“เสวี่ยอิงเขา…” ประมุขรัฐเมฆทักษิณามองเห็นฉากนี้อยู่ลิบๆ ผ่านการส่งถ่ายทลายโลกา สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างมิอาจควบคุมได้ เขาส่ายหน้าเล็กน้อย
เขาไม่อยากเห็นฉากนี้เลยจริงๆ!
แม้จะรำคาญใจอยู่ลึกๆ ถึงขั้นหวังว่าราชันย์อนธการอมตะจะตายตกไป แต่ถึงอย่างไรเขาก็เคยลั่นสัตย์สาบานเอาไว้ จึงกลายเป็นศิษย์ของราชันย์อนธการอมตะ
อีกฝั่งหนึ่ง ก็คือศิษย์ที่เขามีความสัมพันธ์อันดียิ่งอย่างแท้จริง เขาไม่อยากให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นปฏิปักษ์กับราชันย์อนธการอมตะผู้น่าหวาดหวั่นนี่เลยจริงๆ!
“เสวี่ยอิงเก็บงำกลิ่นอาย กระบวนท่าการต่อสู้ที่เขาเชี่ยวชาญก็ไม่เคยสำแดงโดยใช้สถานะ ‘จ้าวหิมะเหิน’ มาก่อน ความคงไม่แตกหรอกกระมัง” จอมกระบี่ที่ใส่ใจเป็นอย่างยิ่งเช่นกันก็มองดูอยู่ห่างๆ “กลัวก็แต่ว่าราชันย์อนธการอมตะผู้นี้…จะมีวิธีการใดที่ยังไม่รู้อีกบ้าง”
สิ่งที่ไม่รู้ จึงจะน่ากลัวที่สุด
ราชันย์อนธการอมตะโยนศพของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นร่างหนึ่งออกมา ทำให้บรรดาผู้แกร่งกล้าระดับยอดสุดของทั้งดินแดนจิตโลกาหวาดหวั่นพรั่นพรึงไปหมด
“ไม่ว่าอย่างไร ครั้งนี้คนวิถีจิตฟ้ากล้าปรากฏกาย ข้าก็นับถือเขา เยี่ยมยอดนัก” เมื่อพวกจักรพรรดิเซี่ยถอยไป ผู้แกร่งกล้าทั้งหลายสัมผัสได้ถึงความอดสูใจแต่ก็ไร้กำลัง บัดนี้ ‘คนวิถีจิตฟ้า’ ปรากฏกาย แม้พวกเขาจะไม่มั่นใจในคนวิถีจิตฟ้าสักเท่าใดนัก แต่ในเมื่อกล้าปรากฏกาย พวกเขาก็นับถือในความกล้าหาญของคนวิถีจิตฟ้าแล้ว
……
ไม่ต้องสนใจว่าโลกภายนอกจะคิดอย่างไร
ตงป๋อเสวี่ยอิงยอมออกมา ก็เพื่อสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านั้น
ตู้ม เพียงชั่วความคิดเดียวก็ควบคุมอากาศให้ควบคุมวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้ เขาใช้การกระทำแสดงจุดยืนของตนเอง จากนั้นจึงเอ่ยปากพูดว่า “ราชันย์อนธการ…”
เพิ่งจะปริปากไป!
“บังอาจนัก เจ้าคู่ควรมาสอดมือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของข้าด้วยหรือ” เสียงของราชันย์อนธการอมตะสะท้อนก้องไปทั่วฟ้าดิน มือหนึ่งกลับปกคลุมเข้ามา ฝ่ามือนั้นประหนึ่งความดำมืดอันไร้ที่สิ้นสุด เพียงมือเดียวก็ยังใหญ่โตกว่าทั้งจักรวาลมากนัก ความดำมืดอันไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมมาทางตงป๋อเสวี่ยอิง แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับถอยไปทันที
ฟิ้ว
ขณะเดียวกับที่ถอยไปนั้น รอบด้านกลับมีน้ำวนอากาศอันบิดเบี้ยวปรากฏขึ้น ที่ปลายสุดของน้ำวนเป็นทางเชื่อมอันดำมืด
“สวบ”
อานุภาพของฝ่ามือหนึ่งของราชันย์อนธการอมตะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง น้ำวนอากาศกำลังสลายไป ร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงประสบกับการรุกรานอันดำมืดนั้นก็ฝืนทะลุผ่านทางเชื่อมอันดำมืดไป แล้วหลบไปไกลกว่าสิบล้านลี้
เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏกายห่างออกไปสิบล้านลี้ บนร่างก็เต็มไปด้วยโลหิตสดๆ ร่างกายกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
“กายหยาบของเขานี่เทียบได้กับขั้นสุดยอดด้านฝึกกายคนหนึ่งเลยทีเดียว ร้ายกาจๆ ถึงด้านพลังชีวิตจะอ่อนแอกว่าขุมใหญ่ แต่วิธีการป้องกันก็เหมือนจะร้ายกาจยิ่งกว่า” ราชันย์อนธการอมตะเอ่ยปากขึ้น “สามารถรับกระบวนท่าหนึ่งของข้าได้โดยไม่ตาย ก็มีคุณสมบัติพอจะเอ่ยวาจาได้ มีอะไรอยากพูดก็พูดมาให้เต็มที่เถิด”
ราชันย์อนธการอมตะจ้องมองคนวิถีจิตฟ้าตรงหน้าเขม็ง
นี่เป็นเพียงร่างแยกร่างหนึ่งเท่านั้น ก็ยังมิอาจฆ่าให้ตายได้! แม้จะกล่าวว่าเขามิได้ทุ่มสุดกำลัง แต่คนวิถีจิตฟ้าก็มีร่างแยกตั้งหลายร่าง!
“ราชันย์อนธการ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย “ท่านเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนเช่นนี้ ไม่กลัวหยวนจะลงโทษเอาหรอกหรือ ท่านบอกว่าท่านเข้าใจนิสัยของหยวนดี แต่เวลาล่วงเลยไป…ความคิดของหยวนเกี่ยวกับเรื่องจะจัดการโลกกำเนิดอย่างไรอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ได้ เท่าที่ข้ารู้ ‘เจ้าเมืองหลัว’ คงจะเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่แข็งแกร่งมากท่านหนึ่ง เขาเวทนาผู้ที่อ่อนแอมากยิ่งกว่า ภายใต้ผลกระทบจากเจ้าเมืองหลัว เกรงว่าความคิดของหยวนคงจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย”
ราชันย์อนธการอมตะสีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย
เป็นไปได้จริงๆ เสียด้วย!
เขารู้อะไรมากกว่า เจ้าเมืองหลัว สิ่งมีชีวิตที่ ‘ใช้พลังทำลายกฎ’ จนสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นผู้นั้น ค่อนข้างปกป้องผู้ที่อ่อนแออย่างแท้จริง เขาเมตตามากกว่า ‘หยวน’ อยู่บ้าง
“ท่านเข่นฆ่าเช่นนี้ เมื่อหยวนลงโทษ ท่านจะสามารถทนรับได้หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“เฮอะๆ หยวนมีสถานะเช่นใดกัน ความคิดของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปง่ายๆ ได้อย่างไร” ราชันย์อนธการอมตะพูดเสียงเย็นชา เขาไร้ทางเลือก! หากไม่หลอมแปรผู้ท่องมรณะออกมา เขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาเขี้ยวหักได้เลย
“นอกจากหยวนอาจจะลงโทษแล้ว ข้า คนวิถีจิตฟ้าก็จะพยายามขัดขวางการเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนของท่านด้วย” นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงมีแววหนาวเหน็บกะพริบวาบขึ้นมา
“เจ้ากล้ารึ!” ราชันย์อนธการอมตะโมโหใหญ่
“แน่นอนว่าข้าต้องกล้าอยู่แล้ว! ราชันย์อนธการมีพลังแข็งแกร่ง ข้าทำอะไรท่านมิได้หรอก แต่ว่าค่ายกลของเจ้าในครั้งนี้ปกคลุมไปถึงสิบเก้ารัฐ! ค่ายกลอันใหญ่โตเช่นนี้ ราชันย์อนธการคงต้องทุ่มเทความคิดจิตใจไปมากมายจึงจะหลอมแปรขึ้นมาได้สำเร็จกระมัง ข้าเลือกที่แห่งหนึ่งตามอำเภอใจ แล้วทำลายจุดสำคัญของค่ายกลสักแห่งก็ใช้ได้แล้ว ด้วยผลสำเร็จทางด้านอากาศของข้า ร่างแยกของข้ามีมากมาย…หากใช้ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกากระจายตัวกันไปทั่วทุกหนทุกแห่งแล้วทำลายตามอำเภอใจ ท่านจะสามารถขัดขวางได้สักกี่แห่งกัน”
ราชันย์อนธการอมตะฟังแล้วสีหน้าก็ไม่น่ามองสักเท่าใดนัก
หากร่างแยกนับร้อยร่างแยกกันลอบโจมตีทั่วทุกหนแห่ง ราชันย์อนธการอมตะนั้นไม่เข้าใจศาสตร์ร่างแยก! เขาทำได้เพียงขัดขวางแค่แห่งหรือสองแห่งเท่านั้น
ด้วยพลังของคนวิถีจิตฟ้าผู้นี้ การทำลายค่ายกลก็เป็นเรื่องง่ายมาก
“หากเจ้ากล้าทำเช่นนี้”
ราชันย์อนธการอมตะพูดเสียงต่ำว่า “ข้าก็จะเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน เจ้าขัดขวางข้ามิได้หรอก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับส่ายหน้า “ถึงข้าไม่ขัดขวางท่าน ท่านก็เข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งสิบห้ารัฐอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดข้าจึงยังต้องถอยอีกเล่า”
ขอเพียงขัดขวางและทำลายล้าง
ต่อให้ราชันย์อนธการอมตะระบายโทสะออกมา เชื่อว่าการเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตก็คงไม่เกินกว่าจำนวนสิ่งมีชีวิตทั้งสิบห้ารัฐ เพราะหากมากกว่านี้ ‘หยวน’ ก็อาจจะมาลงโทษแล้ว
ราชันย์อนธการอมตะถึงขั้นไม่กล้าระบายโทสะเช่นนี้ เนื่องจากเมื่อเขาระบายโทสะออกไปตามอำเภอใจครั้งหนึ่ง ในภายหน้าหากคิดจะ ‘บูชา’ เนื่องจากเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตเพื่อระบายโทสะมากเกินไป เขาก็มิอาจบูชาขนานใหญ่อย่างแท้จริงได้
“เจ้า…เจ้า…”
นัยน์ตาทั้งสองของราชันย์อนธการอมตะมีแววอาฆาตเดือดพล่าน
จักรพรรดิเซี่ยและคนอื่นๆ ต่างก็ถอยกันไปหมดแล้ว แต่คนวิถีจิตฟ้าผู้นี้ยังคงไม่ล่าถอย
ถึงตนจะเอาสรรพชีวิตมาขู่ คนวิถีจิตฟ้าก็ยังไม่สนใจอยู่ดี
“จักรพรรดิเซี่ย เจ้าเมืองอนันต์ พวกท่านรัฐโบราณคิมหันตวายุและรัฐโบราณสหโลกาจะไม่ขัดขวางเขากันสักคนเลยหรือ จะปล่อยให้เขาทำลายการใหญ่ของข้าหรือ” ราชันย์อนธการอมตะถ่ายเสียงพูด
“รัฐโบราณสหโลกาของข้าไม่มียอดฝีมือพรรค์นี้”
“รัฐโบราณคิมหันตวายุของข้าก็ไม่มียอดฝีมือระดับนี้เช่นกัน”
แต่ละคนพากันถ่ายเสียงตอบ
เห็นได้ชัดว่ารัฐโบราณต่างๆ เช่นรัฐโบราณคิมหันตวายุและรัฐโบราณสหโลกาล้วนดูอยู่ข้างๆ โดยไม่สอดมือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้แต่บรรพชนราตรีนิรันดร์และบรรพชนนิจรัตติกาลแห่ง ‘รัฐโบราณบรรพชน’ ก็พากันชมดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ พวกเขาไม่ชอบคนวิถีจิตฟ้า และไม่ชอบ ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ผู้นี้เช่นกัน! ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งตัวตนเป็นปริศนา ไร้เรื่องที่ต้องห่วงพะวง เป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอด ส่วนอีกคนก็ไร้เรื่องห่วงพะวงเช่นกัน แต่กลับเป็นผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งของดินแดนจิตโลกาในตอนนี้
ราชันย์อนธการอมตะลอบหงุดหงิดใจ
เขาก็มิอาจใช้อานุภาพกดดันอีกฝ่ายได้
มิเช่นนั้นแล้วสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูทั้งหลายร่วมมือกัน ราชันย์อนธการอมตะก็ยุ่งยากใหญ่แล้ว
“ดีมาก”
“คนวิถีจิตฟ้า เจ้านี่ช่างบังอาจดีจริงๆ ยอมออกมาเพื่อมดปลวกจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านี้ เพียงคนเดียวก็สามารถบีบมารร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาได้แล้ว” ราชันย์อนธการอมตะยิ้มหยัน “มิใช่เพราะว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าหรือไร น่าเสียดายที่ข้ารู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าเข้าเสียแล้ว!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสีหน้าเปลี่ยนแปรไปเสียแล้ว
รู้จักตัวตนของตนอย่างนั้นหรือ
ราชันย์อนธการอมตะน่ะหรือ จริงหรือหลอกกันแน่
“อะไรนะ”
“เขารู้จักตัวตนของคนวิถีจิตฟ้าอย่างนั้นหรือ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน”
“ที่แท้แล้วคนวิถีจิตฟ้าคือใครกัน ที่แท้แล้วคือใครกัน รีบพูดมาเร็วเข้า พูดออกมา” บรรดาผู้แกร่งกล้าระดับยอดทั้งหลายทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาที่จับตามองที่นี่อยู่พากันกังวลใจเป็นอันมาก บ้างก็ตกตะลึง บ้างก็โห่ร้องด้วยความตื่นเต้น บรรดามารร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนนั้น รอคอยวันนี้มาตั้งนานแล้ว! รอคอยวันที่จะตรวจสอบจนพบตัวตนที่แท้จริงของคนวิถีจิตฟ้า!
เพียงแต่พวกเขาก็ทำไม่ได้ ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ในตำนานผู้นี้ถึงกับเอ่ยวาจานี้ออกมา กล้าพูดเช่นนี้ จะต้องมั่นใจอย่างแน่นอน
ราชันย์อนธการอมตะมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง มุมปากมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา “ทำไม ไม่เชื่อรึ”
วิ้ง
ราชันย์อนธการอมตะขบกรามกรอด
หัวใจของเขาเป็นสีทองอย่างน่าประหลาด ราวกับโลหะอย่างไรอย่างนั้น ยามนี้โลหิตสีทองหยดหนึ่งกำลังแผดเผา นัยน์ตาทั้งคู่ของราชันย์อนธการอมตะฉายแสงสีทองออกมา นัยน์ตาสีทองทั้งคู่ราวกับมองทะลุอดีตและอนาคต ประหนึ่งมองทะลุปรุโปร่งทุกสิ่ง และมองเห็นคนวิถีจิตฟ้าตรงหน้าผู้นั้น คนวิถีจิตฟ้าเก็บงำกลิ่นอายวิญญาณจนหมด ยามนี้กลับถูก ‘ดวงตาสีทองอันแปลกประหลาด’ คู่นี้มองเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง การปลอมแปลงนั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง!
ราชันย์อนธการอมตะตอกตะลึงไปบ้าง จากนั้นก็มองตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มๆ แล้วถ่ายเสียงพูดว่า “รัฐเมฆทักษิณา อิงซานเสวี่ยอิงใช่ไหม ที่ข้าพูดถูกต้องหรือไม่”
เขาถ่ายเสียงพูด เห็นได้ชัดว่าไม่อยากฉีกหน้า
สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงเปลี่ยนแปรไป
ถูกพบเข้าแล้ว
ถูกพบเข้าแล้วจริงๆ
“จะว่าไปแล้ว เจ้าก็มีศักดิ์เป็นศิษย์หลานของข้าอีกต่างหาก” ราชันย์อนธการอมตะถ่ายเสียงพูด “ศิษย์หลานคนดี รีบจากไปโดยเร็วเถิด อย่าทำให้งานใหญ่ของข้าเสียหายเลย แล้วครั้งนี้ข้าก็จะละเว้นเจ้า มิเช่นนั้นแล้ว อย่าได้โทษว่าข้าแล้งน้ำใจก็แล้วกัน”
………………………………