เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 1102

อย่างที่รู้ว่าตระกูลหลี่ปกครองสิงเตาได้ด้วยอิทธิพลมืด และยอดฝีมือของตระกูลต้องมีฝีมือมากพอจะจัดการภัยคุกคามในสิงเตาได้ อย่างน้อยๆ คนพวกนี้ต้องรับมือคู่ต่อสู้ได้ในระดับหนึ่งต่อสิบ

แต่ต่อหน้าไป๋หู่และพวก ยอดฝีมือระดับรับมือคู่ต่อสู้ได้หนึ่งต่อสิบกลับทำอะไรไม่ได้เลย พวกเขาถือว่าอ่อนแอมากต่อหน้าคนพวกนี้ด้วยซ้ำ!

ต่งกั้ว กัดฟันสะกดความเจ็บปวด เขาตะโกนด้วยใบหน้าที่ดุร้าย พยายามสร้างภาพว่าตัวเองมั่นใจ ไม่ได้หวาดกลัวไป๋หู่และพวกเลย

“พวกแกเสร็จแน่! พวกแกตายแน่! พวกแกรู้ไหมว่าเรามาจากตระกูลหลี่! พวกเราเป็นคนของนายน้อยตระกูลหลี่! พวกแกกล้าทําร้ายเราขนาดนี้ คุณชายน้อยตระกูลหลี่จะมีทางปล่อยแกไปแน่…”

เพี๊ยะ!

ตงกั๋วยังพูดไม่ทันจบ ไป๋หู่ตบหน้าอีกครั้งเบาๆ เพื่อเตือนให้หุบปาก แล้วบอกว่า “ไร้สาระชิ*หาย”

คุณชายน้อยตระกูลหลี่อะไรกัน แค่คำว่า “คุณชายน้อย” ก็ชัดแล้วว่าพึ่งพาอะไรไม่ได้ ในนิยายที่เขาเคยอ่าน เรื่องเล่าที่เขาเคยได้ยิน และในละครทีวีที่เขาเคยดู คุณชายน้อยแต่ละตัวนี่ไม่เรียกว่ามีสง่าราศีเลย มีดีแค่อวดเก่ง ใช้อำนาจบารมีพ่อแม่และคนอื่น ไม่มีรู้จักที่สูงที่ต่ำ ไร้สำนึกพื้นฐานของคนในหลายเรื่องเลยด้วยซ้ำ ไม่แปลกใจเลยที่มีลูกน้องแบบนี้

ลูกพี่บัดซบ จะมีลูกน้องดีๆ ได้ยังไง!

นี่ ต้องดูอย่างพวกเขา ลูกน้องอย่างพวกเขาที่มีลูกพี่ดีๆ อย่างท่านจอมพล!

ไป่หู่ไม่ได้สนใจตงกั๋วเลย เขาเดินตรงมายังร่างของตงกั๋วที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วเขาก็หยิบมีดพร้าที่ตงกั๋วนำมาด้วยขึ้นมาจากพื้น เดาะน้ำหนักมือตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะเอามาพาดไว้ที่คอของตงกั๋ว

ใบหน้าของตงกั๋วซีดเซียวด้วยความหวาดกลัว เขาอุทานว่า “แกจะทําอะไร แกทําแบบนั้นไม่ได้นะ…”

ดงกั๋วกลัวจริงๆ เขากลัวตาย!

เขาพยายามดิ้นรนเพื่อหลบหนี แต่ขาข้างหนึ่งของเขาหักและมีดอยู่ที่คอของเขา ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับ เขากลัวว่าขยับตัวแล้วมีดที่คอจะบาดเส้นเลือดใหญ่ของเขา ทำให้เขาต้องเลือดออกจนตาย

แทนที่ไป๋หู่จะทำท่าดูหมิ่นตงกั๋ว เขาทำเพียงเหลือบมองแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ฆ่าแกแน่!”

“ไสหัวไป! จําไว้ คราวนี้ ฉันแค่ให้บทเรียนเล็กน้อย แต่ถ้าแกกล้าหาเรื่องเฟิงเมิ่งกรุ๊ปของเราอีกทีเมื่อไหร่ ฮิฮิ…”

ไป๋หู่ยิ้มเยาะ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ตงกั๋วก็กลัวมากจนหัวใจของเขาเต้นระรัว ร่างสั่นไหวไปด้วยความกลัว ภาพของไป๋หู่ในใจของตงกั๋วไม่ได้น่ากลัวน้อยไปกว่าปีศาจนรก แน่นอนว่าตงกั๋วอยากรีบออกไปจากที่นี่ ความทะนงตัวทั้งหมดหายไปแล้ว ตอนนี้มีแต่ความกลัวตายเพียงอย่างเดียว

ตงกั๋วเหลือบมองลูกน้อง เขาไม่ได้สนใจอะไรมากนักนอกจากรีบเข้าไปรวมกลุ่มกับลูกน้อง ช่วยกันพยุงตัวขึ้น แล้วรีบเดินขากะเผลกจากไปพร้อมกันทั้งหมดอย่างรีบร้อน

เมื่อเห็นตงกั๋วและคนอื่นๆ ที่ตงกั๋วพามาด้วยจากไปอย่างหมดสภาพ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความทุกข์ทั้งกายและใจ ไป่หูมองตาด้วยสายตาเยาะเย้ยและดูถูก…

เขาคิดไม่ผิดเลยว่า ลูกพี่ห่วยๆ ย่อมมีแต่ลูกน้องห่วยๆ

เขาโยนมีดในมือของเขาออกไปทางหน้าต่างอย่างไม่ใส่ใจนัก ของพวกนี้หาได้ทั่วไปตามท้องตลาด เป็นอาวุธที่นักเลงอันธพาลทั่วไปหามาใช้เพื่อปกปิดไม่ให้รู้ว่าใครเป็นคนลงมือ เพื่อให้ตำรวจไม่สามารถจับมือใครดมได้ นี่มันของห่วยแตก ต่างกับอาวุธที่พวกเขาใช้อย่างชัดเจน

ให้ตายสิ สมเป็นหนอนขยะเน่าจริงๆ ถึงกล้ามาสร้างปัญหาให้ท่านจอมพลแบบนี้…

ในเวลานั้นเอง ที่ด้านหน้าของตึกสำนักงาน

“ไสหัวหนีไปเหรอ”

ตงกั๋วลงมาชั้นล่างแล้วตะโกนกลับไปด้วยใบหน้าที่ดุร้ายดุดัน มือขวายกสูงขึ้นในอากาศ ชี้ไปยังห้องทำงานที่เปิดไฟอยู่ด้านบน เขาแค้นเคืองมากจนขาดสติแล้ว ตอนนั้นเขากลัวตาย แต่ตอนนี้เขาไม่กลัวตายแล้ว

“บัดซบ ให้ไสหัวไปจากที่นี่เหรอ พวกกูไม่ทนหรอก! กูปล่อยพวกมึงไปไม่ได้หรอก! เฮ้ย! กลับไปโทรหาพวกเราซะ! โทรหาใครก็ได้! กูต้องเอาคืนและฆ่าพวกมันให้ได้!”

ไป๋หู่กล้าที่จะหยามตงกั๋วให้รู้สึกอัปยศอดสูตัวเองถึงขนาดนี้ กล้าที่จะหักขาข้างหนึ่งของเขาแบบนี้ เขาต้องคิดบัญชีแค้นและบัญชีอัปยศนี้ให้ได้ เขาต้องรีบกลับไปโทรหาเจ้านาย ตามคนมาให้มากขึ้น เตรียมของให้พร้อมแล้วค่อยกลับมาแก้แค้นพวกไป๋หู่ที่นี่ให้ได้!

เสียงของตงกั๋วเพิ่งจะดังขึ้น ทันใดนั้นเอง มีดพร้าเล่มหนึ่งที่ร่วงลงมาจากหน้าต่างของตึกสูงก็พุ่งลงมาตัดแขนของตงกั๋วเข้าอย่าวรวดเร็ว เลือดก็กระเซ็นไปทั่วทุกหนทุกแห่งในทันที!

แขนของตงกั๋วกระเด็นขาดออกไปกองบนพื้น ไม่มีใครทันตั้งตัวเลย ไม่มีใครคาดคิดด้วยว่ามีดพร้าจะตกลงมาจากฟ้า หมุนควงมาฟันแขนตงกั๋วจนเหวอะหวะพอดี

สวรรค์ บัดซบเอ๊ย

“ใครมันช่างบัดซบขนาดขว้างมีดลงมาใส่คนอื่นแบบไม่ใส่ใจอะไรเลยแบบนี้วะ…”

“ทําไมทุกคนถึงรังแกฉัน!”

ตงกั๋วกรีดร้องอย่างสะเทือนใจ เสียงร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วถนน นอกจากจะขาหักแล้ว เขายังเสียแขนไปด้วย ช่างเป็นความโชคร้ายที่ไม่มีใครคิดและไม่มีทางป้องกันได้เลย

เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ยอดฝีมือหลายสิบคนของตระกูลหลี่ก็พากันหวาดกลัวและสูญเสียไปความคิดต่อสู้ไปจนหมด นี่มันร้ายกาจเกินไปแล้ว แค่บ่นโวยวายก็ตัดแขนขาดได้แบบนี้ ปีศาจชัดๆ เลย!

ตงกั๋วที่กลับมามีสติได้แล้วจ้องมองพวกเขาและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ไอ้บ้าบัดซบ รีบช่วยฉันเร็วเข้า!”

พอได้ยินแล้ว ยอดฝีมือตระกูลหลี่ที่ยังเดินขากะเผลกกันอยู่ก็รู้สึกตัวและรีบอุ้มตงกั๋วที่แขนโดนฟันเหวอะออกไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าพวกเขาต้องรีบรักษาขาของตัวเองด้วยเหมือนกัน

ขณะเดียวกัน

ณ โรงแรมเอ็มเพอเรอร์ โรงแรมที่หรูหราที่สุดในสิงเตา โรงแรมแห่งนี้เป็นหนึ่งในโรงแรมภายใต้การดูแลบริหารของหลี่กรุ๊ป กลุ่มบริษัทภายใต้การปกครองของตระกูลหลี่

เฉินตงจัดงานเลี้ยงต้อนรับที่นี่ เพราะที่โรงแรมนี้คือโรงแรมที่ดี่ที่สุดและหรูหราที่สุดในสิงเตา แน่นอนว่าหยางเฟิงจับมือเย่เมิ่งหยานเดินเข้ามาภายในโรงแรมด้วยท่าทางราวกับชนชั้นสูงผู้ชินชากับงานเลี้ยงทั้งปวงแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมองการตกแต่งและบรรยากาศแวดล้อมด้วยสายตาชื่นชมในความหรูหราโอ่โถงของโรงแรมแห่งนี้

ในเวลานี้ ณ ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม มีการเล่นดนตรีบรรเลงขับกล่อมผู้มาเยือน มีอาหารจัดเลี้ยงแบบค็อกเทลรองรับแขกตามมุมต่างๆ ของห้องจัดเลี้ยง แขกผู้มีเกียรติของงานในวันนี้หลายคนเข้ามาข้างในโรงแรมแล้ว หลายคนต่างพากันเดินไปจับกลุ่มคุยกับคนที่ตนรู้จักหรือคนที่ต้องการทำธุรกิจด้วยอย่างสนิทสนม หลายคนเดินตรงไปหยิบของว่างมาทานรองท้องก่อนทำกิจกรรมเข้าสังคมและกระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจของตน

เพราะสิงเตาถือเป็นเขตปกครองหนึ่งของต้าเซี่ย ทุกคนมีสีผิวเดียวกันและพูดภาษาเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาใหญ่ในการสื่อสาร ทุกคนต่างพูดคุยกันสนิทสนมและเปิดกว้าง

เย่เมิ่งหยานมีความสง่างามและความเปิดเผยมากกว่าแต่ก่อน ร่างงามระหงในชุดราตรีสีดําที่สมบูรณ์แบบดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ทันที