ตอนที่ 923 คำบัญชา

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 923 คำบัญชา

“รสชาติดีมากยิ่งนัก ! โดยเฉพาะอาหารสามอย่างนี้”

ในช่วงของงานเลี้ยง ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองไปที่เฮ้อซานเตา “นี่มิใช่อาหารจากหอซื่อฟาง เพราะข้าคุ้นเคยกับรสชาติที่นั่นเป็นอย่างดี หรืออาหารสามอย่างนี้เพิ่งวางขายเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เมื่อเฮ้อซานเตาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกปลื้มใจมากยิ่งนัก “ทูลฝ่าบาท อาหารนี่ภรรยาของกระหม่อมลงมือปรุงด้วยตนเอง อาหารจานนี้เรียกฟูชีเฟ่ยเพี่ยน1 ส่วนอาหารจานนี้เรียกว่าโบโบจี2 สุดท้ายกระหม่อมขอแนะนำอาหารหลักของโต๊ะนี้พ่ะย่ะค่ะ”

เฮ้อซานเตาชี้ไปยังอาหารที่อยู่ตรงกลาง “อย่าดูถูกว่านี่เป็นเพียงผักกาดขาวทั่วไป อาหารจานนี้ชื่อว่าไคสุ่ยไป๋ไช่3 พวกท่านลองชิมดูสิ รสชาติของมันมิเลวเลยล่ะ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนจำได้ว่านี่เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงในบรรดาอาหารเสฉวน ทว่าวิธีการปรุงจะแตกต่างไปบ้างเพราะขาดเครื่องปรุงรสบางอย่าง

เขาหยิบตะเกียบขึ้นมา จากนั้นก็คีบผักกาดขาวมาชิม “อืม…รสชาติกำลังดี มาเถิด ผักกาดขาวนี้มีรสชาติเหมือนเนื้อไก่ ฝีมือด้านการปรุงอาหารช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ! ”

เฮ้อซานเตามีความสุขเสียจนอยากจะวิ่งไปกอดแล้วหอมภรรยาที่อยู่ในห้องข้าง ๆ เขารู้สึกเป็นเกียรติมากยิ่งนัก ภรรยาทำให้ข้ามีเกียรติ !

“หากฝ่าบาททรงโปรด กระหม่อมจะบอกให้ภรรยาสอนวิธีปรุงให้แก่พ่อครัวหลวงดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”

“ย่อมดีอยู่แล้ว ! ”

เว่ยอู๋ปิ้งจ้องมองไปที่เฮ้อซานเตา เจ้านี่เหมือนคนสติฟั่นเฟือนไปวัน ๆ คาดมิถึงเลยว่าเรื่องการประจบก็ใช้ได้เลยทีเดียว

แต่แล้วเขาก็เห็นเฮ้อซานเตาถูมือแล้วเอ่ยว่า “ทูลฝ่าบาท เรื่องนี้จะสอนพวกเขาโดยไร้ค่าตอบแทนมิได้เป็นอันขาด นอกเสียจาก…พระองค์ทรงซื้อวิธีการปรุงอาหาร 1 อย่างต่อ 1,000 ตำลึงดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”

“ไสหัวไป ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนจ้องเฮ้อซานเตาเขม็ง “เมื่อวันหยุดยาวสิ้นสุดลง ให้โจ่งหยูไปสอนพ่อครัวในห้องเครื่องทำอาหารเหล่านี้ด้วย ทว่าเงินแม้แต่อีแปะเดียว เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ ! ”

“ซานเตา เบี้ยหวัดของเจ้ามิพอเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เฮ้อซานเตามองไปรอบ ๆ จากนั้นก็กระซิบว่า “เดิมทีมันก็พออยู่หรอก แต่เมื่อวานภรรยาเอ่ยกับกระหม่อมว่า…ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เบี้ยหวัดในแต่ละเดือนจะถูกหักครึ่งหนึ่ง ! แล้วกระหม่อมจะใช้ชีวิตเยี่ยงไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“อยากได้เงินเพิ่มหรือไม่ ? ”

“อยากพ่ะย่ะค่ะ ! ” เฮ้อซานเตาพยักหน้าหนักอย่างหนักแน่น

“ข้าจะบอกช่องทางรวยให้แก่เจ้า”

“กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาท ! ”

“เจ้าจงฟังให้ดี ปีหน้าเจ้าจงไปที่กองทัพเรือเพราะไป๋ยู่เหลียนจะตามข้าออกทะเล เจ้าจงฝึกฝนทหารเรือกองทัพที่สองแทนเขา หากเจ้าฝึกกองทัพที่สองนี้สำเร็จ ข้าจะให้เจ้านำทัพออกปล้น ! ”

ดวงตาของเฮ้อซานเตาเป็นประกายขึ้นมาทันใด นอกจากนี้เขายังเคยได้ยินว่าหลิวจิ่นไปชิงสมบัติมูลค่าหลายล้านตำลึงกลับมา !

หากข้าได้ออกไป ข้าจะต้องคว้ามาให้ได้อย่างน้อย 100 ล้านตำลึง !

“ตกลงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรับภารกิจนี้ พระองค์อย่าได้กลับคำเชียวล่ะ ! ”

“ข้าเอ่ยคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ! ”

“เช่นนั้น…ทหารดาบเทวะกองทัพที่สองจะให้ผู้ใดดูแลแทนล่ะพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“ให้กวนเสี่ยวซีดูแลแทน”

“ฝ่าบาท กระหม่อมขอดื่มให้พระองค์หนึ่งจอกพ่ะย่ะค่ะ ! ”

หลังจากดื่มจนหมดจอก เฮ้อซานเตาก็นึกถึงจุดบกพร่องขึ้นมาได้หนึ่งข้อ ซึ่งนั่นก็คือเขาว่ายน้ำมิเป็น ! ก่อนหน้านี้ ณ สนามรบท่าชุนเฟิง เขาได้กระโดดลงน้ำจนเกือบจะจมน้ำตาย

ทหารเรือต้องฝึกฝนในทะเล… ทะเลนั้นกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต แล้วเขาจะทำได้เยี่ยงนั้นหรือ ?

แต่หวาดกลัวมิได้เป็นอันขาด ต้องทำเพื่อเงินสิ ตัวข้าจะเรียนรู้การว่ายน้ำมิได้เชียวหรือ ?

ไป๋ยู่เหลียนจ้องมองเฮ้อซานเตาแล้วยกยิ้มออกมา เขารู้ว่าเฮ้อซานเตามีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ทว่าว่ายน้ำมิเป็น

“ซานเตา อย่ากลัวไปเลย แต่ก่อนข้าก็ว่ายน้ำมิเป็นหรอก แต่เมื่อโดนฝ่าบาทบังคับให้ฝึก บัดนี้ข้าสามารถว่ายน้ำไปกลับสักสิบรอบในแม่น้ำแยงซีก็ยังได้”

เฮ้อซานเตาแสยะยิ้มออกมา “เมื่อข้าได้ฟังคำเอ่ยนี้ของท่านหัวหน้าแล้ว ข้าก็รู้สึกสบายใจขึ้นมามากนัก วางใจเถิด…ข้าสัญญาว่าจะมิให้ท่านหัวหน้าเสียหน้าเป็นอันขาด ! ”

หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปได้สองชั่วยามก็ได้สิ้นสุดลงในท้ายที่สุด ฟู่เสี่ยวกวนมิได้พาเหล่าภรรยาเดินทางกลับในทันที ทว่าเขาปล่อยให้พวกนางเล่นไพ่นกกระจอกอยู่ห้องข้าง ๆ ต่อไป

ส่วนเขาพาจัวเปี๋ยหลี ไป๋ยู่เหลียน เฉินป๋อ เฮ้อซานเตาและเว่ยอู๋ปิ้งไปที่ห้องหนังสือของเฮ้อซานเตาโดยมีเจี่ยหนานซิงคอยติดตามเข้าไปด้วย

เฮ้อซานเตากำลังต้มน้ำชา ส่วนไป๋ยู่เหลียนเหลือบมองสีหน้าของฟู่เสี่ยวกวน พบว่าสีหน้าค่อนข้างจริงจัง คาดว่าจะมีเรื่องสำคัญมอบหมายให้พวกเขาทำเป็นแน่

“ซานเตา ข้าจะรักษาสัญญาในงานเลี้ยงอย่างแน่นอน ทว่ายังมิใช่บัดนี้”

“เฮ้ ๆ หรือว่าจะเป็นสิ้นปีหน้ากันพ่ะย่ะค่ะ ? ”

เฮ้อซานเตาจ้องมองไปยังฟู่เสี่ยวกวนที่ส่ายศีรษะไปมาช้า ๆ ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ทุกประโยคที่ข้าจะเอ่ยต่อไปนี้เป็นความลับสุดยอด แม้แต่ภรรยาของพวกเจ้าก็ห้ามแพร่งพรายให้ทราบเป็นอันขาด ! ”

ยกเว้นจัวเปี๋ยหลี อีกสี่คนที่เหลือ เมื่อได้ยินดังนั้นก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน พวกเขารับรู้ได้ถึงความจริงจังของฟู่เสี่ยวกวนขึ้นมาทันใด… ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อใดที่ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังเยี่ยงนี้ เมื่อนั้นย่อมมีเรื่องราวใหญ่โต อย่างเช่นการทำลายแคว้นฮวงให้สูญสิ้น

แล้วครานี้จะไปลงเอยยังสถานที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ?

พวกเขาเป็นชายชาติทหารและบัดนี้ก็ล้วนเป็นหัวหน้าในระดับผู้บัญชาการ ราชวงศ์อู๋สงบสุขไร้การสู้รบเกิดขึ้น พวกเขาจึงคันไม้คันมือเต็มทนแล้ว

“คนที่หนึ่ง แม่ทัพใหญ่จัวรับคำสั่ง”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ! ”

“ให้จัวตงหลายออกจากเมืองหลวงประเดี๋ยวนี้ ให้เขานำราชโองการลับของเจิ้นไปที่เขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวน สถานะของเขาในตอนนี้คือผู้จัดการอุตสาหกรรมเกลือทั่วไปในราชวงศ์อู๋ ให้เขาพาผู้คนไปลาดตระเวนที่นาเกลือมู่หยาง สิ่งสำคัญคือให้ไปยังฐานทัพของทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งเพื่อนำราชโองการของเจิ้นส่งมอบให้กับกวนเสี่ยวซี หลังจากนั้นให้ไปที่ชนเผ่าหวานเหยียน ณ รัฐลู่ฉี เพื่อนำจดหมายจากเจิ้นส่งมอบให้กับ…เผิงยวี๋เยี่ยน ! ”

เมื่อจัวเปี๋ยหลีได้ยินดังนั้น ก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน “ฮูหยินเผิงน่ะหรือ ? นางอยู่ที่รัฐลู่ฉีเยี่ยงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า ทว่ามิได้เอ่ยถึงเรื่องของเผิงยวี๋เยี่ยนมากนัก เขาจ้องมองไปยังเฮ้อซานเตาแล้วเอ่ยว่า

“ปีนี้พวกเจ้าจะอยู่สบายมิได้อีกแล้ว จงฟังคำสั่งจากข้า… ! ”

ทั้งห้าคนลุกขึ้นยืนทันที สีหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นมา “กระหม่อม…เฮ้อซานเตารับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”

“ให้ทหารดาบเทวะกองทัพที่สองทั้งหมดเคลื่อนพลไปยังภูเขาฉีซานและซ่อนตัวอยู่ในภูเขาฉีซานอย่างมิดชิด ! ”

“กระหม่อม น้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”

“ทหารดาบเทวะกองทัพที่สาม เฉินป๋อ ให้ทหารของเจ้าถอนทัพออกจากเขตซื่อหยาง ส่วนบ่อน้ำมันให้แบ่งกองกำลังทหารเฝ้ารักษาเอาไว้ 2 กองก็พอ ส่วนที่เหลือทั้งหมดให้แฝงกายเข้าไปยังเมืองฝานหนิง”

“ทหารดาบเทวะกองทัพที่สี่ เว่ยอู๋ปิ้ง ให้ทหารของเจ้าเข้าไปยังเมืองจิ่นกวนโดยนำปืนใหญ่ 1,000 กระบอกไปด้วย และฝึกซ้อมตามปกติ ณ ที่ราบฮวาจ้ง”

“แม่ทัพใหญ่จัว ข้าได้สั่งให้ผู้บัญชาการหวางเสี่ยวจ้วงแห่งกองพลที่สามของทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งกลับเมืองกวนหยุนแล้ว ทหารที่เกณฑ์มาใหม่จำนวน 100,000 นายที่เปิดรับสมัครในปีนี้ เจิ้นจะแต่งตั้งให้เป็นกองทัพบกที่ห้า โดยมีหวางเสี่ยวจ้วงเป็นผู้บัญชาการทหารเกณฑ์ 100,000 นายโดยกองทัพนี้จะมีนามว่ากองทหารรักษาการณ์กองที่หนึ่ง”

“ไป๋ยู่เหลียน แผนการออกทะเลในฤดูใบไม้ผลิปีหน้ามีการเปลี่ยนแปลง เรือรบระดับอู่เว้ยทั้งหกลำ จะนำกองนาวิกโยธิน 50,000 นายกลับไปยังปากแม่น้ำแยงซีแล้วแล่นตรงไปยังแม่น้ำฉินหวาย จากนั้นก็ขึ้นฝั่งทางแม่น้ำฉินหวย…เพื่อบุกยึดเมืองจินหลิง ! ”

นี่จะโจมตีราชวงศ์หยูเยี่ยงนั้นหรือ ?

“จำเอาไว้ให้ดี… สิ่งที่เจิ้นต้องการคือเคลื่อนไหวอย่างเงียบ ๆ โดยมิให้ผู้ใดสังเกตเห็นได้!”

“การสู้รบเพื่อยึดเมืองจินหลิงนั้น เจิ้นต้องการให้เจ้าทำสำเร็จภายใน 1 ชั่วยาม ! ”

“กระหม่อมน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”

“นั่งลงได้”

สีหน้าของแต่ละคนที่แสดงออกมานั้นแตกต่างกันออกไป มือทั้งสองข้างของเฮ้อซานเตาสั่นเทาขึ้นมา ราวกับว่ากำลังลับคมดาบอยู่

เว่ยอู๋ปิ้งรู้สึกเศร้าสลดเล็กน้อย แต่มิได้แสดงสีหน้าออกมา

ฟู่เสี่ยวกวนยกชาขึ้นดื่ม จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “ศึกครานี้จะจบลงในมิช้า มันมิส่งผลกระทบต่อราชวงศ์หยูหรอก เพราะว่าสนามรบหลักของสงครามครานี้ เจิ้นได้จัดวางไว้ ณ ที่ราบฮวาจ้ง!”

“ที่ราบฮวาจ้งมีพื้นที่กว้างใหญ่หลายร้อยลี้ หลังจากที่กองทัพของเว่ยอู๋ปิ้งไปถึงที่นั่นแล้ว ให้ทำราวกับว่ากำลังฝึกอบรมตามปกติ”

“ข้าจะให้คำแนะนำในการสู้รบแก่พวกเจ้าในภายหลัง สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำในตอนนี้ก็คือเตรียมตัวให้พร้อมกับการทำสงครามระยะแรกภายในอีก 2 เดือนข้างหน้า ! ”

“สำหรับกองทัพเรือจำนวน 100,000 นาย…ให้แบ่ง 50,000 นายย้ายกลับไปเฝ้าที่เมืองกวนหยุน ส่วนที่เหลืออีก 50,000 นายจงรอรับคำสั่งต่อไป”

1ฟูชีเฟ่ยเพี่ยน คือ อาหารเสฉวนที่ขึ้นชื่อลือชา เป็นเครื่องในสัตว์ในน้ำพริกแบบเสฉวน

2โบโบจี คือ ไก่ราดซอสหม่าล่ารสเผ็ด

3ไคสุ่ยไป๋ไช่ คือ ยอดผักกาดขาวในน้ำซุปที่ใสดั่งน้ำเปล่า