เล่มที่ 27 เล่มที่ 27 ตอนที่ 792 เกิดอันใดขึ้นกับซูจิ่นซี?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถปล่อยให้ซูจิ่นซีต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งวันทั้งคืนได้อีกแล้ว

ไม่ว่าอย่างไร ซูจิ่นซีก็ไม่อาจต่อต้านเยี่ยโยวเหยาได้

จากนั้น ทั้งสองจึงตัดสินใจค้างแรมในหุบเขาหลูเหว่ยชั่วคราว

คุณชายฉู่จัดห้องพักภายในจวนเจ้าหุบเขาให้ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา ซึ่งซูจิ่นซีก็พักผ่อนและหลับสนิท

ในระยะแรก ซูจิ่นซีนอนหลับสนิทเป็นอย่างดี ทว่านางค่อยๆ ขมวดคิ้วเหมือนรู้สึกอึดอัด

ดอกปี่อั้นในอาคมกำไลปี่อั้นซึ่งไม่เคยปรากฏความผิดปกติพลันส่องประกายระยิบระยับ

เยี่ยโยวเหยากำลังจัดการเอกสารอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น เขาก็วางเอกสารในมือลงด้วยสีหน้าเป็นกังวล และเดินไปที่เตียงของซูจิ่นซี

“จิ่นซี… จิ่นซี… ”

เยี่ยโหยวเหยาเขย่าตัวซูจิ่นซีสองสามครั้ง ทว่าซูจิ่นซีไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย แก้มของนางแดงระเรื่อ หน้าผากปรากฏเหงื่อเม็ดละเอียด

เกิดอันใดขึ้นกันแน่?

อาการผิดปกตินี้ไม่ได้มีเพียงซูจิ่นซีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อยในอาคมกำไลปี่อั้นอีกด้วย

ตั้งแต่เข้ามาภายในหุบเขาหลูเหว่ย สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อยก็กระสับกระส่ายตลอดเวลา

นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ซูจิ่นซีต้องการรีบออกจากหุบเขาหลูเหว่ย

ผ่านไปไม่นานนัก สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อยก็กระโดดออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น

ปกติแล้ว หากซูจิ่นซีไม่ได้เรียกสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อย พวกมันจะไม่สามารถออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้นโดยพลการ ทว่าครั้งนี้พวกมันทนไม่ไหวจริงๆ หากพวกมันไม่ออกมา พวกมันต้องถูกย่างจนตายแน่ เพราะอุณหภูมิภายในนั้นสูงมาก

หลังออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น เพื่อไม่ให้เจ้านายของมันและผู้อื่นตกใจ สัตว์เทพกิเลนจึงไม่กลายร่างเป็นขนาดปกติ แต่กลายร่างเป็นขนาดเล็กเหมือนสัตว์เลี้ยงน่ารัก

มันม้วนตัวเป็นวงกลมสองครั้งบนพื้น และครุ่นคิดว่าจะอธิบายให้เจ้านายของมันฟังว่า เพราะเหตุใดมันจึงออกมาจากแท่นบูชาโดยพลการ ทันใดนั้น เสียงร้องของจิ้งจอกน้อยอีกตัวหนึ่งก็ดังขึ้น ‘จี๊ด จี๊ด’

สัตว์เทพกิเลนรีบหันไปมอง ก่อนจะเห็นเจ้านายของมันนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าเจ็บปวด โดยมีจิ้งจอกน้อยยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางวิตกกังวล

สัตว์เทพกิเลนตกตะลึง

เจ้านายเป็นอันใด?

ไม่สบายหรือ?

หรือว่าได้รับบาดเจ็บ?

บาดเจ็บได้อย่างไร?

เหตุใดเจ้านายไม่เรียกมันมาช่วย?

เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ สัตว์เทพกิเลนก็วิ่งเข้าไปหาซูจิ่นซีอย่างควบคุมตนเองไม่ได้

ทว่าก่อนที่มันจะวิ่งไปถึง มันก็สังเกตเห็นบุรุษผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเตียงเจ้านายของมัน โยวอ๋อง…

อา…

สัตว์เทพกิเลนหยุดฝีเท้าสุดตัว มันยืนอยู่ห่างจากเตียงของซูจิ่นซีเพียงสามก้าว

ขนทุกเส้นบนร่างกายของมันลุกชัน

โอ้ พระเจ้า หวาดเสียวยิ่งนัก อีกนิดเดียวคงวิ่งชนแน่

แม้บรรยากาศเย็นชารอบตัวเยี่ยโยวเหยาจะน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก ทว่าสัตว์เทพกิเลนยังหวาดกลัวเยี่ยโยวเหยา

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่มันเห็นเยี่ยโยวเหยา ร่างกายของมันก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

ทว่ามันเป็นห่วงซูจิ่นซีมากจริงๆ !

จะทำอย่างไร?

สัตว์เทพกิเลนรู้สึกสับสนยิ่งนัก ทั้งหวาดกลัวและกังวล มันต้องการเข้าไปใกล้เจ้านายเพื่อดูว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง แต่เพราะมันกลัวโยวอ๋อง จึงไม่กล้าเข้าใกล้

ทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ เฝ้ามองซูจิ่นซีที่นอนอยู่บนเตียงด้วยดวงตาสุกสกาว

เยี่ยโยวเหยาตรวจชีพจรให้ซูจิ่นซีแล้ว ทว่าไม่มีร่องรอยของธาตุไฟเข้าแทรกหรืออาการบาดเจ็บอันใด

เช่นนั้นคงเกิดปัญหากับส่วนอื่นๆ ในร่างกายของนาง เช่น ระบบถอนพิษที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออันใด อาคมกำไลปี่อั้น ทั้งยังมีลวดลายกิเลนคู่เหยียบดอกปี่อั้นที่แผ่นหลังของนาง

หากเป็นอาการธาตุไฟเข้าแทรกหรือได้รับบาดเจ็บ เยี่ยโยวเหยาสามารถแก้ปัญหาและช่วยเหลือนางได้ทันที ทว่าหากเป็นเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น เยี่ยโยวเหยาไม่อาจทำอันใดได้เลย

ครู่หนึ่ง ดวงตาเคร่งขรึมของเขาก็มองไปที่สัตว์เทพกิเลน

สัตว์เทพกิเลนตัวสั่นสะท้านเล็กน้อย และเดินถอยหลังด้วยแข้งขาที่อ่อนปวกเปียก

โยวอ๋อง ท่านคิดจะทำอันใด?

ท่านคงไม่คิดว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้ซูจิ่นซีเป็นเช่นนี้กระมัง?

ไม่… ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำจริงๆ

เยี่ยโยวเหยามองสัตว์เทพกิเลนที่ราวกับแสดงอาการหวาดกลัวและอับจนหนทาง

เขาน่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

ก็ได้!

เขายอมรับว่าบางครั้งเขาก็น่ากลัวจริงๆ แม้แต่ตอนที่ซูจิ่นซีเห็นเขาครั้งแรก นางยังกลัวเขาเลย

ทว่าหลังจากใกล้ชิดซูจิ่นซี เขาก็เปลี่ยนไปมากไม่ใช่หรือ?

ขณะที่สัตว์เทพกิเลนกำลังตัวสั่นและก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่องจนใกล้จะชนประตูด้านหลังอยู่แล้ว เยี่ยโยวเหยาก็เอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้ามีวิธีบรรเทาความเจ็บปวดของนางหรือไม่? ”

ชั่วพริบตา สัตว์เทพกิเลนก็เข้าใจในทันที โยวอ๋องก็เป็นห่วงเจ้านายเหมือนกับมัน หรืออาจมากกว่ามันหลายเท่า

ดังนั้น… เขาจึงถามมันว่าสามารถช่วยเจ้านายของมันได้หรือไม่?

อืม…

สัตว์เทพกิเลนครุ่นคิดอย่างละเอียด และดูเหมือนภายในแววตาของโยวอ๋องก็มีความหมายเช่นนี้จริงๆ

ทว่ามันไม่กล้าเข้าใกล้เจ้านายของมันอยู่ดี!

เพราะเจ้านายมันอยู่ข้างกายราชาปีศาจผู้น่าสะพรึงกลัว

สัตว์เทพกิเลนพยายามถึงสองครั้งสองครา ทว่ามันไม่สามารถเคลื่อนตัวไปหาซูจิ่นซี มันทำไม่ได้จริงๆ

เยี่ยโยวเหยาราวกับมองอาการของสัตว์เทพกิเลนออก แม้เขาต้องการอยู่ใกล้ซูจิ่นซี ทว่าเขากลับตัดสินใจลุกขึ้นไปนั่งด้านข้าง และเหลือพื้นที่ข้างเตียงให้เจ้าสัตว์เทพกิเลน

ทั้งยังพยายามลดท่าทีเย็นชาดุดันของตนให้น้อยที่สุด

แท้จริงแล้ว เยี่ยโยวเหยาไม่รู้เลยว่า ไม่ว่าเขาจะลดระดับความเย็นชาเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์สำหรับสัตว์เทพกิเลน

สิ่งที่สัตว์เทพกิเลนหวาดกลัวคือเขา ไม่เกี่ยวกับท่าทางเย็นชาดุดันแม้แต่น้อย

สัตว์เทพกิเลนเดินไปยังข้างกายของซูจิ่นซีทีละก้าวอย่างระมัดระวัง และค่อยๆ คลานไปที่ขอบเตียง

เมื่อเห็นซูจิ่นซีขมวดคิ้วเพราะความเจ็บปวด ภายในแววตาสดใสของมันก็ปรากฏแสงระยิบระยับ

“อืม… เจ้านาย… ท่านคงรู้สึกเจ็บปวดมากใช่หรือไม่? เจ้านาย… ”

ซูจิ่นซีขดตัวแน่น แก้มของนางแดงระเรื่อ หน้าผาก จอนผม และบริเวณลำคอล้วนเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นยะเยือก

สัตว์เทพกิเลนควบแน่นพลังสีน้ำเงินครามที่กรงเล็บของมัน ทันใดนั้นก็ปรากฏหมอกเย็นลอยขึ้นมาจากกรงเล็บ

สัตว์เทพกิเลนวางอุ้งเท้าไว้บนแก้มของซูจิ่นซีอย่างระมัดระวัง

ดูเหมือนว่าความเย็นอย่างกะทันหันทำให้ร่างกายของซูจิ่นซีเย็นลง และทำให้นางรู้สึกสบายตัวมากขึ้น ใบหน้าของนางจึงดูผ่อนคลาย

สัตว์เทพกิเลนยกยิ้มมุมปากเหมือนมนุษย์

ทว่าในวินาทีถัดมา… ทันใดนั้น อาคมกำไลปี่อั้นบนข้อมือของซูจิ่นซีก็เปล่งแสงสว่างแสบตา ดอกอาคมกำไลปี่อั้นที่ฝังอยู่บนกำไลราวกับถูกไฟแผดเผา มันเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าดั่งเปลวเพลิงที่ลุกโชน

ในเวลาเดียวกัน บนภูเขาสูงที่อยู่ไกลออกไปซึ่งเป็นที่ตั้งของดินแดนลึกลับเสวียนคง พลันเกิดเสียงดังครืนกึกก้อง ยอดภูเขาราวกับภูเขาไฟระเบิด ปรากฏเปลวเพลิงปะทุขึ้นบนท้องฟ้า ส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งหุบเขาหลูเหว่ย