ตอนที่ 2022

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,022 : เจ้าเป็นสามีของธิดาเทพงั้นเหรอ!?

 

“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นโปรดบอกข้ามาเถอะ”

 

แม้จะถูกหลิวอวิ๋นจับจ้องมองมาไม่วางตา หากแต่ต้วนหลิงเทียนยังคงเสแสร้งไม่รู้เรื่องราว

 

“ข้าจำได้ว่า…เจ้าถามเรื่องธิดาเทพกับข้าก่อน กระทั่งยังสนใจในเรื่องนี้ไม่น้อย หลังจากนั้นเจ้าก็กล่าวถามถึงเรื่องหอคุมกฏขึ้นมา กระทั่งเจ้ายังบอกข้าว่าเจ้าจะไปทำงานที่หอคุมกฏ”

 

ประกายตาของหลิวอวิ๋นเผยประกายสดใสมากปัญญา กล่าวสืบต่อออกมาเสียงเข้ม “หลังจากที่เจ้าทราบเรื่องนี้ อยู่ๆเจ้าก็ไปทำร้ายเวินเยี่ยนอย่างไร้เหตุผล! และข้ายังจำได้ดี…ว่าข้าเคยกล่าวบอกเจ้าว่าสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้ธิดาเทพ ลูกสาวของนางกระทั่งศิษย์พี่หญิงใหญ่ก่านหรูเยี่ยนถูกจับไว้ในหอคุมกฏ ทั้งหมดเป็นเพราะเวินเยี่ยนเป็นคนนำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อหอคุมกฏ…”

 

“กระทั่งยามนี้แม้เจ้าจะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากปู้หงศิษย์พี่ของเวินเยี่ยน ทว่าเจ้ากลับไม่เลือกที่จะปิดด่านบ่มเพาะ แต่ยืนยันเจตนาเดิมว่าจะไปทำงานที่หอคุมกฏ…เช่นนั้นหมายความว่าในหอคุมกฏสมควรมีคนที่เจ้าห่วงใย…มีใครที่เจ้าอยากพบเจอให้ได้!”

 

หลิวอวิ๋นปะติดปะต่อสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามทั้งทีท่าของต้วนหลิงเทียนทั้งหมด ค่อยอนุมานเรื่องราวออกมา

 

และด้านต้วนหลิงเทียนพอได้ยินคำของหลิวอวิ๋น ในใจก็ลอบสั่นไหวไปไม่น้อย

 

เขาไม่คิดมาก่อนเลยจริงๆ

 

ว่าหลิวอวิ๋นจะเชื่อมโยงเรื่องราวได้ขนาดนี้ กระทั่งเข้าใจเรื่องราวที่แท้จริงไปแล้ว 7-8 ส่วน

 

“บางทีอาจเป็นเพราะข้ารู้จักศิษย์พี่หญิงใหญ่ก่านหรูเยี่ยน และอยากคืนความเป็นธรรมให้นางก็ได้ไม่ใช่หรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนยังคงกล่าวออกด้วยสีหน้าซื่อๆไม่รู้เรื่องราว แม้ในใจจะวุ่นวายอย่างหนัก

 

ศิษย์พี่หญิงใหญ่อย่างก่านหรูเยี่ยนนั้น เรียกได้ว่าเป็นเทพธิดา และ ‘สตรีในฝัน’ ของเหล่าศิษย์ชั้นยอดและศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟก็ว่าได้

 

เป็นเรื่องธรรมดาที่มีคนอยากพบนาง กระทั่งหมายเรียกร้องความเป็นธรรมให้นาง

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียนหากเจ้าคิดทำเพื่อศิษย์พี่หญิงใหญ่ก่านหรูเยี่ยนจริง เจ้าคงไม่ถามรายละเอียดของธิดาเทพกับข้าถึงขนาดนั้น…ยังมีเรื่องราวของหอคุมกฏหลังจากนั้นอีก”

 

หลิวอวิ๋นยังคงกล่าวสืบต่อ “อีกทั้งข้ายังจำได้ดี…ตอนที่ข้ากล่าวถึงศิษย์พี่หญิงใหญ่ก่านหรูเยี่ยน และบอกว่านางเป็นถึงอันดับ 7 ในทำเนียบยอดฝีมือ สีหน้าของเจ้าเผยความประหลาดใจออกมาไม่น้อย!”

 

“หากเจ้าเป็นคนที่คิดจะทำเพื่อศิษย์พี่หญิงใหญ่กระทั่งคิดจะเรียกร้องหาความเป็นธรรมให้นางจริง เจ้าสมควรรู้เรื่องของนางละเอียด ไฉนเจ้าจะไม่รู้ได้…ว่านางเป็นถึงอันดับที่ 7 ในทำเนียบยอดฝีมือ?”

 

“เช่นนั้นข้าจึงมั่นใจว่าศิษย์น้องหลิงเทียนสมควรรู้จักิดาเทพ กระทั่งอาจมีสัมพันธ์ไม่ธรรมดา…แต่ข้าเองก็มิรู้ว่าเดาถูกหรือไม่…”

 

หลิวอวิ๋นกล่าวกบก็จ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตากระจ่างมากปัญญาคล้ายไม่มีอะไรปกปิดมันได้

 

ได้ยินคำถามนี้ ต้วนหลิงเทียนไม่กล่าวอะไรออกมาสืบต่อ

 

ทว่ายามมองหลิวอวิ๋นอีกครั้ง ดวงตากลับมืดดำ! มันช่างชืดชาไร้ความรู้สึกนัก จิตฆ่าฟันอำมหิตเอ่อล้นออกมาอย่างไม่คิดจะกักเก็บ!

 

จิตสังหารดังกล่าวทั้งดำมืดทั้งอำมหิตไม่มีร่องรอยของความปราณีแม้แต่เศษเสี้ยว! หลิวอวิ๋นที่แลเห็นถึงกับหนาวสะท้านจับใจ! ทั่วร่างเสมือนมีไอเย็นแล่นวาบจากปลายเท้าจรดศรีษะ พาลให้สีหน้าของมันเปลี่ยนเป็นซีดลงทันใด!!

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียนขอเจ้าวางใจ! ข้าไม่คิดเอาเรื่องนี้ไปกล่าวกับผู้ใดแน่! ข้าไม่มีวันกล่าวออกไปเด็ดขาด!! กระทั่งกับน้องมู่ข้าก็ไม่คิดจะบอกอะไรมัน!!”

 

หลิวอวิ๋นที่ร่างสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวเร่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กล่าวออกอย่างรีบร้อน

 

ขณะเดียวกันมันก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบสนองอะไร รีบใช้พลังเฉือนนิ้วหลั่งโลหิต เร่งกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกมาทันที ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะลงมือฆ่ามันก่อนที่จะทันได้ทำอะไร

 

และคำสาบานของมันก็มีความว่า มันจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเด็ดขาดไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง และไม่มีวันคิดคดทรยศต้วนหลิงเทียน หาไม่แล้วขอให้มันถูกอัสนีทัณฑ์สวรรค์พิฆาตร่างตายตก!

 

เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!

 

 

สิ้นคำกล่าวสาบานของหลิวอวิ๋น ฟ้าเบื้องบนพลันลั่นดัง 9 คำรบ เผยให้เห็นว่าทัณฑ์สวรรค์ตอบรับคำสาบานของหลิวอวิ๋นเรียบร้อย และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป!

 

เมื่อเห็นว่าหลิวอวิ๋นไม่ลังเลใดๆที่จะรีบกล่าววคำสาบานออกมา จิตสังหารอำมหิตมืดดำในแววตาต้วนหลิงเทียนก็สลายหายไปทันที และตอนนี้กลายเป็นเขาที่รู้สึกกระอักกระอ่วนชักสีหน้าไม่ถูกอยู่บ้าง

 

แต่หลิวอวิ๋นไม่ถือสาเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนบังเกิดจิตคิดฆ่าฟันแต่อย่างใด

 

มันยังเป็นฝ่ายริเริ่มกล่าวออกมาทำลายบรรยากาศอึดอัด “ศิษย์น้องหลิงเทียนตอนนี้ข้าได้กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์แล้ว เช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าที่แท้เจ้ามีความสัมพันธ์อันใดกับธิดาเทพของลัทธิบูชาไฟเรากันแน่?”

 

“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นขออภัยด้วยที่ข้าด่วนตัดสินท่าน ยังขอให้ท่านอภัยให้ทีท่าของข้าก่อนหน้าด้วย”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอโทษออกมาเสียงหนัก

 

หลังจากนั้นเขาก็กล่าวตอบหลิวอวิ๋นออกไป “นางเป็นภรรยาข้าเอง”

 

ภรรยา!

 

ถึงแม้หลิวอวิ๋นจะคาดเดาไว้แต่แรกว่าความสัมพันธ์ของต้วนหลิงเทียนกับธิดาเทพสมควรไม่ธรรมดา…

 

แต่ร้อยพันหมื่นคาดมันก็ไม่เคยคิดว่าที่แท้ธิดาเทพของลัทธิบูชาไฟคนนั้น…กลับเป็นภรรยาของต้วนหลิงเทียนจริงๆ!?

 

เช่นนั้นลูกสาวของธิดาเทพ…ก็คือลูกสาวของนางกับต้วนหลิงเทียน!?

 

ทันทีที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ สีหน้าหลิวอวิ๋นแลดูไปไม่เป็น ทั้งตื่นตระหนกทั้งอื้ออึง “จะ…เจ้า เป็นสามีของธิดาเทพ!?”

 

มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าศิษย์น้องหลิงเทียนคนนี้ กลับเป็นสามีของธิดาเทพ คนที่ระดับสูงๆของลัทธิบูชาไฟยังออกตามล่าหาตัวและคิดฆ่าให้ตาย!

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียน…เจ้าให้เวลาข้าทำใจสักครู่เถอะ…”

 

ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน หลิวอวิ๋นยากจะสงบสติอารมณ์ได้อยู่นาน ใบหน้าของมันแปรเปลี่ยนไปมากมายหลายหลาก บ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้มวลอารมณ์มากมายต่างสับสนปนเปไปหมด

 

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าหลิวอวิ๋นจึงค่อยๆสงบลง

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียน…เหตุผลที่เจ้ามาเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟ สมควรเป็นเพราะเจ้าคิดช่วยเหลือธิดาเทพกระมัง?”

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง หลิวอวิ๋นมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาร้อนแรงปานจะแผดเผา

 

“ไม่ผิด”

 

เนื่องจากหลิวอวิ๋นกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปกปิดเรื่องนี้กับหลิวอวิ๋นอีกต่อไป “จุดประสงค์การมาลัทธิบูชาไฟของข้าง่ายดายนัก ทั้งหมดย่อมมาเพื่อช่วยเหลือภรรยากับลูกของข้า…หากแต่พลังฝีมือของข้าตอนนี้ยังไม่สูงพอจะช่วยพวกนางแม่ลูก…”

 

กล่าวจบคำต้วนหลิงเทียนก็เผยทีท่าเศร้าหมองไม่น้อย

 

“ตอนนี้ข้าเพียงหวังว่าหากข้าได้เข้าไปทำงานที่หอคุมกฏ ข้าจะมีโอกาสได้พบหน้าพวกนางแม่ลูกสักครั้ง…และสักวันข้าจะหาทางช่วยพวกนางแม่ลูกให้จงได้!”

 

ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนกล่าวออกอีกครั้ง คราวนี้สีหน้าท่าทางของเขากลับมาแน่วแน่เด็ดเดี่ยว แววตาเผยประกายคมกล้าหาใดเปรียบ

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียน…”

 

หลิวอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน “ข้ามิใช่คิดดับความหวังของเจ้า แต่อาศัยพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า…ข้าเกรงว่าจะไม่พอที่จะช่วยเหลือภรรยากับลูกสาวของเจ้า…”

 

“ท้ายที่สุดแล้วพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าก็เป็นเพียงรากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น…”

 

หากสามารถกล่าวออกมาตรงๆเช่นนี้ได้ ก็บ่งบอกแล้วว่าหลิวอวิ๋นเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นสหายคนหนึ่ง

 

และวาจาของมันก็เพียงคิดกระตุ้นเตือนต้วนหลิงเทียนให้ตระหนักถึงความเป็นจริงตรงๆเท่านั้น

 

ความสามารถของเจ้าไม่พอจะช่วยลูกเมีย!

 

“กระทั่งต่อให้รากวิญญาณของเจ้าไม่ใช่สีเหลือง แต่เป็นสีคราม ข้ากลัวว่าพลังฝีมือของเจ้าจะก้าวหน้าไม่ทันกาล อย่างไรจ้าวลัทธิบูชาไฟของเราก็กำลังจะออกจากการปิดด่านบ่มเพาะแล้ว…”

 

หลิวอวิ๋นเผยยิ้มขื่นขมออกมา “เจ้าต้องทราบด้วยว่าพลังฝีมือของจ้าวหอคุมกฏเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ารองจ้าวลัทธิทั้ง 2 กระทั่งรองจ้าวหอเองก็มีพลังฝีมือทัดเทียมกับอาวุโสเพลิงทอง…”

 

“หากเจ้าคิดช่วยเหลือพวกนางภายใต้เงื้อมมือของหอคุมกฏ นั่นหมายความว่าอย่างน้อยๆพลังฝีมือของเจ้าต้องสูงพอจะสยบจ้าวหอคุมกฏรวมถึงรองจ้าวหอคุมกฏให้ได้ก่อนที่จ้าวลัทธิจะออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ…”

 

หลิวอวิ๋นกล่าวถึงตรงนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างอับจน ด้วยมันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะมีสามารถถึงขั้นช่วยธิดาเทพกับลูกสาวให้รอดพ้นจากหอคุมกฏได้

 

“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านบอกดี…”

 

ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ค่อยมองถามหลิวอวิ๋นด้วยสายตาจริงจัง “แต่ให้ข้าถามท่านสักคำ หากคนสำคัญของศิษย์พี่หลิวอวิ๋นถูกหอคุมกฏจับไป และตัวท่านรู้ดีว่ามิอาจช่วยเหลืออะไรได้เลย…ท่านใช่ยินดีอยุ่เฉยๆแล้วมองพวกนางรับความตายหรือไม่?”

 

“ย่อมไม่”

 

หลิวอวิ๋นส่ายหัวตอบคำออกมาแทบจะทันที

 

ขณะเดียวกันมันก็ตระหนักได้ถึงความรู้สึกของต้วนหลิงเทียน หลังลองคิดว่าหากมันตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นมันจะทำอย่างไร…ไม่นานมันก็ได้คำตอบ

 

หากมันเป็นต้วนหลิงเทียน มันก็คงกระทำเช่นเดียวกัน!

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียน”

 

ทันใดนั้นราวกับหลิวอวิ๋นนึกเรื่องสำคัญอะไรได้ออก สองตาสว่างวาบมือสะบัดเรียกป้ายหยกป้ายหนึ่งออกมา

 

ด้านหน้าป้ายหยกปรากฏภาพต้นไม้ใหญ่ตระหง่านสลักเอาไว้ ที่มุมปรากฏอักษรสองตัวสลักไวว้อย่างน่าประทับใจ

 

เป็นอักษร หลิว กับ ตี๋

 

“นี่เป็นป้ายหยกประจำตัวสายโลหิตหลักของตระกูลหลิวข้า…ด้านหลังป้ายหยกจะมีชื่อข้าสลักเอาไว้”

 

หลิวอวิ๋นพลิกป้ายหยกให้ต้วนหลิงเทียนดู ก็พบคำหลิวอวิ๋นสลักไว้จริงๆ

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่เข้าใจว่าอยู่ๆหลิวอวิ๋นนำป้ายหยกอันนี้ออกมาทำอะไร “ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น ป้ายหยกนี่…”

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียน ข้ารู้ดีว่าเจ้าคิดไปหอคุมกฏ แต่เท่าที่ข้ารู้มาศิษย์ที่แท้จริงที่ไปทำงานที่หอคุมกฏนั้น ล้วนถูกสั่งให้ปฏิบัติงานอยู่ในขอบเขตที่กำหนดทั้งสิ้น เจ้าไม่มีโอกาสได้พบเจอคนที่ถูกหอคุมกฏกักขังไว้เลย”

 

หลิวอวิ๋นกล่าวออกอย่างตรงไปตรงมา

 

และวาจาของมันก็ทำให้หน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนสีทันที

 

หากเป็นแบบนั้นไม่ใช่ว่าเขาไม่มีทางได้เห็นเค่อเอ๋อหรือไง?

 

ขณะเดียวกันหลิวอวิ๋นก็กล่าวสืบต่อ “ทว่าอาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหลิวข้า และยังเป็นบรรพบุรุษที่มีสายโลหิตเดียวกันกับข้าได้ทำงานอยู่ที่หอคุมกฏ ฐานะของท่านบรรพบุรุษยังเป็นอาวุโสเพลิงเงินคนหนึ่ง…เมื่อเจ้าไปถึงหอคุมกฏให้เจ้านำป้ายหยกนี้ไปหาท่านบรรพชน และท่านบรรพชนจะพยายามทำให้เจ้าได้พบกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ก่านหรูเยี่ยน”

 

“ก่านหรูเยี่ยน?”

 

ได้ยินคำของหลิวอวิ๋นรอบนี้ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง

 

คนที่เขาต้องการพบไม่ใช่ก่านหรูเยี่ยน!

 

แต่เป็นภรรยาและลูกสาวของเขา!

 

หลิวอวิ๋นย่อมสังเกตเห็นท่าทีของต้วนหลิงเทียนได้ชัด

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียนให้ข้าบอกเจ้าตามตรงเถอะ แม้บรรพชนตระกูลหลิวของข้ายินดีช่วยเหลือเจ้า แต่ย่อมไม่มีหนทางพาเจ้าไปเข้าพบธิดาเทพได้…อย่างไรท่านบรรพชนก็เป็นแค่อาวุโสเพลิงเงินเท่านั้น มิใช่ชนชั้นจ้าวหรือรองจ้าวหอคุมกฏ…”

 

“สำหรับหอคุมกฏแล้ว ฐานะของธิดาเทพเป็นอันใดที่พิเศษนัก กระทั่งเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมิน้อย…กล่าวไปแล้วต่อให้บรรพชนของข้าเป็นอาวุโสเพลิงทองก็ไม่แน่ว่าจะเข้าพบได้…เพราะจ้าวหอคุมกฏกับรองจ้าวหอคุมกฏย่อมมิมีทางอนุญาต!”

 

หลิวอวิ๋นกล่าวสืบต่อ “แต่หากเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ก่านหรูเยี่ยนเรื่องราวย่อมต่างออกไป…ท่านบรรพชนตระกูลหลิวของข้าย่อมสามารถช่วยเหลือเจ้าให้เข้าพบนางได้! และเมื่อได้พบนางแล้ว เจ้าคิดฝากคำใดไปบอกภรรยาเจ้ากับลูกก็สามารถฝากฝังบอกผ่านศิษย์พี่หญิงใหญ่ก่านหรูเยี่ยน! นอกเหนือจากนี้แล้วเกรงว่าท่านบรรพชนตระกูลหลิวของข้าก็ไร้อำนาจทำอะไรได้”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคหลิวอวิ๋นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างอับจน

 

หลังได้ยินคำของหลิวอวิ๋น สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

เขาไม่คิดไม่ฝันเลย

 

ปรากฏว่าถึงแม้เขาจะได้เข้าไปทำงานในหอคุมกฏ กระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากอาวุโสเพลิงเงินในหอคุมกฏ แต่ก็ยังไม่อาจพบหน้าเค่อเอ๋อแม่ลูกได้อยู่ดี…

 

“ขอบคุณศิษย์พี่หลิวอวิ๋นมาก”

 

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายต้วนหลิงเทียนยังรับป้ายหยกมาจากหลิวอวิ๋น