หลิงตู้ฉิงคือคนที่รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับแดนกระดูกขาว ดังนั้นเขาจึงสามารถแก้ความเข้าใจผิดของเสี่ยวเยว่เฟิงได้
เสี่ยวเยว่เฟิงถามขึ้นด้วยความสงสัย “นายท่าน กระดูกที่ใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่ราชาของเผ่าปีศาจกระดูกงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “หากมันเป็นราชาของเผ่าปีศาจกระดูกจริง ๆ มันจะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง?”
ราชาของเผ่าปีศาจกระดูกนั้นคือตัวตนระดับสูงที่อาศัยอยู่ในโลกเบื้องบน ไม่ใช่โลกเบื้องล่างที่ต่ำต้อยแบบนี้
หลังจากนั้นพวกเขาก็บินไปต่ออีกสักพัก พวกเขาก็ได้เห็นโครงกระดูกยักษ์อีกโครงหนึ่ง ซึ่งมีความยาวกว่า 2 กิโลเมตรและตั้งอยู่ในลักษณะนอนราบไปกับพื้น
สิ่งเดียวที่มันทำให้โครงกระดูกนี้ดูแปลกไปก็คือส่วนหัวของมันที่หายไป
“มีโครงกระดูกยักษ์อีกอันอยู่ตรงนี้ด้วย!” หลิงฟ่างหัวตะโกนขึ้น “ท่านพ่อ ตัวนี้มันคือตัวอะไรเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “มันคือลูกผสมระหว่างมังกรและอสูรน่ะ รูปร่างลักษณะของมันจะคล้ายกับกิ้งก่าแต่มันกลับมีทักษะบางอย่างที่เป็นของมังกร ซึ่งมันก็ถูกจัดอยู่ในสายพันธุ์ของมังกรล่ะนะ แต่ว่าเป็นสายพันธุ์ที่ด้อยกว่ามังกรที่แท้จริงเป็นอย่างมาก”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็กลายเป็นเหมือนกับ ‘คนนำคณะท่องเที่ยว’ เขาอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในแดนกระดูกขาวได้อย่างละเอียดยิบ
ในระหว่างทางกลุ่มของหลิงตู้ฉิงได้เห็นโครงกระดูกยักษ์ของตัวตนที่ทรงพลังมากมายในอดีต
หลิงไช่หยุนถอนหายใจ “มิน่าล่ะทำไมที่นี่ถึงถูกเรียกว่าแดนกระดูกขาว ที่นี่มันมีแต่กระดูกอยู่เต็มไปหมดเลยจริง ๆ”
เสี่ยวเยว่เฟิงหัวเราะ “คุณหนู เหล่ากระดูกที่ท่านเห็นอยู่ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น อันที่จริงเหตุผลที่สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าเขตแดนกระดูกขาวก็เพราะจริง ๆ แล้วเมื่อตอนแรกเริ่มพื้นที่ทั้งหมดของสถานที่แห่งนี้มันมีแต่กระดูกอยู่ในทุกตารางนิ้วแน่นเต็มไปหมด แต่บรรดากระดูกของตัวตนที่อ่อนแอนั้นมันย่อยสลายจนกลายเป็นดินโคลนไปหมดแล้ว ดังนั้นในตอนนี้มันจึงเหลือแต่โครงกระดูกใหญ่ ๆ ของตัวตนที่ทรงพลังให้ท่านได้เห็นแค่เท่านั้น”
หลิงไช่หยุน เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็มองไปที่พื้นดินเบื้องล่างด้วยสีหน้าตกตะลึง
“นี่มันไม่มากไปหน่อยงั้นเหรอ?” หลิงฟ่างหัวพึมพำกับตัวเอง
ถึงแม้ว่านางจะไม่ใช่คนที่เกรงกลัวการฆ่าล้าง แต่เมื่อนางมองไปที่พื้นดินเบื้องล่างที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา และคิดถึงจำนวนศพที่เพียงพอทับถมจนแน่นเต็มทั่วทุกพื้นที่นางก็รู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากคิดอยู่ได้สักพัก หลิงฟ่างหัวก็เอ่ยถามขึ้น “ทำไมที่นี่มันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่? จากที่ดูคร่าว ๆ แล้วมันต้องมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกฆ่าตายที่นี่!”
เสี่ยวเยว่เฟิงตอบกลับด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ว่ากันว่ากองกระดูกทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากคนเพียงคนเดียวที่ลงมือสังหาร ตัวตนที่น่ากลัวผู้นี้นับได้ว่าไร้เทียมทานในยุคของเขา หลายคนเรียกเขาว่ามหาปีศาจ เนื่องจากไม่มีใครกล้าที่จะเรียกชื่อที่แท้จริงของเขาตรง ๆ ความน่ากลัวของเขามันมากถึงขนาดที่ในภูเขาฟีนิกซ์ของเรา หากมีเด็กคนไหนที่ดื้อมาก ๆ พวกผู้ใหญ่สามารถเอาชื่อของปีศาจผู้โหดเหี้ยมผู้นั้นมาใช้ขู่เหล่าเด็ก ๆ ได้เลย ซึ่งมันได้ผลดีซะด้วย”
“โอ้ ปีศาจผู้นั้นน่ากลัวจริง ๆ!” หลิงไช่หยุนพูดขึ้น
หลิงฟ่างหัวถอนหายใจยาว
โม่หยูถังกลอกตา เนื่องจากเขามีหลายอย่างที่อยากจะพูดออกมาแต่เขาก็ไม่กล้า
ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากทำหน้ามุ่ย
ในระหว่างที่พวกเขาคุยกันไปเรื่อย ๆ พวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงจุดศูนย์กลางของแดนกระดูกขาว ซึ่งหลงเฉินก็หยุดลงเมื่อเขาเห็นภาพที่ไม่น่ามองข้างหน้า
หลงเฉินหันกลับไปหาหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าตึงเครียด และพูดว่า “นายท่าน มีบางอย่างขวางทางพวกเราเอาไว้”
อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยเตือนก็ได้ เนื่องจากในตอนนี้ทุก ๆ คนก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้วเช่นกัน
ที่ด้านหน้าของพวกเขาไม่ไกลมากมันมีร่างเงาสีดำทมิฬขนาดยักษ์ลอยขวางทางอยู่
เมื่อเห็นว่ากลุ่มของหลิงตู้ฉิงหยุดลง ร่างเงาสีดำทมิฬก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหลอกหลอนว่า “ข้าหิว…ข้าไม่ได้กินอะไรมาหลายปีมากแล้ว….ข้าอยากกินเนื้อ…”
เสี่ยวเยว่เฟิงนั้นรู้เป็นอย่างดีว่ากลุ่มของนางจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ ดังนั้นนางจึงได้เตรียมตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว นางรีบหยิบเนื้อชิ้นโต ๆ จำนวนมากออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นนางก็โยนพวกมันไปที่ร่างเงาสีดำทมิฬ
เนื้อที่เสี่ยวเยว่เฟิงโยนออกไปหายเข้าไปในของร่างเงาสีดำทมิฬอย่างรวดเร็ว แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ร่างเงาสีดำทมิฬก็ยังคงส่งเสียงร้องออกมาอีก “พวกเจ้ามีเด็กสาวมาด้วยตั้งหลายคน…โยนมาให้ข้าสักคนหนึ่ง…จากนั้นพวกเจ้าถึงจะไปต่อได้….”
“นายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงหันไปมองที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาเป็นกังวล
หลิงตู้ฉิงเอ่ยถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าใช้วิธีแบบนี้ตลอดในการผ่านแดนกระดูกขาวงั้นเหรอ?”
เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้า “พวกเราทุกคนต่างใช้วิธีนี้กันทั้งนั้นในการผ่านแดนกระดูกขาว ตราบใดที่พวกเรามอบเนื้อหรือไม่ก็เลือดให้กับพวกมัน ส่วนใหญ่พวกมันก็จะปล่อยพวกเราไป แต่ในรอบนี้ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันเป็นอะไรถึงได้เหิมเกริมขนาดนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของหลิงตู้ฉิงก็เริ่มจะโกรธขึ้นเรื่อย ๆ “ใครมันเป็นคนริเริ่มแนวทางนี้ขึ้นมา?”
“คำแนะนำนี้มาจากเหล่าตัวตนเบื้องบนของภูเขาฟีนิกซ์ ตราบใดที่พวกเรามอบเนื้อหรือเลือดให้กับพวกมัน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับพวกมันเมื่อผ่านแดนกระดูกขาว” เสี่ยวเยว่เฟิงตอบกลับ
หลิงตู้ฉิงพ่นลมออกจมูกและถามขึ้นต่อ “กี่ปีแล้วที่พวกเจ้าทำแบบนี้กัน?”
“หลายปีมากแล้วนายท่าน” เสี่ยวเยว่เฟิงถอนหายใจ “แต่หลังจากที่พวกเราทำตามคำแนะนำนี้ พวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องต่อสู้กับเหล่าผีและปีศาจในนี้อีกเลย ซึ่งมันทำให้อัตราการบาดเจ็บล้มตายของพวกเราลดลงไปมากเมื่อพวกเราต้องการผ่านเขตแดนกระดูกขาวแห่งนี้”
“ไอ้พวกคนเผ่าเจ้านี่มันโง่เง่าจริง ๆ!” หลิงตู้ฉิงสบถขึ้น จากนั้นเขามองไปที่ร่างเงาสีดำและพูดขึ้นว่า “เจ้ามันเป็นแค่วิญญาณปีศาจชั้นต่ำที่อยู่ในระดับนภาคราม แต่กลับบังอาจมาขวางทางข้างั้นเหรอ รีบ ๆ ไสหัวออกไปให้พ้นทาง ข้ากำลังลังรีบไม่มีเวลามาใส่ใจเจ้าตอนนี้!”
วิญญาณปีศาจตอบกลับทันที “นี่เจ้าหมายความว่าเจ้าจะไม่ยอมทำตามที่ข้าของั้นเหรอ? พวกเจ้ามีกันตั้งหลายคน ข้าขอหนึ่งในพวกเจ้าแค่คนเดียวเท่านั้นเอง…”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าหมดความอดทน “ในเมื่อเจ้าอยากจะตายนักงั้นข้าจะจัดให้ หมิงยู่!”
เนื่องจากในตอนนี้พวกเขาอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของแดนกระดูกขาวพอดี ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงจำเป็นต้องใช้พลังของหมิงยู่เพื่อจัดการกับวิญญาณปีศาจตนนี้ที่อยู่ในระดับนภาครามให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นยิ่งอยู่นานไปมันจะยิ่งมีสิ่งชั่วร้ายอื่น ๆ มาพัวพันกับเขามากขึ้น และทำให้เขาเดินทางล่าช้ามากไปอีก
ในตอนนี้เขาโกรธและอยากจะไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ให้เร็วที่สุดเพื่อไปจัดการสะสางความเน่าเฟะทุกอย่างของที่นั่นให้มันเข้าที่เข้าทาง เพราะยิ่งเขาเข้าใกล้ภูเขาฟีนิกซ์มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็สัมผัสได้ถึงความเสื่อมถอยมากขึ้นเท่านั้น
ด้วยพลังของหมิงยู่ที่เกื้อหนุน หลิงตู้ฉิงจัดการกับวิญญาณปีศาจได้ภายในพริบตา
และก็เหมือนกับวิญญาณปีศาจที่อยู่ในเมืองหยูหลัน เมื่อวิญญาณของมันถูกชำระล้างมันก็เหลือแต่พลังวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งหลิงตู้ฉิงก็ควบแน่นพวกมันจนกลายเป็นผลึกและได้มา 50 กว่าก้อน และเขาก็แบ่งมันให้กับทุก ๆ คน
หลังจากวิญญาณปีศาจถูกทำลายไปแล้ว หลงเฉินก็รีบเดินทางต่อทันที
แต่ในระหว่างทางที่เขามุ่งหน้าไปต่อ พวกเขาก็ได้พบกับวิญญาณปีศาจไปตลอดทาง
สิ่งนี้มันทำให้สีหน้าของหลิงตู้ฉิงแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตราบใดที่พวกวิญญาณปีศาจมันไม่ได้เรียกร้องมากเกินไป หลิงตู้ฉิงก็ให้เสี่ยวเยว่เฟิงเป็นคนรับหน้าแทนไปก่อน เนื่องจากในตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะแก้ปัญหาของแดนกระดูกขาว
หลังจากเวลาผ่านไป 1 ปี ในที่สุดพวกเขาก็หลุดพ้นออกมาจากแดนกระดูกขาวได้อย่างปลอดภัย และเดินทางถึงอาณาเขตฟีนิกซ์!