บทที่ 466
ทุกคนหัวเราะกันเสียงดัง ใครก็คิดไม่ถึงว่า ปีนั้นถึงกับมีฉากที่น่าตะลึงใจ!
ลูกเขยของพันหยวนหมิงจางเจี้ยนพูดต่อด้วยเสียหัวเราะ “ไอ้หยา อาเซียวน่าทึ่งมาก! คุณคือ‘Goodbye Mr. Loser’ เวอร์ชั่นจริงนะ น้าห่าก็คือดาวโรงเรียนชิวหย่า หม่าหลันก็คือ หม่าตงเหมยคนนั้น ฮ่าๆๆๆๆ”
เย่เฉินแม้ว่าไม่ค่อยสะดวกที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ
คิดไม่ถึงว่าพ่อตายังมีนิทานแบบนี้ ที่แท้แม่ยายก็ปากร้ายแบบนี้มาตลอด แถมพ่อตายังถูกมอมเหล้า เริ่มทำแบบนั้นกับเขา เรื่องนี้ทำได้ เหมือนมารชัดๆ!”
เพื่อนนักเรียนเก่าแก่คนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจเซียวฉางควน แต่ละคนก็พูดให้กำลังใจและปลอบโยนเขา
ในตอนนี้พันหยวนหมิงมองไปที่เซียวฉางควน ยิ้มแล้วพูดว่า “พวกนายอย่าเพิ่งรีบเห็นอกเห็นใจเซียวฉางควนสิ จริงๆหม่าหลันที่แต่งกับเซียวฉางควนก็อนาถเหมือนกัน!”
ทุกคนถามอย่างงง ๆ “เธอมีอะไรแย่? เซียวฉางควนชดใช้ให้เธอก็เหลือเฟือแล้วไม่ใช่หรอ?”
พันหยวนหมิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “เฮ้ พวกนายไม่รู้อะไรเลยหรอ หม่าหลันในปีนั้น ในใจคิดอยากจะหาทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง ดังนั้นจึงสนใจเซียวฉางควน คิดว่าตอนนั้นเซียวฉางควนมีเงินไง ถึงได้ใกล้ชิดเซียวฉางควน จากนั้นแน่นอนได้เป็นคุณนายหญิง… ”
พูดถึงตรงนี้ พันหยวนหมินก็เปลี่ยนคำพูด “แต่ใครจะรู้ หลังจากเซียวฉางควันเรียนจบจะเป็นคนไม่มีประโยชน์ขนาดนี้ อยู่ในครอบครัวก็ไม่ได้สินทรัพย์ ไม่ได้รับความสนใจ อีกอย่างคฤหาสน์ตระกูลเซียวนับวันยิ่งตกอับ หม่าหลันอยากใกล้ชิดกับทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง คิดไม่ถึงว่าผลสุดท้ายกลับใกล้ชิดกับชายธรรมดาที่ไม่เอาไหน! ”
เซียวฉางควนอับอายไม่มีอะไรเทียบ สีหน้าแดงก่ำ ข่มไว้สักพัก ถึงจะเปิดปากพูด “พันหยวนหมิง เรื่องของผม ไม่ต้องให้คุณพูดมาก!”
พันหยวนหมิงหึ่มอย่างเย็นชา พูดว่า “เซียวฉางควน เรื่องที่บ้านของพวกนาย ทั่วเมืองจินหลิงใครบ้างที่ไม่รู้? คุณไม่ให้ผมพูด หรือว่าทุกคนก็ไม่มีทางไปถามจากที่อื่นหรอ? ”
พูดไป พันหยวนหมิงก็พูดเสียงดัง “เดิมทีคฤหาสน์ตระกูลเซียวของพวกนายก็ถือว่ามีทรัพย์สมบัติบ้าง นายออกจากบ้านไป ยังสามารถเอาชื่อเสียงคฤหาสน์ตระกูลเซียวไปข่มขู่คน ตอนนี้คฤหาสน์ตระกูลเซียวล้มแล้ว คนไร้ค่าอย่างคุณหาเงินไม่เป็น หม่าหลันวันๆก็เล่นแต่ไพ่นกกระจอก งานที่ถูกต้องไม่ทำ ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านนี้ เป็นไอ้ขยะอยู่บ้านเกาะผู้หญิงกิน ทั้งตระกูลของพวกนาย ตอนนี้พึ่งลูกสาวคนเดียวของคุณในการใช้ชีวิต? ก็ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วของลูกสาวคุณสร้างกรรมอะไรไว้ มาเกิดในตระกูลแบบนี้ของคุณ แต่งกับสามีที่เป็นไอ้ขยะอย่างคุณ ทำให้คนเจ็บปวดใจจริงๆ! ”
เย่เฉินเมื่อฟังถึงตรงนี้ ยิ่งทนไม่ไหวแล้ว
พูดถึงตัวเองได้ มาพูดถึงพ่อตาแม่ยายยิ่งไม่มีปัญหา แต่ว่าจะพูดถึงเซียวชูหรันไม่ได้
เพราะ เธอเป็นภรรยาของเขา
ดังนั้นเขาจึงขมวดคิ้วและพูดว่า “อาพัน คุณใช้ชีวิตของครอบครัวคุณให้ดีก็พอแล้ว เรื่องของครอบครัวพวกเรา ไม่จำเป็นต้องให้คุณมากังวล”
พันหยวนหมิงพูดด้วยสีหน้าที่เมินเฉยว่า “ทำไม? ในฐานะที่อาเป็นเพื่อนนักเรียนเก่าแก่ จะเป็นห่วงสถานการณ์ของครอบครัวพวกนายไม่ได้?”
พูดจบ เขาพูดด้วยสีหน้าหยิ่งยโส “ผมเป็นตัวแทนลูกสาวของเซียวฉางควนรู้สึกไม่คุ้ม!”
พันหยวนหมิงยิ่งพูดยิ่งคึกคัก ลุกขึ้นยืน เอ่ยปากพูดว่า “ดูผมสิ หัวหน้าหน่วยงานบริษัทปิโตรเคมี ตอนนี้ทุกวันแค่เข้าไปตอกบัตร หนึ่งเดือนได้สองหมื่น ในอนาคตอายุหกสิบห้าปีผมก็จะเกษียณ เงินเกษียณเดือนหนึ่งก็สองหมื่น แถมเงินคืนร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับค่ารักษาพยาบาล!”
“ ภรรยาของผมก็เป็นรองหัวหน้าหน่วยงานของบริษัทปิโตรเคมี ได้เงินเดือนเดือนละหมื่นห้าหมื่นหก หลังจากพวกเราทั้งคู่เกษียณแล้ว ก็จะได้เงินบำนาญของรัฐเดือนละสี่หมื่น!”
“ ดูแล้วเซียวฉางควนกับหม่าหลัน ทั้งคู่จะห้าสิบกว่าแล้ว ไม่มีงานประจำ นี่ในอนาคตหากแก่ตัวลงแล้ว แม้แต่เงินบำนาญก็ไม่มี มันจะไม่กลายเป็นภาระสังคมหรอ?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาดึงลูกเขยของเขาและพูดอย่างจริงจังว่า “ดูลูกเขยของผม เป็นCEO ของบริษัทเทคโนโลยีจินหลิงต้าโจว บริษัทก็จะเข้าจดทะเบียนแล้ว! บริษัทหนึ่งปีมานี้ คร่าวๆก็ประมาณหนึ่งหรือสองพันล้าน คนแบบนี้ถ้าอยู่ในเมืองจินหลิงก็ถือว่าเป็นอันดับต้นๆ พวกเราทั้งครอบครัวจะเจริญรุ่งเรือง นี่ถึงเรียกว่าการดำเนินชีวิตนะ! ”
กลุ่มคนรอบข้างส่งเสียงอิจฉา ไม่ได้ฟังที่พันหยวนหมิงกับจางเจี้ยนโม้
จริงๆแล้ว พื้นฐานทางเศรษฐกิจของครอบครัวของพวกเขา ในกลุ่มเพื่อนนักเรียนเก่าแก่ ทำให้เป็นที่น่าอิจฉาที่สุดแล้ว
ตอนนี้พันหยวนหมิงกำลังลิ้มรสคนรอบข้างที่แสดงความตะลึงและอิจฉา แววตามองไปที่เซียวฉางควนกับเย่เฉินอย่างดูถูก ในใจคิด การตบหน้าคราวนี้ ฉันรอมาหลายปี สุดท้ายไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวัง! มีความสุขจริงๆ! มีความสุขที่ได้แก้แค้น!
แต่ว่า เขากลับไม่ได้สังเกตเห็น มุมปากเย่เฉินยิ้มอย่างสนุก
“ สองผัวเมียต่างก็ทำงานที่บริษัทปิโตรเคมี? ลูกเขยเป็นCEOของบริษัทเทคโนโลยีจินหลิงต้าโจว? ดีอะ กลุ้มใจจริงๆไม่รู้จะจัดการกับคุณยังไง คิดไม่ถึงว่าคุณจะเสนอหน้ามาเองเลย นี่ไม่เท่ากับว่าเอาตัวเองพุ่งเข้าหาปากกระบอกปืนหรอกหรือ?”