ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 629 สำนักความมืดที่ถูกหลอกไปอีกขั้น

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

การเอาชนะคนคนหนึ่ง กับการสังหารคนคนหนึ่งคาที่ มีระดับความยากแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ถึงอย่างไร นอกจากสถานการณ์อันน้อยนิดแล้ว คนส่วนใหญ่หากสู้ไม่ได้ ต่างเลือกหนี ไม่ใช่สู้ตายถึงที่สุด

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่แค่สู้ได้โดยอาศัยพลังฝึกปรือระดับมหาปรมจารย์ และไม่ใช่แค่เอาชนะหยางจ้าวหงที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้เท่านั้น แต่ยังฆ่าหยางจ้าวหงทิ้งที่เมืองเหลาเฟิง แม่ทัพหลวนเซียงผู้นี้ขนาดจะหนียังไม่มีโอากส

พลังที่แสดงออกมา ยิ่งทำให้คนรู้สึกหวั่นใจ

หวังเหวินหมินไม่พูดพร่ำทำเพลง มุ่งหน้าไปยังเมืองเหลาเฟิงทันที

ขณะที่ได้สติกลับมา ผู้อาวุโสหวังแห่งสำนักความมืดก็ไม่ได้ลืมเรื่องสำคัญ

เกาะหลวนเซียงในยามนี้ เป็นโอกาสที่สุกงอมแล้ว ขุมกำลังต่อต้านต้าเสวียนต่างๆ เช่นสำนักความมืดต่างตกใจกับความตายอย่างปัจจุบันทันด่วนของหยางจ้าวหง ทางด้านราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเมื่อได้รับข่าวจำเป็นต้องรับมือ ต้องใช้เวลาบ้างเหมือนกัน

เกาะหลวนเซียงปั่นป่วนมากกว่าเดิมในชั่วพริบตาเดียว

โอกาสที่ขุมกำลังต่อต้านต้าเสวียนอย่างสำนักความมืดต้องคว้าไว้ให้ได้ก็คือ ช่วงเวลาที่การควบคุมเกาะหลวนเซียงของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอ่อนแอลง

ถึงอย่างไรอีกไม่นานต่อจากนี้ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องจะเดือดดาลเพราะความตายของหยางจ้าวหง ไม่เพียงแต่บุกมา สภาวะการบุกจะยิ่งใหญ่ถึงขีดสุดด้วย

ความตายของหยางจ้าวหง ถึงกับทำให้ไห่เฉิงโหวแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องต้องออกโรง

เมื่อมาถึงและได้ยินคำบอกเล่าสถานการณ์จากพวกจางเชียนซง หวังเหวินหมินก็ตื่นตะลึงอีกรอบ “มหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม…อายุยังไม่ถึงสามสิบปี?”

จางเชียนซงกลืนน้ำลาย พยักหน้าอย่างยากลำบาก “ศิษย์ก็รู้สึกเหลือเชื่อเช่นกัน”

หวังเหวินหมินเงยหน้ามองท้องฟ้า ‘ในเกาะทั้งเจ็ดสิบสองเกาะบนทะเลหวงเจีย ขนาดมหาปรมาจารย์กำเนิดญาณอายุน้อยเช่นนี้ยังไม่เคยมีมาก่อน’

“ตามคำพูดของเขา เขากับสำนักเบื้องหลังของเขามาจากด้านนอกทะเลหวงเจีย ในขณะเดียวกัน ยังเกิดความขัดแย้งกับสำนักแสงสว่างด้วย” จางเชียนซงกล่าว

หวังเหวินหมินขมวดคิ้ว “สำนักแสงสว่างเหมือนกับพวกเรา หลายปีมานี้ต่างต่อสู้กับราชวงส์ต้าเสวียนอ๋อง จะมีเวลาไปตอแยขุมกำลังอื่นด้านนอกทะเลหวงเจียได้อย่างไร?”

จางเชียนซงเอ่ยด้วยลำคอแห้งผาก “ข่าวคราวของพวกเติ้งเซินกับซุนฮ่าวแห่งสำนักแสงสว่างหายไป เหมือนจะเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้และสำนักที่อยู่เบื้องหลัง”

“เติ้งเซิน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น ผู้อาวุโสตำหนักแสงนิรันดร์แห่งสำนักแสงสว่างหรือ?” หวังเหวินหมิงสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ในตำหนักแสงนิรันดร์ เติ้งเซินจัดอยู่ในห้าอันดับแรก ยังพ่วงตำแหน่งขุนนางเค่อชิง[1]สายตรงด้วยซ้ำ ในสำนักแสงสว่างยังถูกจัดเป็นยอดฝีมือยี่สิบห้าอันดับแรก ถ้าหากคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้เป็นความจริง นั่นไม่เป็นแต่ตัวเขาน่าทึ่งเท่านั้น สำนักเบื้องหลังเขาก็ไม่อาจดูแคลนได้อีกด้วย”

หลังจากสังหารพวกเติ้งเซินแปดคน ยังมาทะเลหวงเจียที่สำนักแสงสว่างเคลื่อนไหวอยู่เหมือนไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น ก็อธิบายได้แล้วว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่สนใจการคุกคามจากสำนักแสงสว่าง ฆ่าคนไปแล้วก็คือฆ่าไปแล้ว

ในขณะที่ล่วงเกินสำนักแสงสว่าง ยังสังหารจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่รักษาเกาะหนึ่งโดยไม่กริ่งเกรงแม้แต่น้อย คล้ายเป็นการพิสูจน์อ้อมๆ ว่าอีกฝ่ายมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

จางเชียนซงเหมือนคิดอะไรได้ รีบกล่าวว่า “ที่เขาจับตัวหยางจ้าวหงไม่ให้หนีได้ เพราะพึ่งพาของวิเศษประหลาดชิ้นหนึ่ง เป็นวังขนาดยักษ์

“วังวังนั้นมีปราณมังกรโชติช่วง ทั้งอิฐทั้งกระเบื้องเหมือนกับสร้างจากกระดูกมังกรและเกล็ดมังกรของมังกรแท้ มีมูลค่าไม่อาจประเมิน

“สมบัติและการสั่งสมที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ไม่เหมือนกับสิ่งที่ขุมกำลังทั่วไปจะจัดเตรียมได้”

หวังเหวินหมินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่ต้องการทำความเข้าใจสถานการณ์ของสำนักแสงสว่าง ก็อยากจะหาพันธมิตรในทะเลหวงเจีย เอาเป็นว่าในเมื่อเขาติดต่อสำนักเราแล้ว สมควรไม่มีเจตนาร้าย เขากับสำนักที่อยู่เบื้องหลัง สำนักเราสามารถคบหาได้มากกว่าเดิม”

“เรื่องนี้สำคัญ พวกเจ้าพาคนผู้นี้ไปที่เกาะเซิ่งเหอ ไปเจออาจารย์อาอู๋ ข้าต้องเฝ้าเกาะหลวนเซียงอีกสักระยะ”

จางเชียนซงรู้สึกเหนือความคาดหมาย “ผู้อาวุโสอู๋มาถึงเกาะเซิ่งเหอแล้วหรือ?”

หวังเหวิงหมิงพยักหน้าเงียบๆ

เขามองไปยังขอบฟ้าแสนไกล สายตาเหมือนไร้จุดรวมศูนย์ “ถึงเติ้งเซินจะไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางในมือ แต่ว่ายอดฝีมือระดับเดียวกันคิดฆ่าเขาไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงอย่างไรเขาก็ฝึกฝนวิชารัศมีสาดส่องและวิชาคุ้มกันกายอย่างร่างนิภาไม่อับแสง”

พวกจางเชียนซงต่างฉายสีหน้ามีความในใจออกมาเช่นกัน

พวกเขากับลูกศิษย์สำนักแสงสว่างสู้กันมาครึ่งชีวิต ต่างประจักษ์แจ้งจุดเด่นด้านวรยุทธ์ของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

จอมยุทธ์สำนักความมืดที่อยู่ในระดับเดียวกันเมื่อสู้กับจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่ฝึกปรือวิชาร่างนิภาไม่อับแสง แพ้ถือว่าเป็นเรื่องยากมาก แต่อยากชนะยังยากยิ่งกว่า

หวังเหวินหมินละสายตา “ไปเถอะ ให้ข้าได้เจอบุคคลร้ายกายที่เป็นอัจฉริยะล้ำเลิศผู้นี้เสียหน่อย”

รู้แล้วว่าเยี่ยนจ้าวเกออายุน้อย แต่ครั้นจะได้เจอชายหนุ่มจริงๆ หวังเหวินหมินยังทอดถอนใจไม่หยุด

ทว่าสีหน้าของเขาไม่มีแววดูแคลนแม้แต่น้อย กลับชมเชยเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็ลองถามหยั่งเชิงดู หวังว่าจะล้วงเอาข้อมูลจากปากเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่าเดิม

เยี่ยนจ้าวเกอพูดจาเกรงอกเกรงใจกับหวังเหวินหมิน ไม่เผยความลับแม้แต่น้อย

หวังเหวินหมินถึงแม้จะผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็รู้สึกได้ถึงเจตนาดีของเยี่ยนจ้าวเกอ

“คุณชายเยี่ยนมีคุณธรรมสูงส่ง นำกระดูกของศิษย์ร่วมสำนักข้ากลับสำนัก ข้ารู้สึกขอบคุณจากใจจริงๆ” สุดท้ายหวังเหวินหมินก็กล่าวขึ้น “ช่วงนี้ข้ายังต้องเฝ้าเกาะหลวนเซียง มีแต่เรื่องต่อสู้ ไม่อาจต้อนรับคุณชายเยี่ยนได้ แต่ตั้งใจเชิญคุณชายเยี่ยนไปยังหอสักการะหลักของสำนักเรา ให้ทั้งสำนักเราได้แสดงความขอบคุณและแสดงไมตรีของเจ้าถิ่น ไม่รู้ว่าคุณชายเยี่ยนคิดเห็นอย่างไร”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ข้ายินดียิ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนเกินไปหรือไม่”

หวังเหวินหมินส่ายหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม “ย่อมไม่รบกวน คุณชายเยี่ยนกล่าวหนักไปแล้ว”

“คุณชายเยี่ยนตามพวกเชียนซงไปที่เกาะเซิ่งเหอก่อน ผู้อาวุโสอู๋แห่งตำหนักไร้แสงของสำนักเราเฝ้าอยู่ที่นั่น ท่านผู้เฒ่าจะจัดการให้ใต้เท้าเอง”

ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย “ตามใจเจ้าภาพ”

หลังจากสนทนากันเสร็จ ต่างฝ่ายต่างก็ออกเดินทาง หวังเวินหมินยังมีธุระในเกาะหลวนเซียงที่ต้องจัดการ ส่วนพวกเยี่ยนจ้าวเกอกับพวกจางเชียนซงที่เป็นจอมยุทธ์สำนักความมืดมุ่งหน้าไปยังเกาะเซิ่งเหอ

“ผู้อาวุโสอู๋ ตามคำพูดของจางเชียนซง เป็นผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งตำหนักไร้แสง หนึ่งในสามตำหนักของสำนักความมืด” ขณะที่เดินทาง มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอยกขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นพลังฝึกปรือ ตำแหน่ง หรือสถานะ ต่างสูงกว่าผู้อาวุโสหวังเหวินหมิน”

อาหู่เกาศีรษะ “คุณชาย พวกเขาจะเหมือนกับตระกูลเว่ยหรือไม่ ตอนนี้กองกำลังที่เกาะหลวนเซียงมีไม่มากพอจะรับมือพวกเรา จึงตั้งใจพาพวกเราไปสถานที่ที่มียอดฝีมือมากกว่า”

“ถึงแม้ตอนนี้เรากับสำนักความมืดจะมีความสัมพันธ์ไม่เลว แต่จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง ตราประทับตะวันของท่านยังต้องรอเวลามากกว่าหนึ่งปีถึงจะใช้ได้”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ถ้าไม่เหนือความคาดหมาย ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้”

อาหู่คิดเล็กน้อย “พลังกับศักยภาพที่ท่านแสดงออกมาน่าตกใจเกินไป ถ้าหากรู้ว่าท่านมาจากโลกเบื้องล่าง อาจจะอยากดึงท่านเข้าร่วม แต่ตอนนี้พวกเขานึกว่าพวกเรามีเบื้องหลังใหญ่โต คงไม่วู่วามแล้ว”

ชายหนุ่มใช้นิ้วแตะริมฝีปากครุ่นคิด “ข้าสังหารแม่ทัพหลวนเซียงของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอย่างไม่เกรงใจ ดูเหมือนจะทำให้คนของสำนักความมืดเข้าใจผิดเพิ่มอีก”

เฟิงอวิ๋นเซิงได้ยินก็ยิ้มขึ้น “นี่ไม่ใช่เป้าหมายของท่านหรอกหรือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอทำท่าตกใจ “เจ้าพูดอะไรน่ะ? ข้าไม่ยินยอมที่เกาะหลวนเซียงได้รับการรีดนาราเร้นจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมาเป็นเวลานาน นักรบต่อต้านต้าเสวียนถูกสังหารมากมาย ข้าผ่านทางพบเห็นความไม่ยุติธรรม จึงลงมือด้วยคุณธรรม กำจัดความชั่วร้ายรักษาความดีเท่านั้น”

……………………………………….

[1] เค่อชิง (客卿) ยศขุนนางต่างแดน