เหม่ยหวา กรุ๊ป สำนักงานของประธาน
หลิ่วสือ ผู้นำตระกูลหลิ่ว นำสมาชิกของตระกูลหลิ่ว มาปิดกั้นเหม่ยหวา กรุ๊ปโดยตรง
เฉินซงจื่อถูกผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลหลิ่วทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว ตระกูลหลิ่วยื่นคำขาดให้หลี่ซู่เฟินส่งตัวเฉินโม่ออกมาภายในหนึ่งวัน มิฉะนั้น เหม่ยหวา กรุ๊ปจะต้องนองเลือด
ในฐานะที่ตระกูลหลิ่วเป็นสมาชิกของโลกบู๊โบราณ ไม่มีข้อผูกพันตามข้อตกลงระหว่างโลกฝึกบู๊และโลกมนุษย์ หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเฉินซงจื่อ ที่ทำให้ตระกูลหลิ่วห่วงหน้าพะวงหลัง ตอนนี้ตระกูลหลิ่วคงทำให้เหม่ยหวา กรุ๊ปนองเลือดนานแล้ว
ตอนเที่ยง สมาชิกของตระกูลหลิ่วมาปิดกั้นสำนักงานของหลี่ซู่เฟินอีกครั้ง
หลี่ซู่เฟินให้พนักงานออกไปจากสำนักงานแล้ว และกำชับพวกเขาว่าอย่ากลับมาจนกว่าเรื่องจะคลี่คลาย
ขณะนี้ มีเพียงหลี่ซู่เฟิน เวินฉิงและเฉินซงจื่อ สามคนอยู่ในสำนักงานเท่านั้น
หลิ่วสือ พาสมาชิกของตระกูลหลิ่วสิบกว่าคน ยืนอยู่หน้าห้องทำงานของหลี่ซู่เฟิน มองหลี่ซู่เฟินด้วยความเย็นชา “ประธานหลี่ เฉินไต้ซือมาถึงหรือยัง?”
หลี่ซู่เฟินมองหลิ่วสือ สีหน้าของเธอแย่มาก และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “คุณหลิ่ว ฉันคิดว่าเกิดความเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า? เป็นไปไม่ได้ที่เสี่ยวโม่จะฆ่าคนตามอำเภอใจอย่างแน่นอน”
หลิ่วสือเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงดัง “ประธานหลี่ ลูกน้องของผมเห็นเฉินไต้ซือฆ่าคนด้วยตาตนเอง หรือคุณคิดว่าผมใส่ร้ายป้ายสีเขา?”
หลี่ซู่เฟิงกล่าวว่า “บางครั้งสิ่งที่เห็นก็ไม่จำเป็นต้องเป็นความจริง ฉันขอแนะนำให้คุณอย่าเพิ่งใจร้อน หลังจากเสี่ยวโม่กลับมาแล้ว ค่อยถามสถานการณ์ให้ชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกคนอื่นหลอกใช้!”
หลิ่วสือกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ประธานหลี่ ไม่จำเป็นต้องพูดจาปลิ้นปล้อนเสแสร้งอีก ข้อเท็จจริงอยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้าวันนี้คุณไม่ส่งตัวเฉินไต้ซือออกมา ผมก็จะคิดดอกเบี้ยก่อน!”
หลังจากนั้น หลิ่วสือยื่นมือไปทางเวินฉิงที่อยู่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว
เฉินซงจื่อนั้นสายตาเฉียบคม เขาไปยืนขวางอยู่ตรงหน้าเวินฉิงทันที แล้วปล่อยหมัดไปที่หลิ่วสือ
ปัง!
เฉินซงจื่อส่งเสียงคราง แล้วกระแทกกับผนังห้อง อย่างไรก็ตาม ถือว่าเขาสามารถสกัดกั้นการโจมตีเวินฉิงได้
เวินฉิงและหลี่ซู่เฟินวิ่งเข้าไปด้วยความกังวล แล้วพยุงเฉินซงจื่อลุกขึ้น “ท่านพรตเฉิน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เฉินซงจื่อพยายามลุกขึ้นยืน และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ผมไม่เป็นไร ประธานไม่ต้องกังวล”
หลิ่วสือมองเฉินซงจื่อ แล้วกล่าวเยาะเย้ยว่า “นึกไม่ถึงว่าคุณจะสามารถต่อสู้ได้อีก ผมอยากรู้ว่าคุณมาจากไหน? วรยุทธ์ถึงได้ทรงพลังขนาดนี้!”
เฉินซงจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กลุ่มคนเลวทรามต่ำช้า พวกคุณไม่คู่ควรที่จะถามผม ถ้าสู้กันตัวต่อตัว พวกคุณอาจจะไม่ชนะก็ได้!”
หลิ่วสือหัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “ตลกสิ้นดี ตระกูลหลิ่วมีคนมากมาย แล้วจะไม่ใช้ได้อย่างไร? ทำไมผมต้องต่อสู้ตัวต่อตัวกับคุณด้วย? คุณคิดว่ามันเป็นเกมที่เด็กเล่นกันเหรอ? ผมมาเพื่อล้างแค้นให้ลูกชาย ไม่ใช่มาเพื่อประลองกับคุณ!”
“ถ้าพวกคุณมีคนมาก ก็สามารถเรียกมาช่วยพวกคุณได้! ฮ่าฮ่า…… ”
หลิ่วสือหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สมาชิกของตระกูลหลิ่วที่อยู่ข้างหลัง ก็หัวเราะด้วยความหยอกล้อเช่นกัน พวกเขามองพวกหลี่ซู่เฟินสามคน เหมือนกับแมวจับหนู
หลี่ซู่เฟินกล่าวด้วยความเย็นชา “พวกคุณมันอาศัยอำนาจและอิทธิพลข่มเหงรังแกผู้อื่น!”
หลิ่วสือกล่าวด้วยความลำพองใจ “ถูกต้อง พวกเราอาศัยอำนาจและอิทธิพลข่มเหงรังแกผู้อื่น แล้วคุณจะสามารถทำอะไรพวกเราได้? พวกเราไม่ใช่กบฏของโลกฝึกบู๊เหล่านั้น ที่มีข้อตกลงกับโลกมนุษย์อย่างพวกคุณ เฉินไต้ซือฆ่าลูกชายของผมคนหนึ่ง ผมจะฆ่าคนที่เกี่ยวข้องกับเฉินไต้ซือตายทั้งหมด!”
“บ้าไปแล้ว!” มีความหวาดกลัวอยู่ในดวงตาของหลี่ซู่เฟิน เธอรู้ว่าเมื่อนักบู๊เหล่านี้ไม่มีความพะว้าพะวัง จะก่อให้เกิดอันตรายได้มากเพียงใด
หลิ่วสือมองผู้อาวุโสใหญ่ เจตนาฆ่าประกายผ่านดวงตาของเขา และกล่าวว่า “เฉินไต้ซือยังไม่ปรากฏตัว ดังนั้นพวกเราฆ่าผู้หญิงคนนั้นก่อน ตระกูลหลิ่วของพวกเราจะอาศัยอำนาจและอิทธิพลข่มเหงรังแกผู้อื่น ผมจะทำให้ทุกคนได้รู้ว่าการจุดจบของคนที่ล่วงเกินตระกูลหลิ่วนั้นเป็นอย่งไร ถ้าใครไม่ยอมจำนน ก็ดูพวกคุณเป็นตัวอย่าง!”
เฉินซงจื่อกล่าวด้วยความโมโห “หากพวกคุณกล้าแตะต้องใครคนใดคนหนึ่ง อาจารย์จะไม่ปล่อยพวกคุณไปอย่างแน่นอน!”
แต่น่าเสียดายที่เฉินซงจื่อไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว