บทที่ 645 ไม่มีสิทธิ์นั้น

The king of War

เขาหัวเราะเสียงดังฮาๆ ปัดมือแล้วพูดว่า “มีเรื่องแบบนี้อยู่จริงๆ เป็นน้องชายฉันเอง สนใจผู้หญิงคนหนึ่งเข้า ผลปรากฏว่ามีไอ้งั่ง นึกไม่ถึงกล้าแย่งแฟนกับน้องชายฉัน ฉันพูดไปคำเดียว วันต่อมา ธุรกิจของตระกูลไอ้งั่งคนนั้น พังทลายทันที”

“ไม่เสียแรงเป็นคุณชายเหลียง พูดคำเดียวก็สามารถพังกิจการตระกูลแห่งหนึ่งทิ้งได้ เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่หาแม้แต่ในความฝันเลยทีเดียว”

เดิมทีจางหรุ่ยมีความคิดอยากได้รับความรักใคร่ของเหลียงหยุน เวลานี้ยกแก้วพูดว่า “คุณชายเหลียงคะ ฉันดื่มให้คุณแก้วหนึ่งค่ะ!”

จางหรุ่ยนั่งอยู่ด้านข้างเหลียงหยุน ตอนที่พูด ปากใกล้จะแนบไปบนหน้าเหลียงหยุนแล้ว

ครั้งนี้ เหลียงหยุนกลับยกแก้วชนกับจางหรุ่ยทีหนึ่งแล้ว ยิ้มกริ่มบอกว่า “ยังเป็นจางหรุ่ยคนสวยรู้จักพูด ฉันชอบ ฮาๆ!”

พอได้ยิน หน้าจางหรุ่ยเต็มไปด้วยความฮึกเหิม แสร้งทำท่าทางขวยอาย “นี่คือฉันพูดความจริงนะคะ!”

“มาครับ คุณชายเหลียง พวกเราดื่มให้คุณแก้วหนึ่ง!” เจียวต้าเหว่ยก็รีบพาโจวชินยกแก้วดื่มเหล้าเคารพ

หลังจากนั้น ฉือเจียงก็พาเนี่ยเจียเจียมาดื่มเหล้าเคารพเช่นกัน

แต่ละคนต่างประจบประแจงไม่หยุด ประจบสอพลอ เหลียงหยุนเหมือนดื่มด่ำกับความรู้สึกแบบนี้อย่างมาก

ไม่นาน ภายในห้องอาหารเหลือเพียงหยางเฉินกับผังเสี่ยวเยว่ ไม่ได้ดื่มเหล้าเคารพ

เจียวต้าเหว่ยพูดจาด้วยหน้าตาเหน็บแนม “คนบางคน หน้าด้านเสียจริง ทั้งที่มากินข้าวของคนอื่น ยังจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก นี่คือรอให้พวกเราดื่มเหล้าเคารพนายเหรอ?”

“นายอย่าลืมนะ คนอื่นเขาเป็นบุคคลใหญ่โตที่ครอบครองรถหรูสั่งทำพิเศษราคาสิบล้าน จะเห็นพวกเราอยู่ในสายตาได้ยังไงกัน?” ฉือเจียงมองหยางเฉินแบบดูถูกแวบหนึ่ง หัวเราะบอกไป

“ใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ? ไม่แน่ว่าแม้แต่คุณชายเหลียง เขาคงไม่เห็นอยู่ในสายตาเหมือนกันมั้ง?” เนี่ยเจียเจียกับโจวชินทั้งสองสาว ถากถางตามๆ กัน

จางหรุ่ยรีบพูดเสียงเบา “เสี่ยวเยว่ รีบพาแฟนเธอมาดื่มเหล้าเคารพคุณชายเหลียงเร็วสิ!”

เหลียงหยุนทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ยิ้มกริ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตนเอง ไม่พูดจาด้วย เหมือนรอหยางเฉินมาดื่มเหล้าเคารพ

ทันใดนั้น ผังเสี่ยวเยว่ลังเลขึ้นมาแล้ว

เธอไม่อยากดื่มเหล้าเคารพให้เหลียงหยุน แต่ว่าตอนนี้ ทุกคนล้วนมีเจตนาพุ่งเป้ามายังหยางเฉิน ถ้าตนเองไม่ดื่มเหล่าเคารพ เหลียงหยุนจะแก้แค้นหยางเฉินหรือเปล่า?

แต่วันนี้เธอพาหยางเฉินมา เดิมคือเพื่อปฏิเสธเหลียงหยุน

ตอนที่ผังเสี่ยวเยว่กำลังสองจิตสองใจ หยางเฉินหัวเราะกะทันหันแล้ว ภายใต้การจ้องมองของทุกคน เขายกแก้วชาขึ้น เทน้ำชาให้ตนเองเต็มๆ แก้วหนึ่ง

ทุกคนมองหน้ากันและกัน ล้วนทำหน้าไม่เข้าใจ

“หยางเฉิน คุณชายเหลียงกำลังดื่มเหล้า นึกไม่ถึงนายใช้น้ำชามาเคารพคุณชายเหลียง?”

ไม่นาน เจียวต้าเหว่ยตอบสนองเข้ามาแล้ว ลุกขึ้นมาโดยตรง พูดด้วยหน้าตาโกรธเคือง

ฉือเจียงก็พูดจาเย็นชา “พอชมเข้าหน่อยทำเป็นเหลิงงั้นเหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นบุคคลใหญ่โตอะไรจริงเหรอ? อย่าบอกพวกเรานะว่า นายต้องขับรถ ดื่มเหล้าไม่ได้ จะเอาชามาแทนเหล้า!”

“เสี่ยวเยว่ แฟนเธอคนนี้ เก่งกาจจริงนะ นึกไม่ถึงอยากเอาน้ำชามาเคารพคุณชายเหลียง ผิดใจคุณชายเหลียงเข้าแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัว ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้จะหายไปกันหมด” เพื่อนร่วมห้องพักสองสามคนของผังเสี่ยวเยว่ ก็หัวเราะเยาะตามๆ กัน

บนหน้าผังเสี่ยวเยว่สับสนอยู่บ้าง กำลังอยากจะพูดแนะนำ ก็เห็นหยางเฉินยกแก้วชาขึ้น จิบเบาๆ อึกหนึ่ง จากนั้นวางแก้วชาลงแล้ว

เขายิ้มกริ่มมองทุกคนแวบหนึ่ง ถามด้วยความสงสัย “ใครบอกพวกนาย ฉันจะเอาชามาแทนเหล้า?”

ทุกคนตกตะลึงกันไปหมด หรือว่าคือ หยางเฉินคิดจะดื่มน้ำชาก่อนแก้วหนึ่ง จากนั้นค่อยดื่มเหล้า?

แต่ว่าประโยคถัดไปของหยางเฉิน ทำเอาทุกคนตกตะลึงค้างกันถึงที่สุด “อยากให้ฉันหยางเฉินดื่มเหล้าเคารพ อย่างพวกนาย ยังไม่มีสิทธิ์พอ!”

วินาทีนี้ ทั้งภายในห้องอาหารล้วนเงียบกริบ แม้แต่เหลียงหยุนที่หน้ามีรอยยิ้มอยู่ตลอด บนหน้าเต็มไปด้วยเมฆพยับแล้ว หรี่ตาจ้องหยางเฉินไว้

เหล่าเพื่อนร่วมห้องพักพวกนั้นของผังเสี่ยวเยว่ ยังมีบรรดาแฟนหนุ่มของพวกหล่อน เวลานี้บนหน้าล้วนเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

เหมือนรอคอยอย่างมาก ให้เหลียงหยุนแก้แค้นต่อหยางเฉิน

ผังเสี่ยวเยว่ที่เดิมทีกังวลอย่างมากมาตลอด หลังสังเกตเห็นท่าทางสงบนิ่งของหยางเฉิน ความรู้สึกกลัวในใจของเธอกลับหายลับไปในที่สุด

ความสามารถในการสังเกตของเธอเดิมก็แกร่งมากๆ เธอสามารถแน่ใจได้ว่า ตอนที่หยางเฉินเผชิญหน้ากับเหลียงหยุน ไม่มีความหวาดกลัวสักนิดเดียว

เธอรู้ว่า หยางเฉินเป็นประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป นั่นอธิบายว่า หยางเฉินไม่ใช่คนโง่

ในเมื่อไม่ใช่คนโง่ หลังจากรู้สถานะของเหลียงหยุนแล้ว ยังสงบไม่สะทกสะท้านเช่นนี้ได้ นั่นหมายความว่า หยางเฉินมีความมั่นใจ เดิมทีเขาไม่กลัวเหลียงหยุน

นอกจากนี้แล้ว สำหรับสถานะของหยางเฉิน เธอก็แอบคาดเดาเอาไว้แล้วด้วย

เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเคยเป็นกิจการของตระกูลอวี๋เหวิน ครึ่งปีก่อน นำเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแยกตัวออกไปจากตระกูลอวี๋เหวินกะทันหัน

ผังเสี่ยวเยว่ยังรู้อีกว่า ก่อนหน้านั้นหลายปี เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเป็นกิจการของผู้หญิงที่ชื่อว่าหยางเสว่เยี่ยนสร้างมากับมือ เพียงแค่หลังแต่งงานเข้าตระกูลอวี๋เหวิน ไม่นานมากนัก เธอกับลูกชายของเธอก็โดนไล่ออกจากตระกูล

ในชื่อของหยางเสว่เยี่ยน มีคำว่าเยี่ยน ส่วนในชื่อของหยางเฉินมีคำว่าเฉิน หยางเฉินยังแซ่เดียวกับหยางเสว่เยี่ยนอีก

ปัจจุบันนี้ หยางเฉินเป็นประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป

ถ้าผังเสี่ยวเยว่นึกไม่ถึงสถานะของหยางเฉิน นั่นคงละอายต่อพรสวรรค์ของเธอที่สูงกว่าคนทั่วไปแล้ว

ที่แท้ นายเป็นคนคนนั้นที่ถูกไล่ออกจากเมืองเยี่ยนตูด้วยกันกับหยางเสว่เยี่ยนในตอนนั้น เพื่อชดเชยให้นาย ตระกูลอวี๋เหวินถึงต้องมอบเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้นายสินะ?

ผังเสี่ยวเยว่คิดเอาว่าเธอเองเดาทั้งหมดได้แล้ว

ถึงแม้จะห่างไกลความจริงอีกนิดหนึ่ง แต่เธอสามารถเดาพวกนี้ได้ ก็เหนือชั้นมากแล้ว

เมื่อสักครู่ผังเสี่ยวเยว่ยังทำหน้าลังเลเต็มที่ ทันใดนั้นดูลักษณะหน้าตาผ่อนคลาย กลับทำให้หยางเฉินสงสัยอยู่บ้าง ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงไม่กลัวมากะทันหันแล้ว?

“ดูแล้ว คุณหยางมั่นใจในเบื้องหลังของตัวเองมากสินะ!”

เหลียงหยุนหัวเราะพูดขึ้นทันใด บนหน้าไม่มีความโกรธแค้นสักนิด

นี่ทำให้คนอื่นๆ ต่างผิดหวังกันมาก เดิมทียังคิดว่าเหลียงหยุนจะลงมือกับหยางเฉินตอนนี้เลย

หยางเฉินหัวเราะเล็กน้อย “ผมคือที่พึ่งใหญ่สุดของผม คุณชายเหลียงไม่ต้องหยั่งเชิง”

เหลียงหยุนตะลึงนิดหน่อย ทันใดนั้นหัวเราะเสียงดังขึ้นมา “นึกไม่ถึง คุณหยาง ยังเป็นคนน่าสนใจคนหนึ่ง!”

“มา ดื่มเหล้าๆ!” เหลียงหยุนเรียกทุกคนมาดื่มเหล้าเอง

จางหรุ่ยแนบชิดที่ตัวเหลียงหยุนไม่หยุด เดิมหล่อนก็นั่งอยู่ด้านข้างเหลียงหยุน แขนขามีสัมผัสกันบ้างไม่ขาดสาย

มีสาวสวยยั่วยวนตนเองก่อน เหลียงหยุนย่อมไม่ปฏิเสธ เสพสุขมาก

เพียงแต่ ไม่ได้ผังเสี่ยวเยว่มาครอง ทำให้ส่วนลึกในใจเขา ยังไม่สบายเอามากๆ

“คุณชายเหลียง ผมได้ยินว่า ตระกูลเหลียงใกล้จะเบียดตัวเข้าแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูแล้วเหรอครับ?”

เจียวต้าเหว่ยถามขึ้นทันใด

“ต้าเหว่ย นายอย่าพูดไปทั่ว คำพูดพวกนี้พูดต่อหน้าฉันก็ว่าไป ถ้าถูกคนของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูได้ยินเข้า งั้นคงไม่ดีแล้ว”

ฟังขึ้นมาเหมือนเหลียงหยุนกล่าวเตือนเจียวต้าเหว่ย แต่ลักษณะที่หน้าเขามีรอยยิ้ม มีการตำหนิอยู่สักนิดตรงไหนกัน? แต่ทว่าหน้าตากลับภาคภูมิใจ

“นี่ไม่ใช่เรื่องไม่ช้าก็เร็วเหรอครับ?” ฉือเจียงรีบพูดทันที

“ใช่ ผมได้ยินว่าตระกูลเหลียงได้รับการสนับสนุนของหลายตระกูลในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ตอนนี้ที่เมืองเยี่ยนตู อยู่ใต้แปดตระกูลเยี่ยนตู ตระกูลเหลียงถึงเป็นตระกูลแกร่งที่สุด” เจียวต้าเหว่ยบอกไป

“รอตระกูลเหลียงเบียดตัวเข้าแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูได้ งั้นคุณชายเหลียงไม่ใช่ว่ามีความเป็นได้มาก ที่จะกลายเป็นผู้นำตระกูลมหาเศรษฐีของเมืองเยี่ยนตูในอนาคตเหรอ?” หญิงสาวสองสามคนล้วนทำหน้าตกใจ

โดยเฉพาะจางหรุ่ย ทั้งตัวแอบอิงอยู่บนตัวเหลียงหยุนแล้ว พูดจาเอาใจ “คุณชายเหลียงคะ ถึงตอนนั้น คุณอย่าลืมพวกเรานะคะ!”

“ฮาๆ พูดดีพูดดี!”

เหลียงหยุนหัวเราะดังบอก ดื่มด่ำความรู้สึกแบบนี้มาก

“เสี่ยวเยว่ พวกเราไปห้องน้ำกัน”

โจวชินและเนี่ยเจียเจียเดินเข้ามากะทันหัน ดึงผังเสี่ยวเยว่แล้วพูดขึ้น