เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 1100
หลังจากวางสายโทรศัพท์ หยางเฟิงกล่าวกับเย่เมิ่งหยานว่า “ที่รัก เฉินตงจัดงานเลี้ยงรับรองเย็นนี้ เขาเชิญผู้คนจากทุกสาขาอาชีพในสิงเตาเข้าร่วมงานเลี้ยง นี่เป็นโอกาสสําหรับเฟิงเมิ่งกรุ๊ปของเราที่จะเปิดตัวในสิงเตา เราไปร่วมงานเลี้ยงตอนเย็นกันเถอะ”
“โอเค!” เย่เมิ่งหยานยิ้มและพยักหน้า: “ตราบใดที่มันเป็นประโยชน์ต่อเฟิงเมิ่งกรุ๊ป แน่นอนว่าฉันจะเข้าร่วม”
หลังจากนั้นเย่เมิ่งหยานก็เปลี่ยนเป็นชุดราตรียาวสีดําเรียบหรูที่จัดเตรียมมา หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดราตรีแล้ว เย่เมิ่งหยานผู้มีเสน่ห์และงดงามอยู่แล้วก็ยิ่งโดดเด่นสะดุดตามากขึ้น เรือนผมยาวสลวยสีเข้มถูกรวบขึ้นไปมัดเป็นมวยผมที่ปักยึดไว้ด้วยปิ่นเพชรอันเล็กที่เรียบหรูแต่สะดุดตา ต่างหูคู่งามขับเน้นความงามของใบหน้าให้โดดเด่นขึ้น
หยางเฟิงมองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงงอยู่พักหนึ่ง เขาไม่คิดเลยว่าแค่ไปงานเลี้ยงนี้ เย่เมิ่งหยานจะจัดเต็มกับการแต่งตัวจนสะดุดสายตาและลมหายใจเขาขนาดนี้
เมื่อดึงสติกลับมาจากความงามของคนรักได้ เขารีบอ้อนวอนและพูดว่า “ที่รัก แค่งานเลี้ยงรับรองไม่ใช่เหรอ คุณต้องแต่งตัวให้จัดเต็มขนาดนี้เลยเหรอ”
จากมุมมองของหยางเฟิง แค่เขาและเย่เมิ่งหยานเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองได้ในชุดสุภาพทั่วไปตามมารยาท ก็เป็นการไว้หน้านักธุรกิจทั้งหลายในสิงเตามากพอแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพื่อการพัฒนาของเฟิงเมิ่งกรุ๊ป หยางเฟิงจะไม่มองพวกเขาด้วยซ้ํา
ยิ่งเย่เมิ่งหยานแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้ หยางเฟิงยิ่งไม่ชอบมัน เขายิ่งไม่อยากพาเย่เมิ่งหยานออกไปพบปะคนอื่นเลย เขาไม่ชอบให้คนมองภรรยาของเขาที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าหน้าผมแบบนี้
เขาหวงเมีย! เขาหึงหวงเมีย! พอใจไหม!
เมื่อเห็นหยางเฟิงแสดงอาการหึงหวง เย่เมิ่งหยานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลกเล็กน้อย เธอรู้สึกดีที่สามีของเธอหวงเธอขนาดนี้ ขณะที่อดภูมิใจเล็กน้อยไม่ได้เข่นกันในความงามของตัวเอง
“คนที่มาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ล้วนเป็นนักธุรกิจจากทุกสาขาอาชีพในซิงเต่า แน่นอนว่าฉันต้องแต่งตัวให้ดีและเข้ากันได้ดีกับพวกเขา มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาในอนาคตของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปในสิงเตานะคะ”
เย่เมิ่งหยานพูดอ้อนวอนหยางเฟิง และในที่สุด เธอก็กล่อมให้สามีของเธอแต่งตัวด้วยชุดหรูที่ดูดีและเข้าคู่กับชุดสวยของเธอได้ แน่นอนว่าเธอเตรียมพร้อมมาแล้วสำหรับการทำให้สามีของเธอเด่นที่สุดคู่กับเธอ ชุดสูทสีขาวสะอาดพร้อมรองเท้าหนังมันวับเป็นคำตอบของเธอในคืนนี้สำหรับหยางเฟิง
ต่อให้หยางเฟิงไม่อยากแต่งตัว แต่เย่เมิ่งหยานก็กล่อมให้หยางเฟิงสวมชุดสูทสีขาวได้อยู่ดี ไม่ว่าเขาจะอยากใส่หรือไม่อยากใส่ชุดสีขาวที่ไม่เข้ากับสไตล์ของเขาเลยก็ตาม
แต่เมื่อหยางเฟิงสวมชุดสูทสีขาวเสร็จแล้ว เย่เมิ่งหยานก็ถึงกับตกตะลึง เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะดูดีเกินจินตนาการของเธอไปมากขนาดนี้
กำยำสมชายชาตรีเหลือเกิน กล้ามเนื้อภายใต้ชุดสีขาวนั้นน่าลูลคลำเหลือเกิน!
แววตาท่าทางที่แสดงออกบนเครื่องหน้าได้สริมความเด่นของบุคลิกคุณชายสูงศักดิ์ในชุดสูทสีขาวให้เหนือขึ้นไปอีกระดับ!
กลิ่นอายร่างกายทั้งหมดแสดงออกถึงความเย่อหยิ่งถือดีที่สะกดสายตาทุกคนได้!
พริบตานั้นเอง เย่เมิ่งหยานอ้าปากค้าง จินตนาการของเธอวิ่งพล่านอย่างรวดเร็ว ภาพในจินตนาการทำให้เธอถึงกับน้ำลายไหลโดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าภาพในจินตนาการนั้นไม่เหมาะกับเด็กดีสักเท่าไหร่ ให้ตายสิ การมีสามีแบบนี้มันยิ่งกว่าโชคสามชั้นแถมด้วยขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดอีก
หยางเฟิงอดหัวเราะไม่ได้และพูดว่า “ที่รัก คุณน้ำลายไหลแล้ว”
เฮือก!
เย่เมิ่งหยานกรีดร้องอุทายอย่างตกใจ เธอรีบเช็ดน้ำลายที่มุมปากอย่างรวดเร็วจากมุมปากของเธอด้วยมือของเธอ เธออุตส่าห์แต่งชุดสวยมา ไม่คิดเลยว่าจะเสียอาการจนหมดสวยเพราะสามีของตัวเองแบบนี้
……
ในเวลานั้นเอง ณ อาคารสํานักงานที่เพิ่งซื้อโดยเฟิงเมิ่งกรุ๊ป
ในเวลานี้อาคารสํานักงานได้รับการทาสีอย่างสมบูรณ์แล้ว แม้แต่อุปกรณ์สำนักงานยิบย่อยและเครื่องเรือนสำหรับรองรับพนักงานทั้งหมด เช่น โต๊ะ เก้าอี้ โซฟารับแขก และคอมพิวเตอร์ ทุกอย่างพร้อมสำหรับการทำธุรกิจแล้ว
แต่ทว่ายังมีระบบประปาบางส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จ ห้องน้ำที่เพิ่งตกแต่งใหม่บางส่วนตามมาตรฐานสากลของเฟิ่งเมิ่งกรุ๊ปยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะกำลังคนในการตกแต่งไม่พร้อม แต่เป็นเพราะต้องอาศัยเวลารอคอยให้วัสดุบางอย่างเข้าที่ตามมาตรฐานการก่อสร้าง ถ้าปูนยังไม่แห้ง คุณก็ต้องรอจนแห้งก่อน จริงไหมล่ะ
เมื่อมองเช่นนี้แล้ว การตกแต่งอาคารสํานักงานจะแล้วเสร็จในเวลาเพียงสามวันแทนที่จะเป็นหนึ่งสัปดาห์ แน่นอนว่าเสร็จเร็วกว่าแผนที่วางไว้ถือเป็นเรื่องดี
ทันใดนั้น เงาร่างหลายคนพุ่งเข้ามาในอาคารสำนักงานอย่างรวดเร็ว พวกมันตรงไปยังห้องทำงานหลักสำหรับพนักงานหลายสิบคนของเฟิ่งเมิ่งกรุ๊ปทันที
“พวกแก ตามฉันมา”
ต่งกั้ว กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน รอยยิ้มชั่วร้าย และท่าทางลำพองใจ เขาสำรวจมาแล้วว่าในตอนนี้ไม่มีคนงานก่อสร้างเหลืออยู่เลย แม้แต่ยามรักษาความปลอดภัยของตึกก็ไม่มีอยู่ ซึ่งเขาก็ไม่แปลกใจเพราะเฟิงเมิ่งกรุ๊ปย่อมไม่ให้บริษัทอื่นเข้ามาดูแลความปลอดภัยของอาคารของตนเองแน่นอน ตระกูลหลี่เองก็ไม่ไว้ให้บริษัทของคนอื่นเข้ามาดูแลความปลอดภัยของอาคารสำนักงานของตัวเองเหมือนกัน ดังนั้น ในยามนี้ในคืนนี้ จึงไม่มีทั้งยามและคนงานคอยดูแลตึกแห่งนี้
หลังจากรู้ว่าเฟิงเมิ่งกรุ๊ป ซื้ออาคารสํานักงานทั้งหมดเขาก็โกรธแค้นขึ้นมาทันที เขาไม่ได้คาดหวังว่าแผนการของเขาจะถูกเฟิงเมิ่งกรุ๊ปเอาชนะได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้งานสําเร็จลุล่วงตามที่หลี่เหิงมอบหมายไว้ ตงกั๋วตั้งใจจะออกไปลงมือด้วยตนเอง คราวนี้ตงกั๋วนํายอดฝีมือนับสิบคนจากตระกูลหลี่มาสร้างปัญหาให้กับเฟิงเมิ่งกรุ๊ปโดยเฉพาะ!
ปัง!
เมื่อเขามาถึงประตูทางเข้าที่มีโต๊ะประจำจุดตรวจของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาก็เตะประตูนั้นกระจุยไปในทันทีด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว จากนัน้ ตงกั๋วก็เปิดประตูกันขโมยแล้วเดินเข้าไปข้างใน
“เข้าไปเลย ทุกคน ไปจัดการซะ”
เมื่อพ้นทางเข้าสู่อาคารสํานักงานแล้ว ทั้งหมดที่ตงกั๋วและคนของเขาเห็นในห้องทำงานหลักคือโต๊ะและเก้าอี้ คอมพิวเตอร์และเครื่องใช้สำนักงาน แต่ทว่าเขากลับสะดุดตาเข้ากับเก้าอี้ผู้บริหารตัวหนึ่งที่โต๊ะผู้บริหารภายในห้องนั้น บนนั้นมีร่างของชายรูปร่างแข็งแรงกำยำแผ่กลิ่นอายดุดันนั่งอยู่ จากนั้นคนที่นั่งบนเก้าอี้สำนักงานทั้งหมดก็หันมาทางพวกเขา…
ร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สํานักงานเหล่านั้นเป็นผู้ชายร่างกำยำแข็งแรง
ทันใดนั้นตงกั๋วก็ตกใจ มียอดฝีมือจำนวนมากซ่อนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้ยังไงโดยที่เขาตรวจจับไม่ได้เลย
แปะ! แปะ! แปะ!
ขณะเดียวกันกับที่เสียงตบมือดังขึ้นสามครั้ง ไฟในอาคารสํานักงานทั้งหลังก็เปิดขึ้น ส่องสว่างเห็นสภาพแวดล้อมภายในอย่างชัดเจน ท่าทางผู้คนที่ตงกั๋วพามานั้นแฝงไปด้วยความตระหนกในการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันแบบนี้
ปัง!
ประตูกันขโมยด้านหลังของตงกั๋วถูกปิดอย่างแรงและรวดเร็ว เมื่อเห็นเช่นนิ้ ตงกั๋วตระหนักถึงสถานการณ์ตรงหน้าได้ทันที สภาพแบบนี้ย่อมเป็นกับดักแน่นอน แล้วสีหน้าของตงกั๋วก็เปลี่ยนไปในทันที
“พวกแกเป็นใคร”
“พวกแกมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาให้กับเฟิงเมิ่งกรุ๊ปของเรา แล้วพวกแกดันมาถามว่าพวกเราเป็นใครเนี่ยนะ พวกแกสมองขี้เลื่อยแล้วหรือไง ”