฆ่าตระกูลสวนแมกโนเลียของพวกเราไปแล้ว พวกเธอยังนิ่งดูดายได้อีกเหรอ ห๊ะ?”

หลังจากที่เขาพูดได้สองสามคำ น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา

แท้จริงแล้ว คนนี้คือแม่ของจูเน่ นายหญิงของสวนแมกโนเลีย

เมื่อตระกูลเทวเทพเห็นหล่อนร้องห่มร้องไห้ก็รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาทันที โดยเฉพาะอุบัติเหตุเรื่องนั้นที่ตระกูลของทรงกลดได้สูญเสียลูกชาย และภรรยาของเขาก็รู้สึกขุ่นเคืองกับหล่อนไปด้วย

“ใช่ ไอ้เหี้ยแบบนี้ พวเราทำไมต้องปล่างวาง? หรือว่าพวกเราต้องฆ่าเขาเลยเหรอ? ต้องฆ่าให้ตายเท่านั้นถึงจะขจัดหายนะในภายภาคหน้าได้”

“จริงสิ ต้องฆ่าเท่านั้น!”

“ฉันเห็นด้วย ถึงแม้คุณท่านจะดูเขาอยู่บนเขา แต่ใครจะรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ลงมาอาละวาดอีกหล่ะ? เพื่อไม่ให้เกิดเหตุที่คาดไม่ถึง ฉันเห็นด้วยที่จะฆ่าเขา”

“……”

ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที สมาชิกในตระกูลเทวเทพที่ยากจะรวมตัวกันและมีความคิดเหมือนกัน แต่ทุกคนกลับคิดเห็นเหมือนกันว่าให้ฆ่าแสนรัก

เพื่อขจัดหายนะในภายภาคหน้า!

ทรงกลดที่นั่งอยู่ที่นั่นโดยไม่ออกความคิดเห็นใด ในที่สุดก็ขยับตาของเขา

ลำดับสายเลือดของพวกเขา เมื่อวุฒิพลถูกขังและยังไม่กลับมาจะเหลือเพียงคนเดียวที่สามารถดูแลได้คือลูกรองของเขาลูกสามเป็นลูกสาวของหญิงที่แต่งงานแล้ว และลูกสี่ก็เป็นคนขี้ขลาด

ถัดมาก็เหลือแค่เขาและก็คงต้องเชื่อฟังเขาอย่างเดียว

“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนตกลงที่จะฆ่าเขาเหมือนกัน งั้นพวกเรามาวางแผนกันดีๆ แล้วดูว่าจะฆ่าด้วยวิธีไหนดี?”

“ได้เลย น้องสองตอนนี้พี่ชายคนโตของนายไม่อยู่บ้าน หลานสาวของนายก็ไม่รู้ว่าจะออกมาได้ไหม พวกเราตระกูลเทวเทพฝากความหวังไว้ได้แค่ที่นายคนเดียวแล้ว”

เมื่อภรรยาของวุฒิพลได้ยินอย่างนั้น เธอรีบพยักหน้าเห็นด้วยทันทีราวกับฝากชีวิตไว้อย่างไงอย่างนั้น

แล้วคนอื่นก็พยักหน้าเห็นด้วยกันทั้งหมด

ทรงกลดเม้มปากแล้วพูดแผนร้ายที่เขาคิดไว้นานแล้วออกมา: “พวกเราจะลงมือวันที่16 ช่วงเวลาที่คุณท่านจะไปไวท์ พาเลซ”

“ใช่แล้ว วันนั้นคุณท่านไม่อยู่”

ทันทีที่เขาพูดขึ้นมา แววตาของทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็เปล่งประกาย