ตอนที่ 509 ติดตามข้ากลับไปสวรรค์

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

เพียงปรารถนาให้นางอยู่อย่างสงบสุขเท่านั้น

 

 

นั่นจึงเป็นความรักความเห็นแก่ตัวเล็กๆ ในรักที่ยิ่งใหญของจีเฉวียน

 

 

ซิงซิง ลาก่อน

 

 

……………………..

 

 

 

 

ท่ามกลางสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางดึก ตู๋กูซิงหลันมองดูอาจารย์ของตนเองสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

 

 

สายฝนกระหน่ำลงมาบนร่างของนาง

 

 

ในตอนนั้นเอง หัวใจของนางเหมือนกับถูกคว้านออกไป นางมองดูเถ้าที่สลายตัวไปท่ามกลางพายุฝน….ชั่วขณะนั้นสมองก็พลันผุดภาพใบหน้าของจีเฉวียนขึ้นมา

 

 

ด้ายผูกชะตาบนข้อมือสลายหายไปอย่างหมดจด

 

 

“จีเฉวียน!” ตู๋กูซิงหลันหันร่างกลับไป ด้านหลังของนางมีเพียงเถ้าถ่านควันไฟที่ลุกโชนอยู่กลางดงดอกกุหลาบ

 

 

เมื่อไม่มีอาจารย์ ก็ไม่มีจีเฉวียน

 

 

ร่างของนางเปียกจนชุ่มโชกอยู่ในพายุฝน น้ำตาไหลนองจนกลบลูกนัยตา

 

 

“หมิงอ๋อง….ในที่สุดก็ตายแล้วสินะ?” ซื่อเป่ยส่งเสียงเย็นชามาจากทางด้านหลังของนาง

 

 

ทันทีที่เขาวาดง้าวออกไป ร่างจำแลงเหล่านั้นของตู๋กูซิงหลันก็ฉีกขาดเป็นสองส่วน

 

 

ร่างจำแลงกลับคืนสู่แผ่นยันต์โลหิตที่ขาดวิ่น

 

 

ลอยละลิ่วจนตกลงบนพื้นท่ามกลางสายฝน

 

 

ทันใดนั้นเอง ตู๋กูซิงหลันก็คว้าดาบยักษ์กลับขึ้นมาไว้ในมือ นางขยับร่างวูบเดียว ก็พุ่งเข้าหาเขาอย่างต้องการจะแลกชีวิต

 

 

บุรุษที่มีใบหน้าเหมือนกับพี่ใหญ่ผู้นี้ ฆ่าท่านอาจารย์!

 

 

และนางก็ยังไม่รู้เลยว่า เขาใช้ฝีมือชนิดใด ทำให้จีเฉวียนต้องประสบเหตุไปด้วย

 

 

ในสมองของนางตอนนี้มีแต่ความโกรธและเคียดแค้น

 

 

ทรวงอกปวดร้าวอย่างรุนแรง ในลำคอหวานวูบ เจ็บปวดใจเกินทนรับ จนต้องกระอักเลือดออกมา

 

 

ดาบยักษ์ยังไม่ทันฟันออกไป ก็เห็นซือเป่ยเหาะเข้ามาก่อน

 

 

เขาสูงส่งอยู่เบื้องบน มองดูนางด้วยสายตาของเทพที่มองดูผู้ต่ำต้อย

 

 

“แม้แต่อาจารย์ของเจ้าก็ยังสู้ข้าไม่ได้ แล้วเจ้าจะสู้ข้าได้อย่างไร?”

 

 

น้ำเสียงของเขาเย็นเฉียบราวหิมะ ไม่ได้เห็นตู๋กูซิงหลันอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ

 

 

“สาวน้อย ข้าคือเทพไท้บนสรวงสวรรค์ย่อมไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ หากเจ้ายอมจำนน ข้าผู้เป็นแม่ทัพจะรับเจ้าเอาไว้ ให้เจ้าได้เป็นนางกำนัลน้อยบนตำหนักในสรวงสวรรค์ โอกาศที่ดีเลิศเช่นนี้ เจ้าอย่าได้ปล่อยผ่านไป”

 

 

ซือเป่ยรู้สึกว่าตนเองช่างเป็นผู้ที่มีจิตใจกว้างขวางจริงๆ แม้ว่าเขาจะจงเกลียดจงชังหมิงอ๋อง แต่ก็มิได้เอาความโกรธเกลียดนี้ไปลงกับผู้อื่น

 

 

อย่างเช่น…..สาวน้อยผู้นี้ ดูสิเขาถึงกับดีต่อนางเป็นพิเศษ

 

 

ด้วยอายุเพียงไม่เท่าไหร่ แต่นางกลับสามารถฝึกฝนได้ถึงเพียงนี้ ดูแล้วช่างไม่เลวเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เผ่าเทพ แต่หากสั่งสอนให้ดี ต่อไปจะต้องโดดเด่นเป็นพิเศษอย่างแน่นอน

 

 

อย่าว่าแต่….ใบหน้าของนาง ช่างคล้ายคลึงกับคนผู้นั้นเหลือเกิน

 

 

หากว่าเง็กเซียนฮ่องเต้ได้ทรงเห็น….ก็จะต้อง…….

 

 

พอคิดได้เช่นนี้ ซือเป่ยก็ตัดสินใจได้ในทันที

 

 

“ฝันไปเถอะ” ตู๋กูซิงหลันใช้มือข้างเดียวถือดาบ เรือนร่างที่บอบบางยืนตรงดุจพู่กัน

 

 

แม้ว่านางจะโลภมากและกลัวตาย ใช้เวลาส่วนมาในชีวิตกระทำเรื่องที่ไม่กลัวอับอายขายหน้า แต่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้นางต้องตาย ก็ไม่ขอก้มหัวให้กับศัตรูคู่แค้นที่สังหารอาจารย์

 

 

เผ่าเทพบนสรวงสวรรค์!

 

 

นางจะจดจำเอาไว้ หากว่าวันนี้สามารถรอดไปได้ เมื่อใดที่นางพบพวกเทพก็จะสังหารเทพ ชาวสวรรค์เหล่านั้น ไม่ให้เหลือรอดแม้แต่เพียงผู้เดียว!

 

 

นางก็เป็นคนเช่นี้เอง ผู้ที่นางทะนุถนอม ไม่ว่าใครก็อย่าได้แตะต้อง!

 

 

หากกล้าลงมือ ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมา!

 

 

สองคำนั้น ทำเอาสีหน้าของซือเป่ยเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที เขากุมง้าวสีทองเอาไว้แน่น

 

 

สายตาที่แหลมคมราวมีดดาบพุ่งไปที่ร่างของนาง

 

 

“ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” น้ำเสียงที่เย็นชาดังออกมา “ข้าผู้เป็นแม่ทัพถูกใจเจ้า ก็ต้องนับว่าเป็นบุญกุศลที่เจ้าสั่งสมมาแปดชาติแล้ว!”

 

 

เหล่าผู้ที่บำเพ็ญเพียรอยู่ในโลกนี้ จะมีใครบ้างที่ไม่เค้นสมองครุ่นคิดจนหัวแทบแตกเพื่อจะได้ขึ้นสวรรค์กลายเป็นทวยเทพที่ผู้คนยกย่อง

 

 

เขาอุตส่าห์มอบโอกาสนี้ให้กับนาง นางกลับไม่รู้จักไขว่คว้าเอาไว้?

 

 

ดีนัก….

 

 

เช่นนั้นก็ตายไปเสียเถอะ!

 

 

ถึงอย่างไร ก็แค่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงอยู่บ้างเท่านั้น

 

 

ในเมื่อมิใช่ร่างหลักที่แท้จริง เช่นนั้นตายก็ตายไปเถอะ

 

 

ร่างของซือเป่ยกำจายไอสังหารออกมาอีกครั้ง ง้าวทองคำในมือพุ่งเข้าหาทรวงอกของนางอย่างไม่มีลังเล

 

 

จะจัดการกับเด็กสาวเช่นนาง เขาไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาปักษายักษ์ด้วยซ้ำ

 

 

“กะ กะต๊าก!” เมื่อครู่ติ๊งต๊องชักช้าไปก้าวหนึ่ง แต่ว่าครั้งนี้มันจะไม่ยอมชมดูอยู่ที่ด้านข้างอีกต่อไป

 

 

มันอ้าปากกว้างพ่นเปลวเพลิงสีทองออกมา ทางหนึ่งพ่นไฟ ทางหนึ่งก็กระพือปีกขึ้นมา กางเล็บและอ้าปากจิกใส่ซือเป่ย

 

 

ยามปกติ ที่มันสามารถต่อกรกับจีเฉวียนได้นั้น ก็เป็นเพราะว่าจีเฉวียนเห็นแก่หน้าของตู๋กูซิงหลัน ยอมอ่อนข้อให้กับมัน

 

 

แต่เมื่อถึงยามที่ต้องเผชิญหน้ากับทวยเทพจากแดนสวรรค์ แค่อีกฝ่ายฟาดง้าวลงมา กรงเล็บไก่กุ๊กของมันก็แทบจะถูกตัดออกมาแล้ว

 

 

ยังดีที่ตู๋กูซิงหลันสายตาแหลมคมฝีมือว่องไว สะกิดเท้าออกไปครั้งหนึ่ง ติ๊งต๊องก็ถูกเตะลอยออกไปไกลหลายร้อยเมตรแล้ว

 

 

นางกลับพุ่งเข้าไปรับง้าวของซือเป่ยด้วยตนเอง

 

 

ยามเมื่อดาบยักษ์และง้าวสงครามกระแทกกัน ก็เกิดสายฟ้าจนทำให้หัวใจของนางสั่นสะท้าน

 

 

นางขับเคลื่อนพลังของเผ่ามังกรทมิฬออกมา แต่เพราะว่าอายุยังน้อยจนเกินไป นางจึงยังไม่อาจควบคุมพละกำลังนั่นได้ดั่งใจปรารถนา ผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ คือเทพสงครามตัวจริง….ที่มีชีวิตมานานกว่าหลายหมื่นปี

 

 

พละกำลังของทั้งสองแตกต่างกันอย่างมาก

 

 

พอปะทะกันหลายครั้งเข้า ตู๋กูซิงหลันก็ต้องถึงกับกระอักเลือดสดๆออกมา

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าตนเองช่างอ่อนแออย่างที่สุด

 

 

หากว่านาง…..แข็งแกร่งได้เหมือนอย่างอาจารย์……บางทีอาจารย์…..และจีเฉวียนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นหรือตาย คงจะไม่ต้องมามีจุดจบเช่นนี้

 

 

“สาวน้อย ข้าแม่ทัพบอกแล้วว่า เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้า!” ซือเป่ยกุมง้าวไว้แผ่พลังกดดันลงมา

 

 

ในใจของเขามีความประหลาดใจอยู่บ้าง

 

 

ปกติยามที่เขาลงมือ เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็สมควรจะสามารถปลิดชีวิตอีกฝ่ายลงมาได้แล้ว แต่ว่าสาวน้อยที่อายุเพียงสิบกว่าปีนี้กลับสามารถต้านทานเอาไว้ได้

 

 

ทำให้เขารู้สึกว่าฐานะความเป็นเทพสงครามของเขากำลังถูกท้าทาย

 

 

แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าต้นกล้าที่ดีถึงเพียงนี้หากฆ่าทิ้งไปก็ออกจะน่าเสียดาย

 

 

เขายินดีจะให้โอกาสนางอีกครั้ง ขอเพียงนางผงกศีรษะรับ เขาก็เต็มใจจะพานางไปยังสวรรค์

 

 

แต่ว่าคำพูดนี้ยังไม่ทันได้ออกจากปาก ก็เห็นสาวน้อยผู้นั้นเขวี้ยงยันต์สีแดงออกมาหลายผืนอย่างไม่เสียดายชีวิต

 

 

ซือเป่ยมองดูเพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่านางต้องการจะทำอะไร

 

 

“ตกตายตามกันหรือ?” ดวงตาของเขาเคร่งขรึมขึ้นมา

 

 

จนถึงบัดนี้แล้ว นางยังสามารถเสกยันต์ออกมาได้มากมายถึงเพียงนี้ คิดจะสร้างเป็นค่ายกล

 

 

หากบอกอย่างรวบรัดก็คือ ยันต์นี้คือคำสาปที่ ‘ต่อให้ต้องตายก็ขอลากคนไปลงหลุม’

 

 

นางคิดจะใช้พลังชีวิตของตนเองเป็นข้อแลกเปลี่ยน สาปให้คนที่ต้องอาคมลงหลุมไปเป็นเพื่อน

 

 

สาวน้อยผู้หนึ่งสามารถทำได้ถึงเพียงนี้ ยิ่งทียิ่งทำให้เขารู้สึกว่าเหนือความคาดหมายแล้ว

 

 

ฝ่ามือของซือเป่ยเรืองแสงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำลายยันต์สีแดงของนางจนแหลกละเอียดก่อนที่จะร่ายคาถาสร้างเขตอาคมสำเร็จ

 

 

ไม่น่าเชื่อว่าเขาที่เป็นถึงเทพบนสวรรค์ จะเกือบถูกสาวน้อยผู้หนึ่งสังหาร หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปมิกลายเป็นหัวข้อขบขันไปทั่วหกภพภูมิหรอกหรือ?

 

 

ดังนั้นเขาจึงวาดฝ่ามือออกไปในทันที ตัดสินใจกำจัดเด็กสาวผู้นี้ให้ดับสูญ

 

 

แต่ว่าในชั่ววินาทีนั้นเอง ก็เห็นที่ด้านหลังภูเขาพลันเกิดความเคลื่อนไหวอึกทึกครึกโครม มังกรยักษ์ที่มีหน้าเป็นมนุษย์ร่างเป็นมังกรส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง เหาะทะยานตรงมาจากด้านหลังภูเขา

 

 

ในขณะเดียวกันทันทีที่ฝ่ามือของซือเป่ยสัมผัสกับร่างของตู๋กูซิงหลัน ก็เห็นร่างของนางปรากฏแสงสีม่วงสว่างเรืองรองออกมา

 

 

ลำแสงนั้นระเบิดออกมาเจิดจ้า ซือเป่ยกำลังประมาททำให้ถอยไม่ทัน ลำแสงทำลายแขนซ้ายของเขาทิ้งไปในทันที

 

 

เขาร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

 

มองดูแสงสีม่วงเข้มบนปากแผลที่ยังไม่ทันจางหายไป

 

 

หมิงอ๋อง! เจ้าตัวร้ายผู้นั้นแม้ตนตายก็ยังไม่ยอมให้ศิษย์ของตนตายหรือ?

 

 

เขาถึงกับมอบพลังขุมสุดท้ายให้กับลูกศิษย์เพื่อเหลือทางรอดสายหนึ่งให้กับนาง!

 

 

………………………….