บทที่ 2810 เท็จกลับจริง จริงกลับเท็จ 2
ฟันแขนของเพชฌฆาตผู้นั้นจนเลือดพุ่งกระฉูด ย่อมลงทัณฑ์แล่เนื้อต่อไปไม่ได้แล้ว
ราชันปีศาจหรี่ตาแวบหนึ่ง พลันลุกขึ้นมา ในที่สุดก็ออกโรงแล้ว
พลังยุทธ์ของเขาอยู่ในขั้นซ่างเสินแล้ว ทุกกระบวนท่าล้วนเปี่ยมด้วยพลังที่เคลื่อนเขาย้ายสมุทรได้ เมื่อเขาสำแดงฝ่ามือนี้ออกมา เว้นแต่ฟั่นเชียนซื่อจะล่าถอยไปเสีย มิเช่นนั้นก็มีแต่ต้องถูกผู้อื่นซัดกระเด็นไป
กู้ซีจิ่วย่อมมองเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา เพียงแต่เธอคำนวณแล้วว่ากระบวนท่านี้ของราชันปีศาจไม่มีทางล้มศิษย์ของตนได้ ขอเพียงฟั่นเชียนซื่อหลบเลี่ยงนิดหน่อยก็หลีกพ้นแล้ว
กลับคาดไม่ถึงว่าฟั่นเชียนซื่อจะไม่หลบไม่หลีกเลย ไม่สนใจกระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของราชันปีศาจที่โจมตีเข้ามาจากด้านหลัง ตรงเข้าฟาดฟันตรวนเหล็กไหลที่จองจำ ‘อูเชียนเหยียน’ เอาไว้บนเสาลงทัณฑ์!
ผลคือ ตรวนเหล็กไหลเส้นหนึ่งถูกฟันขาดสมปรารถนา แต่ฝ่ามือของราชันปีศาจก็ซัดลงบนแผ่นหลังของฟั่นเชียนซื่อด้วย!
ฟั่นเชียนซื่อแทบจะลอยคว้างออกไปแล้ว!
กระอักโลหิตออกมากลางอากาศ…
สมควรตาย!
กู้ซีจิ่วหน้าเปลี่ยนสี เคลื่อนย้ายเข้าไปกลางอากาศ รับฟั่นเชียนซื่อไว้…
แรงที่กระแทกใส่ฟั่นเชียนซื่อนั้นมหาศาล กู้ซีจิ่วโอบเขาไว้หมุนเป็นวง ถึงได้สลายแรงกระแทกนั้นไปได้ จากนั้นก็ร่อนลงบนแท่นสูงอย่างสง่า
“อาจารย์!” ดวงตาฟั่นเชียนซื่อส่องประกายนิดๆ เอ่ยเสียงแผ่วคำหนึ่ง ผลคือกระอักโลหิตออกมาอีกรอบ…
เห็นได้ชัดว่าเขาบาดเจ็บสาหัส ดวงหน้าหล่อเหลาซีดขาวปานกระดาษ แต่นัยน์ตากลับเจิดจ้าจนน่าตะลึง “อาจารย์…ศิษย์นึกว่า…นึกว่าท่านไม่ต้องการข้าแล้ว…”
“โง่เง่า!” กู้ซีจิ่วปล่อยเขาลงบนพื้น จากนั้นก็ยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งใส่ปากเขา “อาจารย์ยังไม่ได้ขับเจ้าออกจากสำนักเสียหน่อย แล้วจะไม่ต้องการเจ้าได้อย่างไร?”
ฟั่นเชียนซื่อกลืนยาลูกกลอนเข้าไปอย่างว่าง่าย เดิมทีเขากระอักโลหิตอยู่ตลอด แต่พอกลืนยาลูกกลอนเข้าไปชั่วประเดี๋ยว ก็หยุดกระอักเลือดแล้ว เพียงแต่ดวงหน้าหล่อเหลายังคงเผือดซีดอย่างหนัก “อาจารย์ ศิษย์พยายามสุดความสามารถแล้ว ยังคงช่วยเหลือเชียนเหยียนไม่ได้…”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว
ไม่ต้องถามเลย วาจาก่อนหน้านั้นของตนไปกระตุ้นเขาเข้า ดังนั้นในยามนี้เขาจึงลงมืออย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น…
นี่คือเขาขุ่นเคืองเธอหรือ?
ที่เธอบอกให้เขาช่วยเหลือผู้อื่นก็เพียงต้องการปฏิกิริยาอย่างหนึ่งจากเขา มิใช่ให้บุ่มบ่ามลงมือเช่นนี้
ศิษย์คนนี้เฉลียวฉลาดยิ่งนักเสมอมา เหตุใดครั้งนี้จึงโง่เขลาไปเสียเล่า?
เดิมทีกู้ซีจิ่วแปลงโฉมไว้ แต่ในยามที่เธอเหินขึ้นไปรับตัวศิษย์ก็ได้กลับคืนรูปโฉมเดิมแล้ว เพียงแต่ บนหน้าเธอสวมหน้ากากไว้อันหนึ่ง บดบังรูปโฉมที่งดงามปานบุปผาของเธอเอาไว้
บัดนี้เธอสวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อนยืนอยู่ตรงนั้น บนร่างแฝงอำนาจที่สะกดข่มผู้คนอย่างหนึ่งไว้
“เจ้าเป็นผู้ใด?” ราชันปีศาจยืนอยู่ข้างเสาลงทัณฑ์ ตะโกนถามเสียงดัง
กู้ซีจิ่วหัวเราะหยัน “ที่เจ้าบีบคั้นศิษย์ของข้า มิใช่อยากเห็นเปิ่นจุนปรากฏตัวหรอกหรือ? เหตุใดพอหนนี้เปิ่นจุนปรากฏตัวขึ้น เจ้ารู้แจ้งแล้วยังแสร้งถามอยู่อีกเล่า?”
“เจ้าคือเทพผู้สร้างโลก?”
“ตัวจริงเสียงจริง”
หลังจากพูดคุยกันสั้นๆไม่กี่ประโยค ก็ทำให้เหล่าประชาชนที่มาร่วมชมเรื่องครื้นเครงล้วนเบิกตากว้าง กลั้นหายใจกันหมดแล้ว
นี่ก็คือเทพผู้สร้างโลกหรือ? ทรงอำนาจบารมียิ่งนักจริงๆ
ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นนางแข้งขาอ่อนยวบ ต้องการคุกเข่าคารวะบูชาโดยตัวเอง
ด้านล่างแท่น ราษฎรปีศาจบางส่วนที่พลังยุทธ์ต่ำต้อยก็คุกเข่าลงไปแล้วจริงๆ…
เมื่อคนหนึ่งคุกเข่าลงไป ย่อมส่งผลกระทบออกไปเป็นระลอก ผู้คนมากมายคุกเข่าลงไป
สีหน้าราชันปีศาจลุ่มลึกดุจวารี ยิ้มเยาะ “เจ้าบอกว่าเจ้าคือเทพผู้สร้างโลก มีหลักฐานใดมายืนยันเล่า?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ยังมิทันได้เอ่ยวาจา ฟั่นเชียนซื่อที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นแล้ว “ข้ายืนยันได้ นางก็คือเทพผู้สร้างโลกอาจารย์ของข้า!”
แววอึมครึมสายหนึ่งวาบผ่านดวงตาของราชันปีศาจ หัวเราะเยาะ “เจ้ารึ? ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะเปิ่นหวางนึกสงสัยว่าเจ้ารวมหัวกับอูเชียนเหยียนประทุษร้ายเทพผู้สร้างโลกจนสิ้นชีพไปแล้ว ถึงได้สร้างตัวปลอมผู้นี้ออกมาก็ได้!”
ดวงตาเขาลุกโชนดั่งอัคคี จ้องร่างกู้ซีจิ่วเขม็ง “หากคิดจะพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นเทพผู้สร้างโลกหรือไม่ก็ง่ายนัก ประลองกับเปิ่นหวาง! มิเช่นนั้นเปิ่นหวางจะตั้งข้อหาแอบอ้างสวมรอยให้เจ้า จับกุมเจ้าเสีย!”
————————————————————————————-
บทที่ 2811 เท็จกลับจริง จริงกลับเท็จ 3
นี่สิถึงจะเป็นเป้าหมายสูงสุดของเขา!
กู้ซีจิ่วยิ้มบางๆ แวบหนึ่ง “เห็นทีว่าถ้าครั้งนี้เปิ่นจุนไม่ลงมือสั่งสอนเจ้าเสียบ้างคงไม่ได้แล้วสินะ?”
“เฮอะ ตัวปลอมอย่างเจ้าไหนเลยจะสั่งสอนเปิ่นหวางได้?” ราชันปีศาจยิ้มหยัน แล้วกวาดตามอง ‘อูเชียนเหยียน’ บนเสาลงทัณฑ์แวบหนึ่ง ตรวนบนร่างนางขาดไปเพียงเส้นเดียว เส้นอื่นๆ ยังล่ามนางไว้อยู่ นางถูกแล่เฉือนจนมองเค้าเดิมแทบไม่ออกแล้ว ชักกระตุกอยู่ตรงนั้นเป็นครั้งคราว เปล่งเสียงคร่ำครวญที่ชวนให้คนผวาตกใจ คล้ายเสียงครวญครางและคล้ายเสียงโหยไห้
มือของเพชฌฆาตบาดเจ็บแล้ว เกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นลุกไม่ขึ้นชั่วขณะ
ราชันปีศาจกระตุกมุมปากแวบหนึ่ง สั่งการ “เปลี่ยนตัวเพชฌฆาตอีกคนมา ดำเนินการต่อ!”
กู้ซีจิ่วพลันกอดอก “เปิ่นจุนมาถึงแล้ว เจ้ายังจะแล่เนื้อนางต่ออีกหรือ?”
“แน่นอน!” ราชันปีศาจยิ้มเหี้ยมเกรียม “ถ้าเจ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าตนคือตัวจริงหรือไม่ โทษทัณฑ์ของนางย่อมไม่อาจผ่อนปรนได้”
“กล่าวเช่นนี้คือ มีแต่เปิ่นจุนต้องประลองกับเจ้า ถึงมีความเป็นไปได้ที่เจ้าจะปล่อยนางสินะ?”
“เกรงว่าจะใช่”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…” กู้ซีจิ่วเลิกแขนเสื้อขึ้น “เช่นนั้นก็เริ่มกันเลย”
เธอบอกว่าจะเริ่มก็เริ่มเลย ไม่มีลังเลเลยสักนิด ตรงเข้าโจมตีราชันปีศาจทันที!
ราชันปีศาจผงะไปเล็กน้อย เขาหลงนึกว่าจะกระตุ้นให้กู้ซีจิ่วหงุดหงิดได้ กลับคาดไม่ถึงว่านางจะสุขุมเยือกเย็นปานนี้…
ถึงอย่างไรนางก็เป็นเทพผู้สร้างโลก ใช้ชีวิตมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ความสุขุมเยือกเย็นย่อมเข้าขั้นแล้ว เธอจงใจแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา คงต้องการทำให้ผู้อื่นนึกว่านางไม่ใส่ใจความเป็นความตายของสาวใช้คนนี้เป็นแน่ ทำให้คร้านจะลงทัณฑ์ไปเสีย…
เฮอะ เขาจะไปหลงกลนางได้อย่างไร?!
เขาจะทำให้เสียงกรีดร้องของ ‘อูเชียนเหยียน’ ส่งผลต่อสมาธิของนาง เช่นนี้นางจะได้พ่ายแพ้เร็วขึ้น!
ด้วยเหตุนี้ ในระหว่างที่เขาต่อสู้พัวพันกับกู้ซีจิ่ว ก็ได้ออกคำสั่งให้ ‘ดูแลอูเชียนเหยียนดีๆ’ ไปด้วย
เหล่าเพชฌฆาตล้วนได้รับคำสั่งมาก่อนแล้ว ขอเพียงราชันปีศาจสั่งการเช่นนี้ พวกเขาจะต้องพุ่งเป้าลงมือกับส่วนที่ไวต่อสัมผัสที่สุดและเกรงกลัวความเจ็บปวดที่สุดของ ‘อูเชียนเหยียน’ มีดทุกเล่มที่ใช้ก็ต้องแช่น้ำเกลือมาก่อนด้วย…
ด้วยเหตุนี้ ความเจ็บปวดบนร่างขององค์หญิงปีศาจจึงทวีขึ้นอีกหลายเท่า ทำให้นางเจ็บปวดจนสลบไปเลย! แต่ก็ถูกเหล่าเพชฌฆาตใช้น้ำเกลือสาดเพื่อปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้น นางจึงร้องโหยหวนปานหมูถูกเชือด ไม่เหมือนเสียงมนุษย์แล้ว…
ราชันปีศาจเพียงถือเอาเสียงกรีดร้องนี้เป็นเสียงดนตรีอันไพเราะ สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือ กู้ซีจิ่วไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด ลื่นไหลดุจเมฆาเคลื่อนคล้อยธาราไหลริน ไม่มีชะงักเลยสักแวบ กระบวนท่าของนางก็เป็นแนวทางเฉพาะของตน ราชันปีศาจไม่เคยพบพานมาก่อนเลย
หลังจากประมือกันไปกว่าสิบกระบวนท่า ราชันปีศาจก็สำนึกเสียใจบ้างแล้ว!
วรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วสูงส่งเลิศล้ำกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มากนัก! ทุกกระบวนท่วงท่าล้วนแฝงเสียงกึกก้องกัมปนาทไว้ แถมนางยังมีลูกไม้มากมายนัก ประเดี๋ยวก็เป็นแส้เถาวัลย์บินโฉบ ประเดี๋ยวก็เป็นกระบี่ยาวส่องวูบวาบ ประเดี๋ยวก็เกิดบ่อทรายขึ้นบนพื้น เกือบจะดูดสองเท้าของราชันปีศาจเอาไว้แล้ว…
โดยพื้นฐานแล้วการบำเพ็ญพลังวิญญาณในโลกนี้จะเป็นเพียงธาตุเดียวเท่านั้น บ้างก็ทอง บ้างก็ไฟ น้อยยิ่งนักที่จะมีธาตุคู่ แต่กระบวนท่าที่กู้ซีจิ่วสำแดงออกมาจะทองไม้น้ำไฟดินล้วนมีหมด ทำให้คนมองจนนัยน์ตาพร่าลาย แน่นอนว่าอานุภาพก็เลิศล้ำยิ่งเช่นกัน!
บีบให้ราชันปีศาจต้องถอยร่นไปก้าวแล้วก้าวเล่า เกือบจะพลัดตกจากแท่นสูงแล้ว
ราชันปีศาจรับมืออย่างยากลำบากไปพลาง ลอบก่นด่าน้องสาวของตนอยู่ในใจไปพลาง วรยุทธ์ของเทพผู้สร้างโลกผู้นี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! เกรงว่าครั้งนี้เขาจะพ่ายเสียแล้ว!
เดิมทีเขาคิดจะเผยโฉมหน้าอันเหี้ยมโหดออกมา แต่เกรงว่าหนนี้จะต้องถูกตบหน้าต่อหน้าสาธารณชนเสียแล้ว…
กล่าวเลยว่าเป็นการตบหน้ากันอย่างแท้จริง!
เท้าของเขาพลันถูกเถาวัลย์ที่งอกขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งพัวพันไว้ เขาเพิ่งจะพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อฟันเถาวัลย์นี้ให้ขาด ไม่ทันระวังก็ถูกไม้พลองที่ทอแสงระยิบระยับเล่มหนึ่งกวาดเข้ามาในแนวขวาง ฟาดเข้าที่เอวของเขาจนเกิดเสียงดังปึ้ก เขาหน้าซีดทันที ทว่าถอยร่นไปอย่างรวดเร็วยิ่ง เหินเข้าไปในหมู่องครักษ์
————————————————————————————-