รอยยิ้มของเซวี่ยหรงฮวายิ่งสดใสมากขึ้น
“ก็น่าจะเป็นข้าล่ะมั้ง”
“อะไรคือคำว่าน่าจะ…….” เฟยเหยียนหดหู่กับคำตอบที่คลุมเครือ
“เจ้าไม่แตะเขาจะดีกว่า เสี่ยวเซวี่ยฉิวไม่ใช่อะไรที่จะเล่นด้วยได้หรอก เขาถนัดมากเรื่องให้เมล็ดของตัวเองเข้าไปเป็นกาฝากในร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่น และใช้เลือดของสิ่งมีชีวิตนั้นเป็นสารอาหารหล่อเลี้ยง ถ้าถูกฝังเมล็ดไปแล้วก็ไม่มีทางเอาออกได้ ทำได้แค่ปล่อยให้มันเติบโตขึ้นในร่างกายจนกว่าจะโตและออกดอก พอดอกไม้บานเจ้าของร่างก็จะเหี่ยวแห้ง เสี่ยวเซวี่ยฉิวจะสีสวยสะดุดตามากที่สุดก็ตอนที่ไม่มีเลือดเหลืออยู่ในตัวเจ้าของร่างแล้ว” อิงซู่ยักไหล่
“………..” ทันใดนั้น เฟยเหยียนก็ถอยห่างจากเซวี่ยหรงฮวาห้าเมตรทันที! เชี่ย!
เจ้านี่ไม่มีพิษ ไม่กินคน แต่ผลของมันน่ากลัวกว่าพวกกินคนอีก!
ความรู้สึกที่มีพืชเติบโตขึ้นในร่างกายของเขา ใช้เนื้อของเขาเป็นดิน เลือดของเขาเป็นสารอาหาร……แค่คิดก็ทรมานแล้ว!
“อิงซู่ ถ้าเจ้าใส่ร้ายข้าแบบนั้น ข้าเจ็บปวดนะ” เซวี่ยหรงฮวามองอิงซู่ด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าของอิงซู่แข็งค้างทันที
คนอื่นไม่รู้ แต่พวกเขารู้ดีถึงนิสัยใจคอของเซวี่ยหรงฮวา เขาดูเป็นมิตรและเข้ากับคนง่าย ไม่ใจร้อนขี้โมโห มีรอยยิ้มสดใสตลอดทั้งวัน แต่ความจริงแล้วโหดร้ายกระหายเลือด ในบรรดาภูติประจำตัวทั้งหมด ไม่มีใครโหดเหี้ยมเท่าเซวี่ยหรงฮวาแล้ว
“ดูเหมือนข้าจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเราถึงไม่เคยเจอพวกเขามาก่อน” หรงรั่วจับคางอย่างครุ่นคิด กลิ่นเหม็นเน่าจากดอกซากศพนั้น อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่พืชตนอื่นๆก็ทนไม่ได้ ลักษณะการเติบโตตามธรรมชาติของสุ่ยจิงหลานก็ทำให้วิญญาณพืชตนอื่นๆถอยห่างจากเขาทุกครั้งที่เจอ ส่วนเซวี่ยหรงฮวา……คงไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว
โชคดีที่สามคนนี้ไม่เคยปรากฏตัวออกมา ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
พอเทียบกับพวกเซวี่ยหรงฮวาแล้ว พวกหรงรั่วก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าตู๋เถิงเป็นแค่ต้นอ่อนเล็กๆท่ามกลางวิญญาณพืชพวกนี้ ฟาดแส้สองสามทีจะนับเป็นอะไรได้?
หลังจากทำความรู้จักกับภูติประจำตัวตนใหม่ของจวินอู๋เสียแล้ว ทัศนคติสามด้านของพวกเฉียวฉู่ก็ถูกปรับใหม่อีกครั้ง จวินอู๋เสียจะเข้าสู่เส้นทางการฆ่าคนอย่างเลือดเย็นไปตลอดกาลสินะ!
“อะแฮ่ม……นี่คือทั้งหมดแล้วใช่ไหม?” ฟ่านจั๋วกระแอมในลำคอ คนสงบนิ่งอย่างเขาก็ยังถูกภูติประจำตัวของจวินอู๋เสียที่เรียงแถวกันมาอย่างโดดเด่นทำให้ตาพร่าไปหมด
จวินอู๋เสียพยักหน้า
เป็นเพราะเจียวหลงและเมล็ดของต้นวิญญาณ ทำให้วิญญาณของนางไม่ถูกจำกัดอยู่ที่ภูติประจำตัวแค่ตนเดียว เมื่อพลังของนางเพิ่มขึ้น จิตวิญญาณของนางก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ผลกระทบจากเจียวหลงก็ปรากฏออกมา พวกเซวี่ยหรงฮวาปรากฏตัวขึ้นในช่วงห้าปีที่ผ่านมาตามความแข็งแกร่งของจวินอู๋เสียที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้แต่งูทะยานที่กินเข้าไปก็ถูกย่อยจนหมดไม่มีเหลือ
“งั้น……เราไปกันพรุ่งนี้ไหม?” ฟ่านจั๋วถาม
“ได้” จวินอู๋เสียก็ไม่ได้รีบร้อน
หลังจากกินข้าวเสร็จ จวินอู๋เสียก็ถูกจวินเสี่ยนพาไปถามเพิ่มเติมว่านางผ่านพ้นช่วงเวลาห้าปีนี้มาได้อย่างไร นางลำบากหรือเป็นทุกข์อะไรหรือไม่ ส่วนใหญ่นางจะฟังและตอบบ้างเป็นครั้งคราว แต่ความอบอุ่นจากความห่วงใยของครอบครัวได้ไหลเข้าสู่หัวใจของนาง และทำให้หัวใจที่เย็นชาของนางเริ่มละลายไปทีละน้อย นางไม่สามารถปฏิเสธความห่วงใยของครอบครัวได้ แม้ว่าในใจลึกๆจะรู้ว่านางโลภเกินไป แต่ด้วยสถานการณ์ที่ใกล้เข้ามาทำให้นางไม่สามารถผ่อนคลายได้
ถ้ายังไม่ได้ช่วยจวินอู๋เหยาออกมา ยังไม่ได้แก้แค้นให้เยี่ยนปู้กุยและเหรินหวง นางก็ไม่สามารถยอมรับความอบอุ่นนี้ได้อย่างสบายใจ