GGS:บทที่ 1041 สะเทือนเลือนลั่น
ในขณะที่กลิ่นหอมของบุหรี่ของซูจิ้งได้ตราตรึงใจใครหลายๆคน หลายๆคนเองก็เริ่มจะรับรู้แล้วว่าบุหรี่ของซูจิ้ง ไม่เพียงสูบแล้วสดชื่นขึ้น บุหรี่ของซูจิ้งยังดูเหมือนว่าไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายจริงๆ
นั่นก็เพราะว่าใครก็ตามที่ไอทั้งเวลาสูบและได้กลิ่นจากควันของคนที่สูบต่างก็ไม่รู้สึกอะไรเลย กลับสดชื่นซะด้วยซ้ำ
นี่ทำให้เหล่านักวิจัยทั้งหลายต่างก็ต้องนำไปทดสอบ ผลก็คือไม่มีสารพิษๆใดๆเลยแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้บุหรี่ของซูจิ้งเป็นที่พูดถึงมากขึ้นไปอีก
หลายๆคนเองที่กังวลผลเสียจากควันบุหรี่ที่มีต่อคนใกล้ตัวแล้วอยากจะเลิกแต่ไม่สามารถเพราะสำหรับคนเหล่านี้การเลิกบุหรี่ไม่ต่างจากการตายทั้งเป็นนั้น
พวกเขานั้นต่างก็สรรเสริญซูจิ้งอย่างที่สุดในทันทีที่รู้เรื่องนี้ แถมบุหรี่ของซูจิ้งยังรสชาติดีที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยสูบมานี่อีก นี่ทำให้คนที่อยากเลิกแต่ยากจะทำได้หันมาสูบบุหรี่ของซูจิ้งอย่างไม่ต้องเลือกมากอีกต่อไป
เหตุผลที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ คำอดรนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
เอาจริงๆคือต่อให้ไม่มีเรื่องของสุขภาพมาเกี่ยวข้อง แต่พวกเขานั้นส่วนใหญ่แล้วติดบุหรี่จนบุหรี่ทั่วไปไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้อีกแล้ว
หากแม้ว่าบุหรี่ของซูจิ้งดีต่อสุขภาพก็จริงแต่รสชาติไม่ได้เรื่องแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่สนใจแม้แต่น้อย แต่การที่มันไม่มีผลเสียต่อสุขภาพนี้กลายเป็นสิ่งหนุนนำเท่านั้นเอง
มันก็เหมือนกับการได้กลิ่นอาหารที่หอมเย้ายวนแน่นอนว่าเมื่อได้ลิ้มรสย่อมยากจะอดใจไหว
บนโลกอินเตอร์เน็ตเองก็ต่างโฆษณาแทนซูจิ้งไปโดยปริยายเรียบร้อยแล้ว
“เพื่อสุขภาพที่ดี ฉันจะไม่สูบบุหรี่ทั่วไปอีกแล้ว ฉันจะสูบแต่บุหรี่ของซูจิ้งเท่านั้น”
“ถ้าบุหรี่ของซูจิ้งออกมาก่อนหน้านี้ล่ะก็ ฉันคงไม่เป็นปอดอักเสบอย่างแน่นอน”
“การได้สูบบุหรี่ของซูจิ้งถือว่าเป็นกำลังชีวิตอย่างแท้จริง”
“แต่ที่เสียไปหน่อยก็เรื่องราคาซองละห้าสิบหยวนนี่แหล่ะ”
“ฉันว่ามันก็เหมาะสมกับราคานะ บุหรี่ที่รสชาติดีและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วยแบบนี้ แพงอีกนิดยังว่าคุ้มเลย”
“ฉันได้ยินมาว่ารุ่นที่แพงกว่านี้จะรสชาติดีกว่านี้อีกนะ เสียดายมันแพงจนฉันเอื้อมไม่ถึงจริงๆ”
“ก่อนหน้านี้ฉันไม่คิดจะสูบบุหรี่เพราะว่ามันเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่หลังจากรู้ว่าบุหรี่ของซูจิ้งนอกจากจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและยังทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้น
แถมฉันเองยังได้กลิ่นบุหรี่มันอยากจะอดใจจริงๆ ฉันเองก็จะลองดูด้วยเหมือนกัน”
เรื่องราวบุหรี่ของซูจิ้งนี้ยังเป็นที่พูดถึงกันในหมู่เพื่อนฝูงอีกด้วย โดยตอนนี้บุหรี่นี้ได้มีสโลแกนที่ชาวบ้านตั้งกันเองว่า “บุหรี่ที่มอบเป็นของขวัญได้”
นั่นก็เพราะหากเป็นบุหรี่ทั่วไปแล้ว การมอบบุหรี่ให้ไม่ต่างอะไรจากการสาบส่งให้ตายไปซะให้พ้นๆนั่นเอง
หลังจากฮัวหยุนชูและฟูฮงซิ่วได้รู้สถานการณ์ของบุหรี่ซูจิ้งก็ทำให้ทั้งคู่ต่างก็พูดอะไรกันไม่ออก นั่นก็เพราะนับวันบุหรี่ของซูจิ้งยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น
หากว่าคิดเรื่องที่ว่าเขาจะได้ส่วนแบ่งผลกำไร10%แล้วบอกได้เลยว่าซูจิ้งได้เงินเยอะแบบที่ไม่ต้องนับเลยทีเดียว
ถึงแม้ครอบครัวของทั้งสองจะเป็นที่รวยที่สุดติดอันดับโลกก็ตาม แต่หากไม่นับตระกูลล่ะก็ ทั้งสองก็ไม่ได้ต่างจากขยะไร้ค่าแต่อย่างใด
ในครั้งนี้ทั้งคู่เองก็ไม่คิดจะขโมยเมล็ดพันธุ์หรือแม้แต่สร้างปัญหาก่อกวนซูจิ้งแม้แต่น้อย
เหตุผลหลักๆก็คือรัฐบาลนั้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธุรกิจยาสูบ แถมยังมีนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมอะไรก็ตามที่ดีต่อสุขภาพประชาชน หากครั้งนี้พวกเขากล้าทำอะไรก็ไม่ต่างจากการหาที่ตาย
ไม่เพียงแต่ธุรกิจยาสูบนี้ สินค้าต่างๆของซูจิ้งที่เคยออกมาก่อนหน้านี้นั้นก็ไม่มีอะไรที่ไม่ได้รับความนิยมเลยแม้แต่น้อย
ทั้งอวัยวะเทียม ระบบปัญญาประดิษฐ์ มือถือกาลเวลา เครื่องตัดเลเซอร์ ระบบ5จี รถกาลเวลา ข้าวสีน้ำเงิน และของอย่างอื่นอีก
เรียกได้ว่าไม่มีสิ่งใดเลยที่เป็นจุดอ่อนของกลุ่มทุนกาลเวลา ถ้าจะให้บอกคือเหนือล้ำกว่าแผงพลังงานแสงอาทิตย์ไปไกลมาก
ด้วยเหตุนี้ทำให้เงินได้ของซูจิ้งนั้นสูงจนทะลุกราฟไปแล้ว เฉิงหนานที่คอยช่วยซูจิ้งเรื่องการตลาดนั้นไม่สามารถจะหาวิธีแสดงยอดผลกำไรที่กลุ่มทุนห้วงเวลาได้รับอีกต่อไป
นั่นก็เพราะต่อให้ไม่ต้องแสดงผลกำไรของกลุ่มทุนห้วงเวลาเลย แม้แต่เงินที่ซูจิ้งได้รับแต่ละเดือน ในตอนนี้ก็สูงเกินกว่าห้าหมื่นล้านหยวนเข้าไปแล้ว หากว่านี่คิดว่าบ้าเกินไปล่ะก็ยังถือได้ว่าน้อยไป
นั่นก็เพราะอัตราการเติบโตยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขนาดที่ว่าแม้แต่คนที่รวยที่สุดในโลกอย่างบิลเกตก็ยังเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายก้อย
แต่เมื่อเธอได้เห็นว่าซูจิ้งนำเงินที่ได้มาเกือบทั้งหมดทุ่มลงไปกับสถาบันวิจัยของเขาอีกครั้งที่ทำให้เฉิงหนานถึงกับพูดไม่ออก
การกระทำของซูจิ้งนั้นไม่ได้ต่างจากหาเงินมาเผาเล่นแม้แต่น้อย นี่ทำให้เธอไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
“ในช่วงหนึ่งถึงสองเดือนมานี้ฉันสามารถผลิตปฏิสสารได้มากกว่าเดิมสามเท่า ค่าพลังงานของสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาในตอนนี้ จาก 21600 เป็น 57600 หน่วย และนั่นเท่ากับเงินหนึ่งแสนล้านหยวน ส่วนค่าการใช้ประโยชน์ในตอนนี้ยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนในตอนนี้จาก 65000 เป็น 102000 หน่วย” ซูจิ้งที่อยู่ในสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯได้มองค่าพลังงานและค่าการใช้ประโยชน์อย่างภูมิใจราวกับทำอะไรบางอย่างได้สำเร็จ
ในตอนนี้เรียกได้ว่าทุกอย่างก้าวของเขานั้นทำให้ค่าทั้งสองเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเงินได้ของเขาที่พุ่งขึ้นชนิดที่หยุดยังไงก็หยุดไม่อยู่
นี่ส่งผลให้ค่าการใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้นตามไปด้วยอย่างรวดเร็ว หรือจะให้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือต่อให้นับจากนี้เขาไม่ทำอะไร ค่าพลังงานและค่าการใช้ประโยชน์ก็ยังหลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ช้าก็เร็วมันจะขึ้นไปเหยียบที่หนึ่งล้านหน่วยตามที่เขาหวังไว้
อย่างไรก็ตาม ค่าพลังงานและค่าการใช้ประโยชน์ในตอนนี้สำหรับเขาแล้วยังไม่ถือว่าน่าพอใจแต่อย่างใด
นั่นก็เพราะเขานั้นอยากจะให้สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้ยกระดับให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เพราะไม่แน่ว่าในช่วงระหว่างที่กำลังรอให้ค่าทั้งสองได้ตามที่ต้องการอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น หากเป็นอย่างนั้นจริงเขาต้องเสียใจแน่ๆหากมัวแต่นั่งรอให้ถึงฝั่งฝันโดยไม่ได้ทำอะไรเลย
“ตอนนี้ค่าพลังงานและค่าการใช้ประโยชน์มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างแต่เนื่อง แถมธุรกิจของฉันก็ยังพัฒนาได้เป็นไปได้ด้วยดี
แต่ยังไงซะอีกไม่นานสมดุลในตอนนี้ก็จะถึงจุดอิ่มตัว ถึงจะบอกว่าถึงย่างก้าวคือการพัฒนาที่รวดเร็ว แม้เงินที่ฉันได้มาจะเพิ่มจากเดิมสองเท่า แถมอัตราการใช้ประโยชน์ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็ตาม
อืม….หากว่าฉันเข้าใจวิธีการคำนวณค่าการใช้ประโยชน์ไม่ผิดล่ะก็ หากว่าฉันเพิ่มชื่อเสียงให้ขยะที่เก็บได้เหล่านั้นย่อมส่งผลที่ดีต่อทั้งโลก และนั่นจะทำให้ค่าการใช้ประโยชน์เพิ่มเร็วยิ่งขึ้น
ยิ่งชื่อเสียงแผ่ออกไป ค่าการใช้ประโยชน์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบพุ่งพรวดแต่อย่างใด
หากเป็นอย่างนั้นล่ะก็ วิธีการที่จะเพิ่มค่าการใช้ประโยชน์ที่ดีที่สุดนั่นก็คือการสร้างผลกระทบแบบฉับพลันสินะ อืม……” ซูจิ้งทำการวิเคราะห์อยู่ในใจ
เหตุผลที่เขาคิดเกี่ยวกับค่าการใช้ประโยชน์อย่างหนักนั่นก็เพราะว่าการยกระดับสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯนั้นต้องใช้ค่าทั้งสองถึงหนึ่งล้านหน่วย
เขาจึงต้องหาวิธีการเพิ่มค่าทั้งสองอย่างสมดุลนั่นคือวิธีการที่ดีที่สุดแล้ว ถึงแม้ค่าทั้งสองจะไม่ได้มีการคำนวนที่ขัดแย้งแถมยังหนุนกันก็ตาม แต่หากว่าค่าหนึ่งไปถึงหนึ่งล้านแล้วและต้องรอให้อีกค่าหนึ่งไปหนึ่งล้านด้วยนั้น นั่นน่าจะทำให้ต้องใช้เวลามากกว่าที่ควรจะเป็น
“เรื่องนั้นช่างมันก่อนแล้วกัน ตอนนี้ฉันจัดการขยะฯต่อดีกว่า” ซูจิ้งละทิ้งความคิดต่างๆออกไปจากจิตใจและเลือกที่จะจัดการขยะห้วงเวลาฯสุดยอดทหารกล้าจ้าวนักรบต่อ
หลังจากเสียเวลาจัดการไปอยู่สองวัน ในที่สุด ซูจิ้งก็ไม่สามารถทำความฝันที่จะประกอบหุ่นเกราะเบาได้ นี่ทำให้เขาถึงกับจิตตกในทันที
“เฮ้ออออ พอคิดถึงค่าการใช้ประโยชน์ที่สูงล้ำแล้วทำให้ฉันตัดใจทิ้งขยะพวกนี้ไม่ได้เลยจริงๆ ฉันคงต้องให้เสี่ยวไป๋ซ่อมพวกมันทั้งหมดสินะ
เรื่องนี้ช่างยอมรับได้ยากเลยจริงๆว่าขนาดขยะที่ทั่วไปที่สุดยังหาชิ้นส่วนมาประกอบให้ครบไม่ได้” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างถอดใจ
เขานั้นได้ค้นขยะกองนี้ซ้ำๆอย่างอดเสียดายไม่ได้จนในที่สุดเขาแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรหน้าสนใจ เขาจึงตัดใจสั่งย่อยขยะที่เขาไม่ต้องการในทันที
หลังจากนั้นก็ได้ของที่ใช้ได้ทั้งหมดไปเก็บเอาไว้ แต่ยิ่งเขาได้เห็นชิ้นส่วนหุ่นยนต์เกราะเบาแล้วก็ทำให้เขานั้นอดเสียดายไม่ได้จริงๆ
ในขณะเดียวกัน ในห้องคาราโอเกะหรูหราแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มสี่คนได้นั่งอยู่ในนั้น นอกจากฮัวหยุนชูและฟูฮงซิ่วแล้ว
นอกจากทั้งสองก็มีชายหนุ่มร่างอ้วนและชายสมส่วนที่ไว้หนวดเครานั่งอยู่ด้วย หากคนภายนอกได้เห็นทั้งสี่คนนี้ บอกได้เลยว่าพวกเขาจะต้องตกใจล้มพับไปในทันที
นั่นก็เพราะ ชายอ้วนที่ว่าคือหลี่เชิง หนึ่งในสี่นายน้อย แน่นอนว่าชายสมส่วนไว้เครานั่นก็คือหยวนหยินหนิงที่เคยเป็นหนึ่งในสี่นายน้อยแต่โดนซูจิ้งเขี่ยออกไป