อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถปล่อยให้ซูจิ่นซีต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งวันทั้งคืนได้อีกแล้ว
ไม่ว่าอย่างไร ซูจิ่นซีก็ไม่อาจต่อต้านเยี่ยโยวเหยาได้
จากนั้น ทั้งสองจึงตัดสินใจค้างแรมในหุบเขาหลูเหว่ยชั่วคราว
คุณชายฉู่จัดห้องพักภายในจวนเจ้าหุบเขาให้ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา ซึ่งซูจิ่นซีก็พักผ่อนและหลับสนิท
ในระยะแรก ซูจิ่นซีนอนหลับสนิทเป็นอย่างดี ทว่านางค่อยๆ ขมวดคิ้วเหมือนรู้สึกอึดอัด
ดอกปี่อั้นในอาคมกำไลปี่อั้นซึ่งไม่เคยปรากฏความผิดปกติพลันส่องประกายระยิบระยับ
เยี่ยโยวเหยากำลังจัดการเอกสารอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น เขาก็วางเอกสารในมือลงด้วยสีหน้าเป็นกังวล และเดินไปที่เตียงของซูจิ่นซี
“จิ่นซี… จิ่นซี… ”
เยี่ยโหยวเหยาเขย่าตัวซูจิ่นซีสองสามครั้ง ทว่าซูจิ่นซีไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย แก้มของนางแดงระเรื่อ หน้าผากปรากฏเหงื่อเม็ดละเอียด
เกิดอันใดขึ้นกันแน่?
อาการผิดปกตินี้ไม่ได้มีเพียงซูจิ่นซีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อยในอาคมกำไลปี่อั้นอีกด้วย
ตั้งแต่เข้ามาภายในหุบเขาหลูเหว่ย สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อยก็กระสับกระส่ายตลอดเวลา
นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ซูจิ่นซีต้องการรีบออกจากหุบเขาหลูเหว่ย
ผ่านไปไม่นานนัก สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อยก็กระโดดออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น
ปกติแล้ว หากซูจิ่นซีไม่ได้เรียกสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อย พวกมันจะไม่สามารถออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้นโดยพลการ ทว่าครั้งนี้พวกมันทนไม่ไหวจริงๆ หากพวกมันไม่ออกมา พวกมันต้องถูกย่างจนตายแน่ เพราะอุณหภูมิภายในนั้นสูงมาก
หลังออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น เพื่อไม่ให้เจ้านายของมันและผู้อื่นตกใจ สัตว์เทพกิเลนจึงไม่กลายร่างเป็นขนาดปกติ แต่กลายร่างเป็นขนาดเล็กเหมือนสัตว์เลี้ยงน่ารัก
มันม้วนตัวเป็นวงกลมสองครั้งบนพื้น และครุ่นคิดว่าจะอธิบายให้เจ้านายของมันฟังว่า เพราะเหตุใดมันจึงออกมาจากแท่นบูชาโดยพลการ ทันใดนั้น เสียงร้องของจิ้งจอกน้อยอีกตัวหนึ่งก็ดังขึ้น ‘จี๊ด จี๊ด’
สัตว์เทพกิเลนรีบหันไปมอง ก่อนจะเห็นเจ้านายของมันนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าเจ็บปวด โดยมีจิ้งจอกน้อยยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางวิตกกังวล
สัตว์เทพกิเลนตกตะลึง
เจ้านายเป็นอันใด?
ไม่สบายหรือ?
หรือว่าได้รับบาดเจ็บ?
บาดเจ็บได้อย่างไร?
เหตุใดเจ้านายไม่เรียกมันมาช่วย?
เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ สัตว์เทพกิเลนก็วิ่งเข้าไปหาซูจิ่นซีอย่างควบคุมตนเองไม่ได้
ทว่าก่อนที่มันจะวิ่งไปถึง มันก็สังเกตเห็นบุรุษผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเตียงเจ้านายของมัน โยวอ๋อง…
อา…
สัตว์เทพกิเลนหยุดฝีเท้าสุดตัว มันยืนอยู่ห่างจากเตียงของซูจิ่นซีเพียงสามก้าว
ขนทุกเส้นบนร่างกายของมันลุกชัน
โอ้ พระเจ้า หวาดเสียวยิ่งนัก อีกนิดเดียวคงวิ่งชนแน่
แม้บรรยากาศเย็นชารอบตัวเยี่ยโยวเหยาจะน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก ทว่าสัตว์เทพกิเลนยังหวาดกลัวเยี่ยโยวเหยา
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่มันเห็นเยี่ยโยวเหยา ร่างกายของมันก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ทว่ามันเป็นห่วงซูจิ่นซีมากจริงๆ !
จะทำอย่างไร?
สัตว์เทพกิเลนรู้สึกสับสนยิ่งนัก ทั้งหวาดกลัวและกังวล มันต้องการเข้าไปใกล้เจ้านายเพื่อดูว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง แต่เพราะมันกลัวโยวอ๋อง จึงไม่กล้าเข้าใกล้
ทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ เฝ้ามองซูจิ่นซีที่นอนอยู่บนเตียงด้วยดวงตาสุกสกาว
เยี่ยโยวเหยาตรวจชีพจรให้ซูจิ่นซีแล้ว ทว่าไม่มีร่องรอยของธาตุไฟเข้าแทรกหรืออาการบาดเจ็บอันใด
เช่นนั้นคงเกิดปัญหากับส่วนอื่นๆ ในร่างกายของนาง เช่น ระบบถอนพิษที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออันใด อาคมกำไลปี่อั้น ทั้งยังมีลวดลายกิเลนคู่เหยียบดอกปี่อั้นที่แผ่นหลังของนาง
หากเป็นอาการธาตุไฟเข้าแทรกหรือได้รับบาดเจ็บ เยี่ยโยวเหยาสามารถแก้ปัญหาและช่วยเหลือนางได้ทันที ทว่าหากเป็นเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น เยี่ยโยวเหยาไม่อาจทำอันใดได้เลย
ครู่หนึ่ง ดวงตาเคร่งขรึมของเขาก็มองไปที่สัตว์เทพกิเลน
สัตว์เทพกิเลนตัวสั่นสะท้านเล็กน้อย และเดินถอยหลังด้วยแข้งขาที่อ่อนปวกเปียก
โยวอ๋อง ท่านคิดจะทำอันใด?
ท่านคงไม่คิดว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้ซูจิ่นซีเป็นเช่นนี้กระมัง?
ไม่… ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำจริงๆ
เยี่ยโยวเหยามองสัตว์เทพกิเลนที่ราวกับแสดงอาการหวาดกลัวและอับจนหนทาง
เขาน่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
ก็ได้!
เขายอมรับว่าบางครั้งเขาก็น่ากลัวจริงๆ แม้แต่ตอนที่ซูจิ่นซีเห็นเขาครั้งแรก นางยังกลัวเขาเลย
ทว่าหลังจากใกล้ชิดซูจิ่นซี เขาก็เปลี่ยนไปมากไม่ใช่หรือ?
ขณะที่สัตว์เทพกิเลนกำลังตัวสั่นและก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่องจนใกล้จะชนประตูด้านหลังอยู่แล้ว เยี่ยโยวเหยาก็เอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้ามีวิธีบรรเทาความเจ็บปวดของนางหรือไม่? ”
ชั่วพริบตา สัตว์เทพกิเลนก็เข้าใจในทันที โยวอ๋องก็เป็นห่วงเจ้านายเหมือนกับมัน หรืออาจมากกว่ามันหลายเท่า
ดังนั้น… เขาจึงถามมันว่าสามารถช่วยเจ้านายของมันได้หรือไม่?
อืม…
สัตว์เทพกิเลนครุ่นคิดอย่างละเอียด และดูเหมือนภายในแววตาของโยวอ๋องก็มีความหมายเช่นนี้จริงๆ
ทว่ามันไม่กล้าเข้าใกล้เจ้านายของมันอยู่ดี!
เพราะเจ้านายมันอยู่ข้างกายราชาปีศาจผู้น่าสะพรึงกลัว
สัตว์เทพกิเลนพยายามถึงสองครั้งสองครา ทว่ามันไม่สามารถเคลื่อนตัวไปหาซูจิ่นซี มันทำไม่ได้จริงๆ
เยี่ยโยวเหยาราวกับมองอาการของสัตว์เทพกิเลนออก แม้เขาต้องการอยู่ใกล้ซูจิ่นซี ทว่าเขากลับตัดสินใจลุกขึ้นไปนั่งด้านข้าง และเหลือพื้นที่ข้างเตียงให้เจ้าสัตว์เทพกิเลน
ทั้งยังพยายามลดท่าทีเย็นชาดุดันของตนให้น้อยที่สุด
แท้จริงแล้ว เยี่ยโยวเหยาไม่รู้เลยว่า ไม่ว่าเขาจะลดระดับความเย็นชาเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์สำหรับสัตว์เทพกิเลน
สิ่งที่สัตว์เทพกิเลนหวาดกลัวคือเขา ไม่เกี่ยวกับท่าทางเย็นชาดุดันแม้แต่น้อย
สัตว์เทพกิเลนเดินไปยังข้างกายของซูจิ่นซีทีละก้าวอย่างระมัดระวัง และค่อยๆ คลานไปที่ขอบเตียง
เมื่อเห็นซูจิ่นซีขมวดคิ้วเพราะความเจ็บปวด ภายในแววตาสดใสของมันก็ปรากฏแสงระยิบระยับ
“อืม… เจ้านาย… ท่านคงรู้สึกเจ็บปวดมากใช่หรือไม่? เจ้านาย… ”
ซูจิ่นซีขดตัวแน่น แก้มของนางแดงระเรื่อ หน้าผาก จอนผม และบริเวณลำคอล้วนเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นยะเยือก
สัตว์เทพกิเลนควบแน่นพลังสีน้ำเงินครามที่กรงเล็บของมัน ทันใดนั้นก็ปรากฏหมอกเย็นลอยขึ้นมาจากกรงเล็บ
สัตว์เทพกิเลนวางอุ้งเท้าไว้บนแก้มของซูจิ่นซีอย่างระมัดระวัง
ดูเหมือนว่าความเย็นอย่างกะทันหันทำให้ร่างกายของซูจิ่นซีเย็นลง และทำให้นางรู้สึกสบายตัวมากขึ้น ใบหน้าของนางจึงดูผ่อนคลาย
สัตว์เทพกิเลนยกยิ้มมุมปากเหมือนมนุษย์
ทว่าในวินาทีถัดมา… ทันใดนั้น อาคมกำไลปี่อั้นบนข้อมือของซูจิ่นซีก็เปล่งแสงสว่างแสบตา ดอกอาคมกำไลปี่อั้นที่ฝังอยู่บนกำไลราวกับถูกไฟแผดเผา มันเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าดั่งเปลวเพลิงที่ลุกโชน
ในเวลาเดียวกัน บนภูเขาสูงที่อยู่ไกลออกไปซึ่งเป็นที่ตั้งของดินแดนลึกลับเสวียนคง พลันเกิดเสียงดังครืนกึกก้อง ยอดภูเขาราวกับภูเขาไฟระเบิด ปรากฏเปลวเพลิงปะทุขึ้นบนท้องฟ้า ส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งหุบเขาหลูเหว่ย