เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนมองไปที่เฉินโม่ด้วยความรู้สึกขอบคุณในดวงตาของเธอ: “เฉินโม่ ขอบคุณ!”

“ระหว่างพวกเราไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก?” เฉินโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถอะ!”

“ค่ะ!” เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนพยักด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินจากไป ชายชราก็กล่าวว่า “ไต้ซือ โปรดรอสักครู่!”

เฉินโม่หันไปมองชายชรา “ยังมีธุระอะไรอีกเหรอ?”

ตอนนี้ชายชราเคารพเฉินโม่มาก เขาโค้งคำนับก่อนที่จะพูด “ไต้ซือ ผมชื่อสือโถว ถึงแม้ว่าผมจะเป็นนักบู๊ แต่ผมก็เป็นนักกลั่นยาด้วย”

“เมื่อสักครู่ผมเห็นวิธีการกลั่นยาของไต้ซือแล้ว มันน่าทึ่งมาก เดือนหน้าจะมีการแข่งขันกลั่นยาที่เมืองจงโจว รุ่นน้องขอเชิญผู้อาวุโสไปเข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อทำให้นักกลั่นยาที่ยกย่องตัวเองเป็นคนวิเศษเหล่านั้น รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนก็ยังมีคน!”

เฉินโม่มองสายตาที่คาดหวังของชายชรา และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผมไม่สนใจ!”

“พวกเราไปกันเถอะ!”

“ผู้อาวุโส……” ชายชรายื่นมือออกมาและต้องการเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง แต่เฉินโม่นั้นพาเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนเดินจากไปแล้ว

เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนถามด้วยความสงสัย “เฉินโม่ คุณไปเรียนทักษะการกลั่นยามาจากไหน? ทำไมถึงได้เก่งขนาดนี้!”

เฉินโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทักษะฝีมือการกลั่นยาของผม เมื่ออยู่ต่อหน้านักกลั่นยาที่แท้จริงแล้ว ไม่สามารถถือเป็นอะไรได้ คุณตั้งใจฝึกให้ดี ถ้ามีโอกาสผมจะพาคุณไปดูว่านักกลั่นยาที่แท้จริงคืออะไร!”

เมื่อนึกถึงปรมาจารย์นักกลั่นยาในโลกบำเพ็ญเซียนเหล่านั้นแล้ว พวกเขาเพียงแค่คิดก็กลั่นยาสำเร็จแล้ว ที่เฉินโม่ทำได้เพียงแหงนหน้ามองเท่านั้น

ยาที่คนเหล่านั้นกลั่นออกมาถึงจะเป็นยาเซียนที่แท้จริง ส่วนยาที่เฉินโม่กลั่นออกมาเมื่อสักครู่ สำหรับนักกลั่นยาของโลกบำเพ็ญเซียนเหล่านั้นแล้ว มันคือกากยาเท่านั้น

สำหรับการแข่งขันกลั่นยาบนโลกมนุษย์ ไม่สามารถทำให้เฉินโม่สนใจได้แม้แต่น้อย

หลังจากแยกจากเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนแล้ว เฉินโม่ก็เดินทางไปที่มหาวิทยาลัยหัวหนาน

ถึงแม้ว่าตอนนี้เฉินโม่ไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือแล้ว แต่โอกาสเกิดใหม่คราวนี้ได้มาไม่ง่าย เฉินโม่ต้องการชดเชยความเสียใจของชาติก่อนให้มากที่สุด ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะก้าวไปข้างหน้าตามวิถีแห่งชีวิตเดิมของเขา มีเพียงเช่นนี้เท่านั้น เขาถึงจะสามารถลดผลกระทบของการเกิดใหม่ได้

ตอนที่เฉินโม่กลับมาถึงมหาวิทยาลัยหัวหนาน จี๋ต๋าจิ่วตูและคนอื่น ๆ มาถึงนานแล้ว และเฉินโม่มาสายหนึ่งวัน

อย่างไรก็ตาม มีคนหนึ่งที่ยังไม่กลับมา ซึ่งก็คือเจี่ยจวินเซี่ย

หอพักห้อง 306 จี๋ต๋าจิ่วตูและห่าวเจี้ยนมองเตียงที่ว่างเปล่าของเจี่ยจวินเซี่ย และถามว่า “ไอ้เบื๊อกเฉิน นายคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้เจี่ยหรือเปล่า? ปกติเขาเป็นคนที่กระตือรือร้นมาก แต่ทำไมคราวนี้เขาถึงกลับมาช้ากว่านาย?”

ห่าวเจี้ยนกล่าวว่า “พรุ่งนี้จะเริ่มเรียนอย่างเป็นทางการแล้ว ถ้าไอ้เจี่ยขาดเรียนตั้งแต่วันแรกของภาคการศึกษาใหม่ เดาว่าเขาอาจจะถูกจับจ้องเป็นพิเศษ”

“แล้วจะทำยังไงดี? โทรศัพท์มือถือของเขาก็โทรไม่ติด ฝากข้อความเขาก็ไม่ตอบกลับ เหมือนกับว่าเขาหายตัวไปจากโลกใบนี้!” เหวินถิงอี้วางหนังสือลง และกล่าวด้วยความจำใจ

เฉินโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “โทรศัพท์มือถือของไอ้เจี่ยโทรไม่ติดเหรอ?”

จี๋ต๋าจิ่วตูพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ ฉันพยายามโทรหลายวันแล้ว แต่ก็โทรไม่ติด ช่วงตรุษจีนฉันโทรไปอวยพรเขา แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ถึงโทรไม่ติด”

ห่าวเจี้ยนกล่าวด้วยความตกใจว่า “เกิดเรื่องกับเขาหรือเปล่า?”

“หุบปาก!” จี๋ต๋าจิ่วตูตะโกน “ไอ้เจี่ยฉลาดขนาดนั้น จะเกิดเรื่องได้อย่างไร? อย่าคิดไปเรื่อย เดาว่าเขาอาจจะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ พรุ่งนี้เขาอาจจะโทรมาหาพวกเราก็ได้”

เฉินโม่แอบคิดอยู่ในใจ “หรือว่าเรื่องนั้นจะเกิดขึ้นก่อน?”

ความจริงแล้ว เจี่ยจวินเซี่ยปิดบังตัวตนกับพวกเขา เพราะในบรรดาพวกเขา เจี่ยจวินเซี่ยถึงจะเป็นลูกเศรษฐีอย่างแท้จริง ธุรกิจของตระกูลเขาใหญ่กว่าเหม่ยหวา กรุ๊ป

อย่างไรก็ตาม เฉินโม่จำได้อย่างชัดเจนว่าตอนปีสาม เกิดวิกฤตกับครอบครัวของเจี่ยจวินเซี่ย หลังจากนั้นครอบครัวของเขาก็ตกต่ำ เจี่ยจวินเซี่ยหายตัวไปทันที ไม่ว่าพวกเขาจะติดต่ออย่างไร ก็ไม่สามารถหาเขาเจอได้