ตอนที่ 1402 เปล โดย Ink Stone_Fantasy

จดหมายฉบับนั้นเป็นของจริง!

วัลคีรีย์ไม่ได้โกหก

ด้านล่างหลุมลึกคือแหล่งกำเนิดเวทมนตร์ที่พวกมันเฝ้าตามหามาตลอด!

ความรู้สึกสับสนพุ่งทะลักขึ้นมาในหัวเฮคซอดจนมันทำอะไรไม่ถูก

ในเมื่อเรื่องบางเรื่องกลายเป็นเรื่องจริง อย่างนั้นเรื่องบางเรื่องก็ย่อมต้องกลายเป็นเรื่องโกหก

อย่างเช่นเรื่องการยกระดับของเผ่าพันธุ์

ในบันทึกของผู้ตื่นรู้ระบุเอาไว้ว่าแหล่งกำเนิดเวทมนตร์นั้นสูงส่งอยู่เหนือทุกสิ่ง ถือเป็นดินแดนของพระเจ้า ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ล้วนแต่บอกอย่างกลายๆ ว่ามันคือสิ่งเดียวกันกับพระจันทร์สีแดง เผ่าพันธุ์ที่ไม่สามารถรวบรวมชิ้นส่วนสืบทอดมาได้ครบนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสัมผัสดินแดนแห่งนั้น ดังนั้นสำหรับเผ่าพันธุ์ของมันจึงมองว่าท้องฟ้าคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุนี้เมืองที่สามารถลอยไปบนท้องฟ้าได้ถึงถูกเรียกว่าพระผู้สร้าง

แต่ตอนนี้ แหล่งกำเนิดเวทมนตร์ไม่ได้พิเศษขนาดนั้นอีกแล้ว — มันอยู่บนเกาะที่มีพลังในการปกปิดตัวเอง เรียกได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ เผลอๆ อาจจะต่ำกว่าด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกัน การมาที่นี่ก็ไม่ได้มีประโยชนอะไรเลย เฮคซอดสัมผัสไม่ได้ถึงพลังเวทมนตร์ที่ขยายตัวขึ้น แล้วก็สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายไม่ได้ ถ้าเอาหินเวทมนตร์หลากสีออก ที่นี่ก็เป็นแค่หลุมลึกธรรมดา ดูไม่ได้เข้ากับคำว่ายิ่งใหญ่หรือศักดิ์สิทธิ์เลย

หลุมนี่ทำให้เผ่าพันธุ์ยกระดับได้งั้นเหรอ?

ต่อให้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา มันก็น่าจะทำให้ดูเหมือนหน่อยหรือเปล่า?

ถ้าทั้งหมดเป็นเหมือนที่วัลคีรีย์พูดมา อย่างนั้นไม่เท่ากับว่าความพยายามในช่วงเวลานับพันปีของเผ่าพันธุ์กลายเป็นเรื่องน่าขันหรอกเหรอ…

“….สกายลอร์ด?”

เสียงของผู้เฝ้ามองดังแทรกความคิดมันขึ้นมา

ใช่แล้ว ที่นี่ยังมีสัตว์ประหลาดที่บอกว่าตัวเองเฝ้าอยู่ที่นี่มานับพันปีอยู่ แถมยังปลอมตัวเป็นปีศาจระดับสูงอยู่ด้วยนี่นา — เมื่อดูจากท่าทีของมันแล้ว มันน่าจะรู้อะไรอย่างอย่างเกี่ยวกับสงครามแห่งโชคชะตาก็ได้!

เพราะว่าถ้าสงครามที่ช่วงชิงชิ้นส่วนสืบทอดเป็นสงครามที่วนเวียนไม่รู้จบจริงๆ มันก็น่าจะเคยเห็นเผ่าพันธุ์ที่ได้รับ ‘กุญแจยกระดับ’ มาแล้วแน่นอน

หรือยิ่งไปกว่านั้น….ตำนานเกี่ยวกับสงครามแห่งโชคชะตาอาจจะแพร่กระจายไปจากที่นี่ก็ได้

เฮคซอดไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบออกมาตามตรง

มันจึงตัดสินใจที่จะเปิดฉากเล่นงานอีกฝ่าย

ประตูมิติสองบานวาดผ่านร่างกายของอีกฝ่าย ตัดแขนทั้งสองข้างของผู้เฝ้ามองจนขาด จากนั้นจึงเป็นขาทั้งสองข้าง!

อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ต้องสูญเสียแขนขาไปแล้ว สีหน้ามันยังคงดูงุนงงอยู่ จากนั้นจึงล้มลงไปกับพื้นอย่างอ่อนแรง

ก่อนหน้านี้เฮคซอดได้แอบใช้หินเวทมนตร์หลากสีสังเกตดูอีกฝ่ายแล้ว ก่อนจะพบว่าบนหัวของผู้เฝ้ามองไม่ได้มีเสาลำแสงที่ชัดเจน นี่หมายความว่าพลังเวทมนตร์ของอีกฝ่ายไม่ได้พิเศษอะไร ขอเพียงตัดแขนตัดขา มันก็แทบจะทำอะไรตนไม่ได้แล้ว

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ สกายลอร์ดก็ยังลอยตัวอยู่บนอากาศเมื่อสังเกตดูสถานการณ์อยู่ครู่หนึ่ง หลังแน่ใจว่าอีกฝ่ายทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนร้องด้วยความเจ็บปวด มันจึงลอยกลับมายืนบนพื้นอีกครั้ง มันขวานตัวผู้เฝ้ามองที่นอนจมกองเลือดขึ้นมา ในเวลานี้ชุดสีขาวของมันชโลมไปด้วยเลือดสีน้ำเงิน ไม่ได้มีท่าทีที่ดูสง่างามเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีก

“เจ้าตอบข้ามาตามตรงจะดีกว่า แบบนั้นข้าอาจจะยังไว้ชีวิตเจ้าได้” เฮคซอดพูดข่มขู่ “ถึงที่สุดแล้วการยกระดับมันจะกลายเป็นยังไง? พระเจ้ามีอยู่จริงหรือไม่? ทำไมมันถึงแต่งเรื่องแบบนี้ขึ้นมา? ความอดทนของข้ามีจำกัด รีบตอบคำถามทั้งหมดออกมาซะ!”

ที่น่าแปลกก็คือบนใบหน้าของผู้เฝ้ามองม่ได้มีความหวาดกลัวหรือความเจ็บแค้นเลย มันหอบหายใจแล้วพูดว่า “ทำไม…เจ้าต้องทำแบบนี้?”

“ซากโบราณสถานที่แอบซ่อนอยู่ใต้ดินล้วนแต่เป็นสิ่งที่ผู้เข้าร่วมสงครามแห่งโชคชะตาครั้งก่อนๆ หน้านี้เหลือทิ้งเอาไว้ใช่ไหม? ตอนนี้เผ่าพันธุ์ข้ากำลังเดินตามรอยที่ว่า กลายเป็นเศษฝุ่นที่ถูกทำลาย แต่เจ้ากลับยังมาถามข้าว่าทำไมอย่างนั้นเหรอ? ให้พวกข้ามาสู้กันเองแล้วก็ตายไปเหมือนกับสัตว์ โลกนี้มันป็นแค่ของเล่นของพระเจ้าหรือยังไง!”

หลังคำรามเสร็จ เฮคซอดพลันตกตะลึง

ผู้เฝ้ามองจ้องตามัน ในสายตาแฝงเอาไว้ด้วยความเศร้าสร้อย

“อย่างนี้นี่เอง…เจ้าไม่ได้หลงทางมา หากแต่ตั้งใจมาที่นี่ เสียดายที่เมื่อเทียบกับการหายไปโดยไม่รู้อะไรแล้ว บางครั้งการรู้คำตอบมันกลับจะทำให้รู้สึกสิ้นหวังมากกว่า — โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จริงอยู่ที่บนโลกนี้ัยังมีข้อบกพร่องอยู่อีกมาก แต่สำหรับพวกเจ้าแล้ว มันคือเปลที่ดีที่สุด”

“ปะ…เปล?” สกายลอร์ดคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากอีกฝ่าย

ลมหายใจของผู้เฝ้ามองค่อยๆ แผ่วเบาลง มันยกแขนที่อาบเลือกขึ้นมา เหมือนพยายามจะจับหน้าของเฮคซอดอย่างไรอย่างนั้น “พวกเจ้าล้วนแต่เป็นลูกของพระเจ้า แล้วมันมองพวกเจ้า…เป็นเครื่องหาความสุขให้ตัวเองได้ยังไง? ตอนนี้…ถึงเวลาที่ต้องไปจากที่นี่แล้ว รีบไปเถอะ….ถ้ายังไม่ได้กุญแจมา อย่ากลับมาที่เกาะนี้เด็ดขาด”

“เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้าเลย!”

แต่เฮคซอดยังไม่ทันพูดจบ ร่างกายของผู้เฝ้ามองก็เริ่มหายไป ราวกับว่ามันไม่มีแรงเหลือพอที่จะคงร่างเอาไว้ได้อีก ในเวลาไม่กี่อึดใจ ร่างกายมันก็หายไปจนหมด ส่วนสิ่งที่หายตามมันไปยังมีแผ่นหินเหล่านั้น — ไม่นาน บริเวณรอบๆ ก็เหลือเพียงแต่ทุ่งหญ้าและหลุมขนาดยักษ์ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เหมือนเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาอย่างไรอย่างนั้น

แต่รอยเลือดที่ยังคงเหลืออยู่บนมือเฮคซอดกลับบอกมันว่า ‘ผู้ยกระดับระดับสูง’ ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ตัวผู้นั้นมีตัวตนอยู่จริงๆ

แต่สิ่งที่ทำให้มันรู้สึกไม่เข้าใจอย่างมากก็คือเห็นๆ อยู่ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นร่างจำแลงมา และหลังจากที่มันหายไป มันกลับทำให้ตัวเองรู้สึกเจ็บปวด

เฮคซอดส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไป

อย่างน้อยมันก็พิสูจน์ความจริงเรื่องหนึ่งได้ นั่นคือวัลคีรีย์ไม่ได้โกหก แถมมันยังเข้าใกล้ความจริงของสงครามแห่งโชคชะตามากกว่าคนอื่นๆ ด้วย

สิ่งที่มันต้องทำหลังจากนี้ก็คือหาช่องทางที่สามารถใช้ติดต่อกับวัลคีรีย์ได้

มันมีคำถามมากมายที่ต้องถามอีกฝ่าย

เฮคซอดลุกขึ้นยืน ในขณะที่มันกำลังเตรียมตัวจะออกไปจากที่นี่ หน้าอกมันพลันมีความรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงขึ้นมา!

มันเกิด…อะไรขึ้นกันแน่?

มันก้มหน้าลง ก่อนจะมองเห็นบนเกราะของตัวเองมีรอยแตก กรงเล็บกระดูกที่แหลมคมค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา

นี่คือ — ‘มีด’ ของอาณาจักรซีสกาย

พวกมันแทบจะโปร่งใสเวลาเคลื่อนไหวและมีความสามารถในการซ่อนตัวที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก มีแต่ต้องใช้สัมผัสเวทมนตร์ถึงจะรับรู้ถึงพวกมันได้

บ้าเอ้ย….ตอนที่ตัวเองเหม่อลอย อาณาจักรซีสกายก็แอบเข้ามาบนเกาะนี้เหมือนกันเหรอ?

เฮคซอดรับรู้ได้ว่าพลังของตัวเองกำลังไหลออกไปอย่างรวดเร็ว ประมาทเกินไป…มันเอาสมาธิทั้งหมดไปอยู่ที่ตัวผู้เฝ้ามอง บวกกับคำตอบที่เหนือความคาดคิดของอีกฝ่ายได้ทำให้มันไม่ทันได้ระวังตัว จนทำให้มันไม่ทันรับรู้ถึงศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอก แต่สิ่งที่มันไม่เข้าใจก็คือ ในอดีตศัตรูแบบนี้ไม่มีทางที่จะทำลายบาเรียของผู้ยกระดับระดับสูงได้ นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะแทงทะลุชุดเกราะเลย

‘มีด’ เป็นแค่กรงเล็บที่เนสต์อายใช้จับเหยื่อเท่านั้น นอกจากการซ่อนตัวแล้วก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย แล้วมันสามารถโจมตีราชาได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

ความเจ็บปวดที่บาดแผลได้เปลี่ยนเป็นความรู้สึกร้อนเหมือนโดนไฟเผาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่านอกจากความแหลมคมแล้ว เจ้ากรงเล็บนี้มันยังมีพิษอยู่ด้วย

เฮคซอดค่อยๆ หันหน้ากลับไป ก่อนจะเป็นสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ยืนอยู่ด้านหลังตน นอกจากกรงเล็บกระดูกที่เป็นรูปเคียวกับส่วนท้องที่เอาไว้ใช้ห่อหุ้มเหยื่อแล้ว เฮคซอดก็ยากที่จะเชื่อมโยงมันเข้ากับมีดในอดีตได้

และตรงพื้นที่ที่อยู่ห่างออกไปซึ่งเต็มไปด้วยหมอกก็ยังมีเงาสีดำอีกจำนวนมากที่กำลังคืบคลานเข้ามาทางนี้

ที่แท้ที่ผู้เฝ้ามองบอกว่า ‘เหลือเวลาไม่มากแล้ว’ มันหมายถึงแบบนี้อย่างนั้นเหรอ….

สายตาของเฮคซอดเริ่มพร่ามัว ทันใดนั้นเอง มีดที่แทงทะลุตัวมันพลันอ้าปากกว้าง ก่อนจะงับลงมาที่มัน

อีกด้านหนึ่ง ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์พลันลืมตาขึ้นมา

………………………………………………………….