เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 1103
เย่เมิ่งหยานมีความสง่างามและความเปิดเผยมากกว่าแต่ก่อน ร่างงามระหงในชุดราตรีสีดําที่สมบูรณ์แบบดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ทันที เมื่อรวมกับหยางเฟิงที่สวมชุดสูทสีขาวและเดนเข้ามาด้วยกัน ทั้งสองคนก็ดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก!
ในไม่ช้า เย่เมิ่งหยานก็พูดคุยกับแขกผู้มีเกียรติหลายคนที่เดินเข้ามาทักทาย หลังจากรู้ว่าเย่เมิ่งหยานเป็นประธานของเฟิงเมิ่งกรุ๊ป ทุกคนก็ดูให้ความเคารพอย่างดี แน่นอนว่าสำหรับนักธุรกิจ คนที่ก่อร่างสร้างตัวมาได้ระดับนี้มีน้อยมาก
รู้ไหมว่าเฟิงเมิ่งกรุ๊ปเป็นกลุ่มธุรกิจอันดับหนึ่งในต้าเซี่ย การลงทุนเปิดสาขาที่นี่ย่อมสะท้อนถึงโอกาสในการเติบโตของคู่ค้าทางธุรกิจของเฟิงเมิ่งกรุ๊ป ในคราวนี้ หลายคนที่มาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับนี้คือคนจากต้าเซี่ยที่มาเยือนสิงเตาเพื่อทําธุรกิจ พวกเขาย่อมคุ้นเคยกับชื่อของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
….
ในเวลาเดียวกัน ที่ห้องพักส่วนตัวสุดหรูของโรงแรม
“บัดซบ! เสียเวลาชะมัด!”
“ฉันให้พวกแกทําเรื่องแค่นี้ พวกแกยังทำไม่ได้ พวกแกจะมีประโยชน์อะไรอีก ห๊ะ!”
หลี่เหิงนั่งบนโซฟามองไปที่ตงกั๋วที่แขนเข้าเฝือก เต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะ เข้าเฝือกอ่อนที่ขาข้างหนึ่ง สภาพขาไม่ต่างจากลูกน้องที่ไปกับตงกั๋วด้วยมากเท่าไหร่นัก แล้วหลี่เหิงก็ทำได้แต่สบถสาปแช่งด้วยใบหน้าที่หม่นหมอง
เขาขอให้ตงกั๋วจัดการกับเฟิงเมิ่งกรุ๊ป ซึ่งเพิ่งมาใหม่และไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าเฟิงเมิ่งกรุ๊ปไม่เพียงแต่ตั้งหลักที่มั่นคงในสิงเตาเท่านั้น แม้แต่ตงกั๋วเองก็แขนขาดเหวอะหวะแบบนี้!
ตงกั๋วพูดด้วยความคับข้องใจว่า “คุณชายน้อยหลี่ คุณโทษผมไม่ได้นะครับ! คนของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปแข็งแกร่งเกินไป พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลยครับ!”
“พวกเขาแข็งแกร่งจนไม่สมเหตุสมผลเลยครับ!”
“นั่นคือการต่อสู้จริงๆ เหรอ…”
ตงกั๋วรู้สึกว่าตนถูกล่วงเกินและทำร้ายโดยไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำมูกและน้ำตา ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมานี้ เหมือนกับสวรรค์ต้องการเล่นงานเขาโดยเจตนามากกว่าจะเป็นการต่อสู้กันระหว่างคนกับคน
เขาพาคนไปหาเรื่องเฟิงเมิ่งกรุ๊ป พาไปแต่คนเก่งๆ ที่เขาไว้ใจ คนที่สามารถจัดการพวกนักเลงหรือผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปได้หลายสิบคนสบายๆ แต่ผลที่ได้คือ ไม่เพียงแต่ทุกคนโดนหักขากลับมา ที่น่ากลัวที่สุดคือระหว่างที่พากันยืนอยู่หน้าตึกสูงนั่น เขายังโดนใครไม่รู้โยนมีดลงมาจากหน้าต่างใส่ตัวเขา มีดคมกริบเล่มนั้นตัดแขนจนขาดเหวอะหวะ ทำให้เขาต้องกลายเป็นเดชไอ้ด้วนอีกด้วย!
ถ้าเขาไม่ได้ได้รับการรักษาทันทีท่วงที เขาคงตายไปแล้ว เลือดออกจนตายเลย!
คนพวกนี้ไม่มีความปรานีและความรู้อะไรเลยใช่ไหม ถึงได้ขว้างปาสิ่งของใส่กัน โยนของมีคมลงมาจากหน้าต่างสูงแบบไม่ใส่ใจเลยได้แบบนี้ หัดมีสำนึกเรื่องความปลอดภัยในการขว้างปาอาวุธบ้าง!
หลี่เหิงโบกมืออย่างใจร้อนและพูดว่า “ออกไป! ออกไปซะ! ไสหัวไป! บัดซบเอ๊ย!”
พอได้ยินแล้ว ใบหน้าของตงกั๋วเปลี่ยนเป็นดำคล้ำด้วยความเศร้าหมอง แววตาหมดอาลัยตายอยากทันที เขาก้มหัวเดินออกไปอย่างหมดสภาพ ลูกน้องที่เหลือรีบตามไปอย่างรวดเร็ว พวกเขารู้ดีว่าจบสิ้นแล้วกับการเลื่อนขั้นในตระกูลหลี่ ขอแค่รักษาตัวหายแล้วกลับมาทำงานรับใช้คุณชายน้อยตามปกติได้ก็เป็นเรื่องยากแล้ว
พรึ่บ!
หลังจากตงกั๋วจากไป หลี่เหิงก็ลุกขึ้นยืน เขาปล่อยคลื่นความโกรธอันรุนแรงให้เล็ดลอดออกมา มันน่ารำคาญเหลือเกินที่คนของเขาถูกเล่นงานแบบนี้ มันน่ารำคาญมากที่เรื่องราวไม่เป็นไปดั่งใจนึกของเขาเลย
บัดซบเอ๊ย!
แต่หลี่เหิงก็สงบจิตใจลงได้ เขารู้ดีว่า เย่เมิ่งหยาน ประธานเฟิงเมิ่งกรุ๊ป และสามีของเธอ หยางเฟิง ก็เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย นี่เป็นการดีที่เขาจะได้พบกับตัวเอกของเรื่องราวนี้ทั้งคู่ต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติมากมายแล้ว
“เฟิงเมิ่งกรุ๊ปใช่มั้ย อยากรู้นักว่าพวกแกจะทําตัวหยิ่งผยองต่อหน้าฉันได้แค่ไหน”
ดวงตาของหลี่เหิงแสดงแสงเย็นชา
…
ในขณะเดียวกัน ในระหว่างงานเลี้ยงค็อกเทล
ในฐานะประธานเฟิงเมิ่งกรุ๊ป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เย่เมิ่งหยานได้เข้าร่วมในงานเลี้ยงต้อนรับทำนองนี้ เธอเป็นคนอ่อนโยน สง่างาม และใจกว้าง เธอพูดคุยและหัวเราะกับนักธุรกิจรายใหญ่หลายคน แต่ก็เปิดรับคำทักทายและพูดคุยกับนักธุรกิจรายย่อยที่มาร่วมงานนี้ด้วยอย่างสุภาพเช่นกัน
ไม่ว่ายังไง สิงเตาก็เป็นเขตปกครองหนึ่งของต้าเซี่ย ทุกคนพูดภาษาเดียวกัน เลือดที่ไหลอยู่มีสีเดียวกัน ต้นตระกูลบรรพบุรุษล้วนมาจากสายธารกำเนิดเดียวกัน และมีความรู้สึกของตัวตนซึ่งกันและกัน
“มันทําให้เราอับอายจริงๆ ที่ท่านประธานเย่สามารถทําสิ่งที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย!”
“ใช่! เมื่อเราอายุเท่าคุณเย่ เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเริ่มต้นธุรกิจอยู่เลย”
“เห็นด้วยครับ คนที่เป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยนี้ถือว่าต้องมีพรสวรรค์มากเลยครับ”
“เฟิงเมิ่งกรุ๊ปมาพัฒนาในต่างแดนในครั้งนี้ และอนาคตต้องสดใสแน่นอนค่ะ ฉันหวังว่าเราจะมีโอกาสร่วมมือกับคุณเย่มากขึ้นนะคะ!”
ผู้ประกอบการธุรกิจหลายคนล้อมรอบเย่เมิ่งหยานพยายามทําให้เธอพอใจ แน่นอนว่าคำพูดชื่นชมนั้น ส่วนหนึ่งจริงใจ ส่วนหนึ่งประจบ แต่ทุกคนรู้ดีว่าการบริหารกิจการขนาดใหญ่เช่นนี้ ถ้าไม่มีฝีมือจริง ย่อมทำไม่ได้แน่นอน
อย่าลืมว่าเฟิงเมิ่งกรุ๊ปเป็นกลุ่มอันดับหนึ่งในต้าเชี่ย มีความแข็งแกร่งทางธุรกิจอย่างมาก ทุกการลงทุนเต็มไปด้วยความมั่นใจในข้อมูลและการเตรียมการ ทุกสินค้าและบริการผ่านการคัดสรรมาอย่างดีทั้งในทุกด้าน บุคลากรทุกคนของกลุ่มบริษัทเป็นผู้มีความสามารถหรือบุคลิกอันโดดเด่น ขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้เรื่อยๆ
หากพวกเขาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเฟิงเมิ่งกรุ๊ปได้ หมายความว่าพวกเขาเจาะตลาดต้าเซี่ยได้ และอาจเจาะตลาดต่างแดนอื่นๆ ได้ในอนาคตด้วย
เย่เมิ่งหยาน ยิ้มและพูดอย่างสุภาพ: “ขอบคุณทุกคนมากค่ะ ดิฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เพิ่งเดินทางมาถึงสิงเตา ยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้มากเท่าไหร่ ต้องรบกวนทุกท่านให้คำปรึกษาชี้แนะและความช่วยเหลือด้วยนะคะ…”
พอบรรดานักธุรกิจที่รายล้อมได้ยินคำพูดยกยอหว่านล้อมกึ่งให้คำมั่นของเย่เมิ่งหยานแล้ว พวกเขาก็ทำตัวเหมือนผึ้งเห็นน้ําผึ้ง พากันแยกย้ายกันไปอย่างพอใจ