บทที่ 1343 มุ่งหน้าสู่ทะเลสาบผอหยาง

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“ท่านลุงพวกเรารีบตามไปดู!”
  เมื่อเห็นหลงเทียนฟางถูกหลิงหยุนไล่ล่าออกไปไกลหลงเทียนซินก็รีบชวนหลงฮ่าวเฉียนให้ตามไปทันที
  “ไม่รู้ว่าเทียนฟางจะเป็นอันตรายหรือไม่”
  หลงเทียนฟางร้องบอกด้วยความกังวลใจเพราะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะสามารถทำลายเกระป้องกันของหลงเทียนฟาได้ เขาจึงร้อนใจและกระวนกระวายใจยิ่งนัก
  “เทียนซิน..ไม่ต้องรีบร้อนไปนัก เทียนฟางไม่เป็นอะไรแน่! เข้าเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) แล้ว และหากเขาเผาหยดหลงหยวน ความแข็งแกร่งของเขาก็เทียบกับข้าได้ทีเดียว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะถูกหลิงหยุนสังหารได้ !”
  หลงฮ่าวเฉียนครุ่นคิดดีแล้วจึงไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลแต่อย่างใดและได้อธิบายให้หลงเทียนซินคลายกังวล
  จากนั้นหลงเทียนซินก็ได้ยินหลงฮ่าวเฉียนพูดต่อ“อีกอย่าง ภายในจุดซือไห่ของเทียนฟางก็มีมังกรจริงๆว่ายวนอยู่ หากเกิดอันตรายกับเทียนฟางถึงชีวิตขึ้นจริงๆ ดวงจิตของมังกรตนนั้นต้องออกมาปกป้องเจ้านายของมันไว้ ไม่มีทางปล่อยให้เทียนฟางถูกสังหารตายอย่าแน่นอน!”
  จากนั้นหลงฮ่าวเฉียนก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยต่อด้วยความสงสัย “เพียงแต่ข้าเองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่า หลิงหยุนจะมีไพ่ในมืออะไรอีกเท่านั้นเอง!”
  หลงฮ่าวเฉียนนั้นกำลังคิดไม่ต่างจากคนตระกูลเย่เลยพวกเขาคาดหวังว่าหลิงหยุนจะต้องใช้กระบี่หยางพิสุทธิ์ แต่สุดท้ายหลิงหยุนก็ไม่ได้ใช้ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกเป็นกังวล เพราะรู้ว่าหลิงหยุนน่าจะยังมีไพ่อยู่ในมืออีกมาก เวลานี้แม้ขั้นพลังของหลิงหยุนจะเป็นรอง แต่กลับยังสามารถทำลายเกราะป้องกันของหลงเทียนฟางได้อย่างไม่น่าเชื่อ!   หลังจากสนทนากันอยู่ครู่หนึ่งทั้งคู่จึงค่อยกระโดดไล่ตามคนทั้งสองไปทันที!
  ……
  หลิงหยุนกับหลงเทียนฟางไล่ไล่ล่ากันจนออกไปนอกเขตหุบเขาหลงเฟิงคนตระกูลเย่ทั้งสามต่างก็พากันเหาะตามไปเช่นกัน แต่ก็ไม่รีบร้อนเท่าหลงฮ่าวเฉียนกับหลงเทียนซิน ทั้งสามจึงค่อยๆเหาะตามไปพร้อมกับพูดคุยกันไปด้วย
  เย่เทียนตูยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย“ดูเหมือนหลิงหยุนจะมีไพ่ในมืออยู่มากมายนัก แต่ข้ากลับมีกระบี่เหินเพียงเล่มเดียว!”
  เย่ชิงซินได้ยินจึงค่อยๆชะลอความเร็วลงจากนั้นจึงหันไปมองเย่เทียนตู่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มงวดดุดัน
  “เทียนตูอย่าให้สิ่งใดสั่นคลอนดวงจิตกระบี่ของเจ้าได้!”
  หลังจากตำหนิเย่เทียนตูไปแล้วเย่ชิงซินจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลมากขึ้น “ไม่ว่าจะมีไพ่ในมือมากเพียงใดก็ตาม แต่จะมีเพียงสิ่งเดียวที่แข็งแกร่งที่สุด และไพ่ในมือที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเย่เราก็คือกระบี่เหินเฟยเจี้ยน และตราบใดที่ดวงจิตกระบี่มั่นคงไม่สั่นคลอน ต่อให้คู่ต่อสู้จะมีมีไพ่ในมือมากมายเพียงใด ก็ย่อมสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน!”
  เย่เทียนตูนั้นเข้าใจในคำพูดของเย่ชิงซินได้ดีเขาจึงพยักหน้าด้วยสีหน้าที่มั่นอกมั่นใจมากยิ่งขึ้น!
  หลังจากที่เย่ชิงซินอบรมเย่เทียนตูไปแล้วนางก็พึมพำออกมาเสียงเบาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่เด็กหลิงหยุนนั่น.. ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
  หลิงหยุนไม่เพียงมีดาราคุ้มกายที่แข็งแกร่งเป็นเกราะป้องกันแต่ยังมีวิชาหยางพิสุทธิ์ วิชาห้าธาตุสังหาร รวมทั้งวิชาพลังลับหยิน–หยาง
  วิชาพลังลับหยิน–หยางของหลิงหยุนนั้นไม่เพียงทำให้หลิงหยุนมีพลังปราณหยินและหยางไม่สิ้นสุดแล้ว แต่เขายังสามารถใช้พลังหยินและหยางนี้สร้างเป็นกระแสวนหยิน–หยาง เกราะลมปราณ โซ่หยิน–หยาง และปีกหยิน–หยางสำหรับใช้ในการจู่โจมคู่ต่อสู้ได้อีกด้วย..
  ดูเหมือนว่าการจะสังหารหลิงหยุนนั้นไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ง่ายๆและแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลย จากที่เย่ชิงซินคาดคะเน ผู้ที่จะสามารถกำราบหลิงหยุนได้ น่าจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาถึงหกขั้นขึ้นไป
  เวลานี้หลิงหยุนอยู่ในระดับสูงขั้นซานเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-3) ผู้ที่จะสามารถกำราบหลิงหยุนให้พ่ายแพ้ได้ น่าจะต้องอยู่ในระดับสูงสุดขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) ขึ้นไปเท่านั้น
  และนี่คือการประเมินของเย่ชิงซินหลังจากที่ได้เห็นการประลองของหลิงหยุนไปถึงสองครั้งสองครา..
  นั่นเพราะเวลานี้หลงเทียนฟางได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) แล้ว แต่ขุมกำลังหลังจากเผาหยดหลงหยวนแล้วก็อยู่ที่ขั้นปาเฉิงเชี่ (ขั้นพลังชี่-8) เวลานี้กลับยังต้องเหาะหนีการไล่ล่าของหลิงหยุน เย่ชิงซินจึงคาดการว่าผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) คงยากที่จะสามารถเอาชนะเขาได้เป็นแน่!
  เย่เทียนสุ่ยที่เหาะตามคนทั้งคู่ไปได้แต่ร้องตะโกนออกไปว่า“หลงเทียนฟางมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือเช่นนี้ น่าจะต้องไปที่ทะเลสาบผอหยางเป็นแน่!”
  ทั้งหลงเทียนฟางและหลิงหยุนนั้นเหาะไปด้วยความเร็วสูงสุดจนหลุดพ้นจากรัศมีจิตหยั่งรู้ของคนตระกูลเย่ทั้งสาม แต่เพราะร่างกายของคนทั้งคู่มีแสงสว่างเปล่งประกายเจิดจ้าออกมา พวกเขาทั้งสามคนจึงสามารถเหาะตามแสงสว่างนั้นไปได้
  เย่ชิงซินนึกชื่นชมเย่เทียนสุ่ยอยู่ในใจนางเหลือบมองไปทางเย่เทียนสุ่ยพร้อมกับตอบไปว่า “เจ้าคาดเดาได้ถูกต้อง! ร่างกายของเย่เทียนฟางนั้นเป็นกายามังกร และจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเมื่ออยู่ใกล้กับแม่น้ำ หรือว่าทะเลสาบ เขาจึงเลือกที่จะเหาะหนีไปทางทิศเหนือ และมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบผอหยางเพื่อต่อสู้กับหลิงหยุนที่นั่น”
  เพราะธรรมชาติของมังกรเมื่ออยู่ในน้ำนั้นจะสามารถอาศัยผืนน้ำสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองได้โดยธรรมชาติ!
  “นั่นสิ!ดูท่าหลงเทียนฟางไม่ได้ตั้งใจที่จะหนีหลิงหยุน แต่เขาจงใจเลือกภูมิประเทศที่ได้เปรียบเพื่อต่อสู้กับหลิงหยุนต่างหาก!”
  เย่เทียนตูพูดขึ้นด้วยแววตาเป็นประกายพร้อมกับยิ้มออกมา..
  “ใช่แล้ว!อย่าลืมว่าหลงเทียนฟางนับเป็นสายเลือดตระกูลหลงที่แข็งแกร่งยิ่งนัก หากปล่อยให้หลิงหยุนสามารถเอาชนะได้ง่ายๆ ตระกูลหลงที่อยู่มานานนับพันปีมิต้องถึงคราวล่มสลายอย่างนั้นรึ”
  เย่ชิงซินอธิบายด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม..
  หลังจากที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหลานชายทั้งสองคนแล้วเย่ชิงซินก็หันกลับไปมองเย่ซิงเฉินที่เหาะตามมา และเวลานี้ก็อยู่ไม่ไกลจากพวกตนนัก นางถอนหายใจออกมาเล็กน้อยพร้อมกับร้องบอกนางด้วยแววตาสับสน
  “แม่นางเย่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหลิงหยุนนัก คืนนี้ไม่ว่าอย่างไรหลงฮ่าวเฉียนก็ไม่ลงมือกับเขาแน่ อย่างมาก็เพียงแค่ช่วยชีวิตหลงเทียนฟางเท่านั้น!”
  หลิงหยุนเหาะออกจากหุบเขาหลงเฟิงเช่นนั้นเย่ซิงเฉินย่อมกังวลใจเป็นธรรมดา จึงรีบเหาะตามทันทีเช่นกัน
  “ขอบคุณอาวุโสที่ตักเตือน!”
  เย่ซิงเฉินเกรงว่าหลิงหยุนจะถูกศัตรูรุมทำร้ายนางจึงได้แต่เหาะตามมาด้วยความวิตกกังวลและร้อนใจ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ชิงซินก็นึกซาบซึ้งจ แต่ก็อดที่จะถามกลับไปไม่ได้.
  “เหตุใดอาวุโสจึงคิดเช่นนั้น”   เย่ชิงซินยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วจึงตอบกลับไปว่า “การประลองคืนนี้.. ตระกูลหลงมิได้มีจุดประสงค์ที่จะสังหารหลิงหยุน พวกเขาเพียงแค่ต้องการบีบให้หลิงหยุนเปิดไพ่ในมือที่มีทั้งหมดออกมาเท่านั้น อีกอย่าง.. การประลองครั้งนี้หมายถึงอนาคตระหว่างตระกูลหลงกับตระกูลหลิงในวันข้างหน้า หากหลงฮ่าวเฉียนลงมือจริง หลิงหยุนก็เพียงแค่หนีไป.. ก็เท่านั้น!”
  จากนั้นเย่ชิงซินก็ได้ย้ำอีกว่า“และหากหลงฮ่าวเฉียนกล้าทำเรื่องที่ไม่ไว้หน้าตนเองเช่นนั้นจริง ข้านี่ล่ะจะหยุดเขาเอง!”
  เย่ซิงเฉินไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเหตุใดเย่ชิงซินจึงต้องช่วยหลิงหยุนด้วย แต่ก็รีบพยักหน้าและเอ่ยขอบคุณนางทันที
  “ข้าน้อยขอบคุณอาวุโสยิ่งนัก!”
  จากนั้นเย่ซิงเฉินก็เหาะเข้าไปใกล้กับคนตระกูลเย่ทั้งสามมากขึ้น..
  ……  ภายในหุบเขาหลงเฟิงบนเขาหลงหู่..
  หลังจากที่คนตระกูลหลงตระกูลเย่ และเย่ซิงเฉินเหาะออกจากหุบเขาหลงเฟิงไปแล้ว ภายในหุบเขาหลงเฟิงจึงเหลือเพียงแค่หลวงจีนเจี๋วยหยวนแห่งเส้าหลิน และนักพรตชงซวีแห่งบู๊ตึ๊งเพียงสองคนเท่านั้น!
  ทั้งคู่ได้แต่หันไปมองหน้ากันจากนั้นนักพรตชงซวีจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นว่า..
  “เจี๋วยหยวนท่านคิดเห็นเช่นใดบ้าง”
  หลวงจีนเจี๋ยวหยวนตอบกลับไปทันที“อามิตาพุทธ.. เวลานี้ข้ามั่นใจยิ่งนักว่าทั้งพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพ ล้วนอยู่ในมือของหลิงหยุน!”
  นักพรตชงซวีพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูููดของหลวงจีนเจี๋ยวหยวนทันทีจากนั้นจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง
  “เช่นนี้แล้ว..หลังจากผ่านมาห้าพันปี หลิงหยุนก็คือคนผู้นั้นสินะ”
  หลวงจีนเจี๋ยวหยวนตอบยิ้มๆ“เป็นเขาก็ไม่เลวนักไม่ใช่รึ”
  นักพรตชงซวีรีบตอบกลับทันที“เช่นนั้นแล้วก็คงจะเป็นดังที่ท่านอาจารย์ของข้าเคยทำนายไว้ว่า อีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า ประเทศจีนจะแซงหน้ายุคราชวงศ์ฮั่นและถังนั้น คงจะหมายถึงเด็กหลิงหยุนผู้นี้เป็นแน่”
  “เอาล่ะ..พวกเราเองก็ไม่ควรอยู่ที่นี่เช่นกัน!”
  หลวงจีนเจี๋ยวหยวนไม่ต้องการที่จะคาดเดาอะไรอีกจึงได้เอ่ยปากบอกกับนักพรตชงซวีเช่นนั้น นักพรตชงซวีจึงไม่ต้องการถามอะไรอีก และได้แต่ตอบกลับไปว่า
  “ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราสองคนจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกทำไมกันเล่า”
  หลวงจีนเจี๋ยวหยวนกวาดสายตามองร่างไร้วิญญาณของหลวงจีนหออรหันต์ทั้งยี่สิบเอ็ดรูปพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย
  “หากท่านไม่รีบร้อนลงจากเขานักก็ช่วยข้าฝังร่างพวกเขาก่อนเถิด!”
  ……
  เวลานี้หลิงหยุนได้ไล่ล่าหลงเทียนฟางมาจนถึงทะเลสาบผอหยางแล้ว..
  ทั้งคู่เหาะมาด้วยคาวมเร็วที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักเพราะเป็นการเหาะด้วยความเร็วถึงห้าร้อยเมตรต่อวินาทีซึ่งนับว่าเร็วกว่าเสียงเสียอีก และเพียงแค่สี่นาทีทั้งคู่ก็มาถึงทะเลสาบผอหยางแล้ว!
  ตลอดระยะทางที่เหาะไล่ตามหลงเทียนฟางมานั้นหลิงหยุนก็ได้ปลดปล่อยหอกมังกรทองเข้าใส่ร่างของหลงเทียนฟางตลอดทาง แต่เขาก็สามารถหลบหลีกได้ทุกครั้งเช่นกัน
  นั่นเพราะความเร็วในการเหาะของหลงเทียนฟางนั้นเหนือกว่าหลิงหยุนและเวลานี้หลงเทียนฟางก็ทิ้งห่างหลิงหยุนไปราวสองกิโลเมตรได้ แม้ความเร็วของหอกมังกรทองจะเร็วมากก็ตาม แต่ก็ยังช้ากว่าความเร็วในการเหาะของหลงเทียนฟาง  “หลิงหยุนคราวนี้เจ้าเสร็จข้าแน่!”
  หลงเทียนฟางที่เหาะหนีการไล่ล่าของหลิงหยุนมาถึงทะเลสาบผอหยางแล้วก็รีบร้องคำรามออกไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อทันทีที่เห็นทะเลสาบผอหยางอยู่ตรงหน้า
  เย่เทียนสุ่ยคาดเดาได้อย่างแม่นยำ!
  หลงเทียนฟางเลือกที่จะเหาะมาที่ทะเลสาบผอหยางแห่งนี้ก็เพื่อที่จะใช้ภูมิประเทศที่ตนเป็นฝ่ายได้เปรียบนี้ รับมือกับหอกมังกรทองของหลิงหยุน และหาโอกาสสังหารเขาให้ได้!
  “หากเจ้าแน่จริงก็หยุดเหาะหนีข้าสิ!แล้วก็หันมาประมือกับข้าเสียที..”
  ทันทีที่หลิงหยุนเห็นทะเลสาบผอหยางปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาก็ถึงกับยิ้มบางออกมา และพอที่จะคาดเดาจุดประสงค์ของหลงเทียนฟางได้!
  หลิงหยุนหวาดกลัวผืนน้ำเช่นนั้นหรือ
  คำตอบคือไม่!เวลานี้หลิงหยุนไม่เพียงมียันต์จ้าวสมุทร แต่เขายังมีวิชาคลื่นคงคาอีกด้วย!
  ด้วยขุมพลังในขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) นี้ หลิงหยุนสามารถใช้วิชาคลื่นคงคาเปลี่ยนน้ำจำนวนมหาศาลในทะเลสาบผอหยาง ให้กลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังจู่โจมหลงเทียนฟางได้ เขาจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย!
  และเมื่อเหาะมาได้ไกลกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตรแล้วหลิงหยุนจึงได้ทำการเผาเสินหยวนอีกครั้ง!
  เวลานี้หลิงหยุนมีเสินหยวนอยู่กลางหว่างคิ้วเป็นหมื่นๆหยดต่อให้คืนนี้เขาต้องเผาเสินหยวนไปหลายพันหยด ก็ยังเหลืออยู่อีกมากมาย และหากเขาปล่อยให้ตนเองเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่ในตอนนี้ เสินหยวนของเขาก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นอีกเป็นสองเท่าเลยทีเดียว หลิงหยุนจึงไม่ได้นึกกังวลในเรื่องนี้
  และทันทีที่หลงเทียนฟางมาถึงใจกลางทะเลสาบผอหยางรังสีปราณมังกรรอบตัวเขา ก็ยิ่งเปล่งประกายสีทองเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น!   ภายในทะเลสาบผอหยางปลาใหญ่มากมายนับไม่ถ้วน ต่างก็พากันกระโดดขึ้นเหนือผิวหน้า และพากันว่ายตามร่างของหลงเทียนฟางไป ในขณะที่นกกระเรียนสีขาวจำนวนมาก ก็พากันบินมายังทะเลสาบผอหยาง จนเวลานี้บนท้องนภาเหนือทะเลสาบผอหยางได้กลายเป็นสีขาว และปกคลุมแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาจนหมด ทำให้ผืนน้ำด้านล่างเหลือเพียงความมืดมิด..
  “หลิงหยุน!ที่นี่เสมือนถิ่นของข้า ข้าอยากรู้นักว่าเจ้ายังจะมีลูกไม้อะไรมารับมืออีก”
  หลงเทียนฟางร่อนลงเหนือผิวน้ำทันทีและเวลานี้ร่างของหลงเทียนฟางก็ไม่ต่างจากมังกรสีทองตัวยาวที่กำลังพุ่งจากท้องฟ้าลงสู่ทะเลสาบผอหยางเบื้องล่าง!