บทที่ 1344 ผู้ใดคือมังกรตัวจริง

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“ถิ่นของเจ้างั้นรึข้าเกรงว่าจะไม่ใช่ถิ่นของเจ้าเพียงผู้เดียวน่ะสิ!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนตอบกลับไปในขณะที่จ้องมองร่างของหลงเทียนฟางที่ดำดิ่งลงไปใต้น้ำเขาไม่รีบร้อนที่จะจู่โจมหลงเทียนฟางนัก และเวลานี้ก็กำลังเหาะอยู่เหนือผิวน้ำคล้ายกำลังชั่งใจอยู่..
  จากนั้น..ภายใต้พลังจิตที่ที่แข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ แสงสีทองสุกสว่างที่มีความยาวกว่าสามเมตร หอกมังกรทองที่ดูคล้ายกับมังกรมีชีวิต ก็ได้พุ่งออกจากแผ่นหลังของหลิงหยุนไปราวกับมังกรที่กำลังโกรธเกรี้ยว..
  สิ่งสำคัญของหอกมังกรทองนั้นคือการควบคุมด้วยจิตใจของหลิงหยุนและที่สำคัญที่สุดคือหอกมังกรทองนี้เกิดจากการกลั่นปราณมังกรที่อยู่ตามกระดูกสันหลังสีทองของหลิงหยุนทั้งยี่สิบหกข้อ ซึ่งเชื่อติดต่อกับจุดตันเถียนอันมหัศจรรย์ของหลิงหยุน หลังจากที่ได้ดูดซับเอาปราณมังกรจำนวนมากในพระราชวังต้องห้ามเข้าไป กระดูกสันหลังของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองเข้มจนเกือบแดง ความแข็งแกร่งของกระดูกแต่ละท่อนนั้น จึงมีความแข็งยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์เสียอีก ด้วยเหตุนี้หอกมังกรของหลิงหยุนจึงสามารถทะลุทะลวงเกราะป้องกันของหลงเทียนฟางได้อย่างง่ายดาย
  ความจริงแล้วหลังจากที่ได้ดูดซับเอาปราณมังกรจักรพรรดิอายุกว่าหกร้อยปีเข้าไปหลิงหยุนก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์ในกระดูกสันหลังของตนว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกตินัก เขารู้สึกว่ากระดูกแต่ละท่อนนั้นซ่อนไว้ด้วยพลังที่แข็งแกร่ง และสามารถนำมาใช้ในการต่อสู้กับศัตรูได้ เพียงแต่เขาเองก็ยังไม่เคยได้ทดลองใช้
  เพราะตลอดการประมือภายในงานชุมนุมชาวยุทธนั้นเขาก็เพียงแค่ใช้วิชาหยางพิสุทธิ์เท่านั้น  แต่หลังจากงานชุมนุมชาวยุทธสิ้นสุดลงหลงเทียนฟางก็ปรากฏตัวขึ้น และบีบให้หลิงหยุนต้องประมือด้วยอย่างเลียงไม่ได้ หลังจากที่ได้ดูดซับเอาปราณมังกรทั้งสองตัวของหลงเทียนฟางเข้าไป หลิงหยุนก็ยิ่งสัมผัสได้ว่าพลังปราณที่อยู่ภายในกระดูกสันหลังของตนนั้นเริ่มหมุนเวียนรุนแรงมากขึ้น เขาจึงได้ทดลองให้วิชาห้าธาตุสังหารโดยใช้พลังของธาตุทองในการจู่โจมหลงเทียนฟาง
  และพลังธาตุทองของหลิงหยุนก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังเลยแม้แต่น้อยเพราะพลังในการจู่โจมศัตรูนั้นนับว่ายังเหนือกว่าวิชาหยางพิสุทธิ์เล็กน้อย!
  เวลานี้หลิงหยุนมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถรับมือการจู่โจมของหลงเทียนฟางได้ทุกรูปแบบเขาจึงไม่ได้รู้สึกกังวลใจนัก หลิงหยุนเหาะอยู่กลางโอกาส และกำลังอาศัยโอกาสนี้สำรวจภูมิประเทศของทะเลสาบผอหยาง ผืนน้ำภายในทะเลสาบ และสิ่งต่างๆที่อยู่โดยรอบ  หลังจากที่หลงเทียนฟางดำดิ่งลงไปใต้น้ำแสงสีทองสุกสว่างนั้นก็หายไปทันที ดูเหมือนว่าเขาจงใจที่จะซ่อนตัวชั่วคราว และเวลานี้ภายใต้ผืนน้ำในทะเลสาบผอหยางก็สงบนิ่งอย่างน่ากลัว
  ‘ธาตุทองและธาตุน้ำงั้นรึ’
  หลิงหยุนสำรวจลงไปที่พื้นน้ำเบื้องล่างพร้อมกับแอบคิดอยู่ในใจเงียบๆว่าตระกูลหลงนั้นไม่เพียงเป็นมังกรทอง แต่ยังเป็นมังกรน้ำอีกด้วย..
  “มิน่า..จึงได้เรียกว่ากายามังกร!”
  หลิงหยุนได้แต่แอบชื่นชมอยู่เงียบๆและเริ่มสอดส่ายสายตาสำรวจดูบริเวณทะเลสาบผอหยางโดยรอบ
  แม้ทะเลสาบผอหยางจะเป็นทะเลสาบที่ใหญ่และมีน้ำอยู่มากมายแต่ความลึกของมันก็มิอาจเทียบเท่าท้องทะเลได้ ความลึกโดยทั่วไปน่าจะอยู่ที่สิบถึงยี่สิบเมตรเท่านั้น ส่วนที่ลึกที่สุดก็ไม่น่าจะเกินตึกเจ็ดชั้น  แต่ถึงกระนั้น..หลิงหยุนก็ไม่สามารถมองเห็นก้นทะเลสาบได้ด้วยเหตุผลบางประการ ข้อแรก ยิ่งภายนอกมืดมิดเท่าไหร่ ใต้ท้องน้ำก็จะยิ่งมืดมิดกว่า และข้อที่สอง ภายใต้ผิวน้ำที่สงบนิ่งนี้ ก็คือกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว และยิ่งกระแสน้ำเบื้องล่างไหลเชี่ยวมากเท่าไหร่ ใต้น้ำก็จะยิ่งมีความขุ่นมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้เป็นเวลากลางวัน คนธรรมดาก็ยังไม่อาจมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำได้เลย
  ด้วยเหตุนี้ต่อให้หลิงหยุนเผาหยดเสินหยวนจนสามารถเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้ หากมองด้วยตาเปล่าลงไปในน้ำที่ใสไร้ตะกอน ก็จะสามารถมองลึกลงไปได้เพียงแค่เจ็ดสิบหรือแปดสิบเมตรเท่านั้น
  ส่วนจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนก็เช่นกันเวลานี้จิตหยั่งรู้ของเขาสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลถึงหกพันเมตรหากไร้สิ่งกีดขวาง แต่หากมองผ่านน้ำ หรือผ่านภูเขา ความสามารถในการเห็นก็จะลดหลั่นกันไป
  ด้วยเหตุนี้จิตหยั่งรู้ในรัศมีหกกิโลเมตรของหลิงหยุนจึงสามารถมองลงไปในน้ำที่ขุ่นและเชี่ยวนี้ได้เพียงแค่ห้าสิบหรือหกสิบเมตรเท่านั้น และเขาก็ไม่สามารถมองเห็นร่างของหลงเทียนฟางได้..
  แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลิงหยุนเขาจัดการเปิดเนตรหยิน–หยางออกดูทันที!
  หลิงหยุนเดินวิชาพลังลับหยิน–หยางเพื่อจัดการเปิดเนตรหยิน–หยางของตน แล้วภาพใต้น้ำที่ขุ่นและไหลเชี่ยวนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลิงหยุนอีกต่อไป
  เขาสำรวจดูที่ก้นทะเลสาบอย่างละเอียดแต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่เห็นร่างของหลงเทียนฟางอยู่ใต้น้ำ
  ‘เจ้าเด็กนั่นหายไปที่ไหนกัน’
  แม้กระทั่งใช้เนตรหยิน–หยางสำรวจหาดูใต้น้ำอย่างละเอียดแล้วหลิงหยุนก็ยังไม่เห็นหลงเทียนฟางอยู่ดี..
  หลิงหยุนมีวิชาพรางตัวของตนหลงเทียนฟางเองก็ย่อมต้องมีเช่นกัน และทันทีที่เขาดำดิ่งลงน้ำไปใต้น้ำ ก็ได้ใช้วิชาพรางตัวเพื่อหลบการตรวจจับจากหลิงหยุน
  ในเมื่อไม่สามารถมองหาเป้าหมายพบเขาย่อมไม่สามารถทำการจู่โจมได้!
  หลังจากที่สำรวจภูมิประเทศใต้น้ำอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดหลิงหยุนก็เหาะลงมาอยู่เหนือผิวน้ำไปราวสิบเมตร พร้อมกับร้องตะโกนยั่วยุหลงเทียนฟางทันที
  “หลงเทียนฟางเจ้าประกาศว่าจะจัดการกับข้าไม่ใช่รึ เหตุใดยังหดหัวอยู่ในกระดองเยี่ยงเต่าอยู่อีกเล่า? หากเจ้ายังไม่ออกมา ข้าจะเรียกเจ้าว่าเจ้าเต่าหัวหด ฮ่าๆๆๆ”
  หลิงหยุนนับเป็นผู้ที่สามารถยั่วยุอารมณ์โมโหของผู้อื่นได้เก่งยิ่งนักและหลงเทียนฟางก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้ เพราะตั้งแต่เขาเติบโตขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าเรียกเขาว่า ‘เจ้าเต่าหัวหด’ มาก่อนเลย!
  …
  ช่วงระหว่างที่หลิงหยุนกำลังมองหาหลงเทียนฟางอยู่ใต้น้ำนั้นเหล่าฝูงปลาฝูงกุ้งที่กำลังว่ายตามร่างของหลงเทียนเฟิงไปนั้น กลับว่ายหนีออกไปทันทีจนไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว..
  นั่นเพราะทันทีที่ร่างของหลิงหยุนบินต่ำลงมาใกล้ผิวน้ำนั้นภาพที่น่าอัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ!
  แม้แต่หลงเทียนฟางเองก็ถึงกับตกใจอย่างมากเช่นกัน!
  เพราะเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นปลาเล็กปลาใหญ่ หรือกุ้งหอยปูปลา ต่างก็พากันว่ายไปยังทิศทางที่ร่างของหลิงหยุนปรากฏ ราวกับว่ากำลังทำการคาราวะเขาก็ไม่ปาน!
  ไกลออกไป..ฝูงโลมาหัวบาตรนับร้อยๆตัวก็กำลังว่ายตรงเข้าไปหาหลิงหยุนอย่างรวดเร็ซ และเมื่อไปถึงพวกมันก็พากันกระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ แสดงการคาราวะต่อหลิงหยุนเช่นกัน!
  ไม่เพียงแค่ในน้ำแต่ท้องนภาก็ไม่ต่างกัน.. เวลานี้ฝูงนกกะเรียนขาวจำนวนมากมายมหาศาล ได้บินกลับมาอีกครั้งหลังจากที่บินจากไปเมื่อร่างของหลงเทียนฟางหายไปใต้น้ำ แต่ครั้งนี้พวกมันพากันบินตรงไปทางหลิงหยุนที่เหาะอยู่กลางอากาศ จากนั้นจึงพากันบินวนเป็นวงกลมรอบตัวเขาอยู่หลายรอย!
  หลงเทียนฟางย่อมคุ้นเคยกับภาพเช่นนี้เป็นอย่างดีเพราะตั้งแต่เล็กจนโตเขาก็พบเห็นภาพที่เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ทำการคาราวะมังกรผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาอย่างคุ้นตา เวลานี้หลงเทียนฟางตกใจและชาไปทั้งร่าง!
  แต่ถึงอย่างไรหลงเทียนฟางในฐานะทายาทตระกูลหลง ย่อมต้องรู้เรื่องราวความลับต่างๆเกี่ยวกับมังกรได้เป็นอย่างดี และรู้ว่าที่ฝูงสัตว์ตามหลิงหยุนไปนั้น หาใช่เพราะหลิงหยุนเป็นมังกร แต่เป็นเพราะปราณมังกรในร่างของเขาต่างหาก
  และในระหว่างที่เขาเก็บปราณมังกรกลับเข้าไปในร่างและซ่อนตัวอยู่เช่นนี้ สิ่งเดียวที่สามารถอธิบายภาพที่ปรากฏขึ้นนี้ได้ก็คือ.. หลิงหยุนเป็นมังกรที่แท้จริงเช่นกัน!   แต่ผู้ใดกันเล่าที่เป็นมังกรที่แท้จริง
  เมื่อคิดได้เช่นนี้หลงเทียนฟางก็ได้แต่นึกเดือดดาลประกอบกับคำพูดยั่วยุของหลิงหยุนเมื่อครู่ เวลานี้หลงเทียนฟางเดือดดาลอย่างที่สุด เขาร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห
  “หลิงหยุนข้าจะฆ่าเจ้า!”
  ครืน..ครืน..
  จากนั้น..น้ำภายในทะเลสาบผอหยางก็ค่อยๆหมุน และกลายเป็นคลื่นลูกใหญ่สูงมากกว่าสิบเมตร!
  และนี่คือวิชามังกรน้ำของหลงเทียนฟาง!
  ภายในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียวคลื่นสูงมากว่าสิบเมตรก็ได้พุ่งทะยานขึ้นกลางอากาศดูไม่ต่างจากกำแพงขนาดมหึมา จากนั้นคลื่นลูกใหญ่นี้ก็พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนทันที!
  เสียงคลื่นลูกยักษ์ที่พุ่งขึ้นนั้นส่งเสียงดังครืนๆสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ!
  “ฮ่าๆๆที่แท้เต่าหัวหดอย่างเจ้าก็ซ่อนตัวอยู่ตรงนี้เองหรอกรึ”
  หลิงหยุนหัวเราะออกมาเสียงดังจากนั้นจึงรีบใช้พลังจิตสร้างหอกมังกรทองพุ่งตรงเข้าไปยังตำแหน่งที่ซ่อนตัวของหลงเทียนฟางอย่างรวดเร็ว
  และในที่สุดหอกมังกรทองของหลิงหยุนก็พุ่งเข้าใส่ร่างของหลงเทียนฟางอีกครั้ง!
  ในระยทางเพียงแค่นี้หอกมังกรทองของหลิงหยุนนั้นพุ่งไปด้วยความเร็วที่ผู้ใดก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ แต่หลังจากที่หอกมังกรทองพุ่งลงไปใต้ผิวน้ำ ความเร็วของมันก็ลดลงทันทีอย่างน่าตกใจ!
  และเหตุผลที่หลงเทียนฟางเลือกที่จะลงไปอยู่ใต้น้ำก็เพราะว่าเวลานี้ผืนน้ำทั้งหมดในท้องทะเลสาบผอหยางแห่งนี้ ได้กลายเป็นทั้งอาวุธและเกราะป้องกันของเขาไปแล้ว!
  หลงเทียนฟางรู้ดีว่าทันทีที่เขาเผยตัวขึ้น หลิงหยุนจะต้องจู่โจมตนด้วยหอกมังกรทองอย่างแน่นอน เขาจึงได้ใช้ผืนน้ำในทะเลสาบเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งให้กับตัวเอง และเวลานี้ผืนน้ำเหนือศรีษะของเขานั้น ก็ไม่ต่างจากเกราะเหล็กที่ทั้งหนา และแข็งแกร่งอย่างมาก!
  “ไม่เลวทีเดียว!”
  เมื่อพบว่าการจู่โจมด้วยหอกมังกรทองไม่ได้ผลอีกแล้วหลิงหยุนจึงหยุดไป ใช่ว่าหอกมังกรทองของหลิงหยุนจะไม่สามารถทะลุเครื่องป้องกันนี้ไปได้ เพียงแต่เมื่อมันพุ่งลงไปใต้น้ำแล้ว ความเร็วของหอกมังกรทองก็จะลดลงอย่างกะทันหัน หลงเทียนฟางเพียงแค่ขยับเล็กน้อยก็สามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดายนั่นเอง
  จากนั้น..หลิงหยุนจึงเหาะขึ้นไปบนท้องนภาอีกครั้ง เพื่อหลบหลีกคลื่นลูกยักษ์ขนาดเท่าภูเขาลูกใหญ่ที่พุ่งเข้าจู่โจมใส่ตนเอง เขามองลงไปที่ผืนน้ำเบื้องล่างพร้อมกับพูดเย้ยหยันหลงเทียนฟาง
  “เจ้าลูกเต่า..แน่จริงก็อย่าหดหัวอยู่ใต้น้ำ เก่งจริงเจ้าก็ออกมาสู้กับข้าสิ!”