ตอนที่ 2021

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,021 : เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน! เปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณ!!

 

 

ขอบเขตเซียนนภา!

 

ได้ยินคำตอบของผู้เฒ่าหั่ว ลูกตาต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเบิกโพลง!

 

ต้องทราบด้วยว่าพลังฝึกปรือของเขาตอนนี้ พึ่งจะทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นต้นเท่านั้น!

 

หากคิดจะทะลวงผ่านขอบเขตเซียนปฐพีจนบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาล่ะก็ ต่อให้มีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติช่วยเหลือ แต่นั่นก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่!

 

ยิ่งไปกว่านั้นกว่าจะบ่มเพาะพลังจนบรรลุขอบเขต เกรงว่าจุดรอคอยที่ต้องพบเจอคงไม่ใช่แค่เล็กน้อย!

 

“ผู้เฒ่าหั่ว…ท่านไม่ได้มองผิดแน่นะ?”

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกไปด้วยสงสัย

 

“ไม่”

 

ผู้เฒ่าหั่วไม่เพียงตอบอย่างมั่นใจ ยังให้เหตุผลสืบต่อ “เมื่อบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน ไม่เพียงแต่พลังเซียนต้นกำเนิดจะถูกยกระดับให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนเท่านั้น ยังสมควรเกิดความเปลี่ยนแปลงเฉพาะบางประการที่ทำให้เหนือกว่าเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนมากอีกด้วย”

 

“และการเปลี่ยนแปลงเฉพาะที่สมควรเกิดขึ้นเมื่อบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนที่ข้าพูดถึง ก็คือการเปลี่ยนแปลงไปของดวงตา ข้าพบว่าสายตาของเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนคล้ายจะแหลมคมขึ้นอย่างที่เซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนมิอาจเทียบ…”

 

ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนมาถึงลัทธิบูชาไฟ เขาได้พบตัวตนที่มีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนรวมถึงสูงกว่านั้นหลายคน

 

แน่นอนคนที่เขาพบเหล่านี้ไม่ใช่ศิษย์ หากแต่เป็นชนชั้นผู้อาวุโสทั้งหลาย

 

และในช่วงที่เขาได้พบเจอตัวตนระดับอาวุโส ผู้เฒ่าหั่วเองก็ได้ค้นพบพวกมันด้วย และจากสำนึกเทวะผู้เฒ่าหั่วย่อมพบความแตกต่างระหว่างพวกมันหลายอย่าง

 

ในบรรดาเรื่องที่ผู้เฒ่าหั่วค้นพบจากเหล่าอาวุโสของลัทธิบูชาไฟ ดูเหมือนชนชั้นเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนทั้งหลาย ดวงตาของพวกมัน ดูเหมือนจะได้รับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บางประการหลังทะลวงผ่านเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนมาได้!

 

“ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน…ดวงตาสมควรบังเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างงั้นเหรอ?”

 

ได้ยินคำตอบของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตกใจ

 

ทันใดนั้นเขาก็คาดเดาเรื่องราวบางอย่างขึ้นในใจทันที ‘ที่เซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนถูกเรียกว่า เปลี่ยนสู่เซียนต้นกำเนิด เพราะพลังเซียนในร่างจะยกระดับกลายเป็นพลังเซียนต้นกำเนิด…’

 

‘และ ทั้ง 9 เปลี่ยนก็ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงขึ้นของพลังเซียนต้นกำเนิดทำให้ระดับพลังสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดอย่างเดียว…ยังมีความเปลี่ยนแปลงเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์!’

 

‘เช่นนั้นหมายความว่า…เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน ความเปลี่ยนแปลงของมันเกี่ยวข้องกับดวงตา? ทำให้ดวงตาเปลี่ยนไปเป็นแหลมคมขึ้นอะไรทำนองนั้นงั้นเหรอ?’

 

หลังจากคาดเดาจบ ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นอะไรทำนองนี้แน่

 

‘ไว้ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นกลับมาค่อยถามดูแล้วกัน…ต้องโทษที่ในหอตำราที่เคยเข้าไปหาข้อมูลดันไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้อย่างละเอียด…’

 

อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะมั่นใจว่าเขาสมควรเดาถูก แต่อย่างไรทั้งหมดก็แค่การคาดเดาของเขาเท่านั้น เช่นนั้นเขาก็คร้านจะคิดมากสืบไป เพียงรอถามหลิวอวิ๋นกลับมาก็จบ เพราะอย่างไรหลิวอวิ๋นที่เป็นเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนแล้วก็น่าจะรู้ถึงเรื่องพวกนี้ดี…

 

เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน

 

หลังจากนั้นราวๆครึ่งชั่วยามร่างหลิวอวิ๋นก็ปรากฏขึ้นที่สุดฟ้าไกลตา ไม่นานก็บรรลุถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ทำให้สองตาเขาสว่างไสวด้วยความสนใจ!

 

“เป็นอย่างไรบ้างศิษย์พี่หลิวอวิ๋น”

 

ต้วนหลิงเทียนมองถามหลิวอวิ๋นออกไปด้วยความคาดหวังทันที

 

ตอนนี้เขาไม่อาจใช้กระบี่นิลสวรรค์กับศิษย์พี่ของเวินเยี่ยน เช่นนั้นเขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน

 

หากอีกฝ่ายไม่ได้ออกไปไหนหรือปิดด่านบ่มเพาะพลังอยู่ ไม่แคล้วต้องมาเยือนถึงหน้าประตูบ้านเขาในเร็วๆนี้แน่!

 

ถึงตอนนั้นเขาก็ทำได้แค่หลบซ่อนอยู่ในบ้าน เพราะหากออกมาก็ไม่พ้นถูกศิษย์พี่ของเวินเยี่ยนทุบตีแน่นอน

 

และจากความแค้นของเวินเยี่ยนที่มีต่อเขา น่ากลัวว่าอีกฝ่ายคงไม่ทุบตีสั่งสอนเขาแค่เบาะๆ!

 

ถึงตอนนั้นไม่พ้นเขาต้องบาดเจ็บสาหัส!

 

และถ้าเขามาได้รับบาดเจ็บสาหัสหมานความว่าเขาต้องพักฟื้นรักษาตัว และเกรงว่าคงไม่อาจหายดีได้ในเวลาสั้นๆ! เช่นนั้นเขาก็ต้องพลาดไปทำงานในหอคุมกฏ!!

 

และเมื่อไม่ได้ไปทำงานในหอคุมกฏ ย่อมหมายความว่าเขาไม่มีโอกาสได้พบหน้าเค่อเอ๋อแม่ลูก!

 

นั่นคือสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนไม่อาจยอมรับได้

 

เพราะตอนนี้เขากระทั่งอยากมีปีกงอกเงยออกมาสักคู่ จะได้เหินไปหอคุมกฏเพื่อทำงานด้วยซ้ำ

 

หากต้องล่าช้าและไม่อาจพบเค่อเอ๋อแม่ลูกได้ในเร็ววันเพราะสาเหตุนี้…เขาทนรับมันไม่ไหวจริงๆ!

 

“ฮ่าๆๆ ศิษย์น้องหลิงเทียนเจ้านับว่าโชคดีเสียจริง…ปู้หงนั่นดูเหมือนว่าจะออกเดินทางไกลไปเมื่อไม่นานมานี้ และท่าทางคงไม่กลับมาในเร็วๆนี้แน่!”

 

หลิวอวิ๋งเร่งตอบกลับไปทันที

 

‘ปู้หง’ ที่หลิวอวิ๋นพูดถึงก็คือศิษย์คนโตของจ้าวแท่นบูชามังกรคราม ศิษย์พี่ใหญ่ของเวินเยี่ยน! และเป็นศิษย์ที่แท้จริงที่มีอันดับที่ 2 ในทำเนียบยอดฝีมือ ซึ่งด่านพลังฝึกปรือได้บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว!!

 

“ออกเดินทางไกลงั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมดีใจเป็นธรรมดาเมื่อได้ยินข่าวนี้ ขณะเดียวกันเขาก็โล่งใจไม่น้อย

 

ด้วยเหตุนี้จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางไปยังวังชินหั่วเพื่อรับงาน และไปทำงานที่หอคุมกฏ

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียนถึงแม้ปู้หงมันจะออกเดินทางไกล และสมควรไม่ย้อนกลับมาในเวลาสั้นๆ…แต่ช่วงนี้เจ้าก็อย่าได้ออกไปไหนไกลเลย เร่งบ่มเพาะเพิ่มพูนพลังของเจ้าเถอะ”

 

หลิวอวิ๋นกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม “ถึงแม้พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าจะเป็นรากวิญญาณสีเหลือง แต่ตราบใดที่เจ้าพยายามให้มาก ก็ยังมีโอกาสที่จะทะลวงถึงด่านพลังเซียนนภา! ถึงตอนนั้นด้วยเวทย์พลังขั้นสูงทั้งหมดที่เจ้ามี…ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะปู้หง!”

 

หลิวอวิ๋นกล่าวออกมารวดเดียวจบ

 

ในวาจายังเผยความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนไม่น้อย

 

ถึงแม้ในสายตาของมัน พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนจะเป็นเพียงรากวิญญาณสีเหลืองก็ตามที

 

แต่เหตุผลที่ทำให้หลิวอวิ๋นคิดแบบนี้ เพราะมันได้ประจักษ์พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนมากับตา ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนนับว่ายากที่มันตอนนี้จะทัดเทียมได้ และเป็นอะไรที่ทำให้มันรู้สึกนับถือเลื่อมไสนัก

 

ต้วนหลิงเทียนเผชิญหน้ากับเวินเยี่ยน อันดับ 9 ในทำเนียบยอดฝีมือ ทว่ากลับสยบนางได้ราบคาบ!

 

พอได้ทราบเรื่องนี้ หลิวอวิ๋นก็เป็นกังวลไม่น้อย ด้วยกลัวว่าปู้หง ศิษย์พี่ของเวินเยี่ยนจะพิโรธ…

 

แต่สำหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชนะเวินเยี่ยนได้นั้น หลิวอวิ๋นไม่ได้แปลกใจอะไร

 

เพราะในวิหารเป็นตายวันนั้น กระบี่สุดท้ายที่ต้วนหลิงเทียนใช้ฆ่าหยางเหวิน ก็เป็นอะไรที่ตัวมันเองไม่อาจแลเห็นได้แม้แต่เงา จึงทำให้มันตระหนักได้ทันที…!

 

พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน แม้จะกวาดมองเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า น่ากลัวว่าจะติดอยู่ในอันดับต้นๆ! ซึ่งเวินเยี่ยนที่มีพลังฝีมือจัดอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ใช่อะไรที่จะเทียบเคียงได้เลย!!

 

และด้วยเหตุนี้มันยังสรุปได้อีกอย่าง

 

ด้วยพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกวันนั้น จะติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริง ก็ไม่ถือว่าผิดแปลกอะไร

 

ดังนั้นมันก็ไม่ได้แปลกใจอะไรที่ต้วนหลิงเทียนจะเอาชนะเวินเยี่ยนได้ง่ายดาย เพราะนี่เป็นเรื่องปกติ!

 

‘รากวิญญาณสีเหลือง?’

 

ต้วนหลิงเทียนได้แต่ลอบส่ายหัวไปมาในใจหลังได้ยินคำของหลิวอวิ๋น

 

สำหรับเขา รากวิญญาณสีเหลือง เป็นดั่งปฏิทินสีเหลืองเก่าเจียนเปื่อยยุ่ยไปแล้ว…

 

เพราะตอนนี้รากวิญญาณของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงินเรียบร้อย!

 

ด้วยมีความช่วยเหลือของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ…ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาตอนนี้ สามารถเทียบได้กับอัจฉริยะปีศาจที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีครามด้วยซ้ำ!

 

แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่หลิวอวิ๋นจะไม่ทราบเรื่องนี้

 

เพราะในสายตาของหลิวอวิ๋น พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก็เป็นเช่นเดียวกับข่าวลือที่ออกมา…รากวิญญาณสีเหลือง

 

“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น…”

 

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนคล้ายนึกอะไรได้ออก เร่งมองถามหลิวอวิ๋นออกมาทันที “การเปลี่ยนแปลงครั้งแรกของเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนคือ เปลี่ยนสู่พลังเซียนต้นกำเนิด…แล้วการเปลี่ยนแปลงของเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนคืออะไรหรือ?”

 

“การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 3 ของขอบเขตเซียนสวรรค์ เรียกว่า ‘เปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณ’”

 

ถึงแม้จะไม่ทราบว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงกล่าวถามเรื่องนี้ออกมา แต่หลิวอวิ๋นก็ตอบกลับไปทันที

 

“เปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณ?”

 

ลูกตาของต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลันเมื่อได้ยินคำตอบของหลิวอวิ๋น และตระหนักได้ว่าการเดาของเขาก่อนหน้านี้สมควรไม่ผิดพลาดแล้ว

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 3 ของขอบเขตเซียนสวรรค์ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับดวงตาจริงๆ!

 

ไม่แปลกใจเลยที่ไฉนผู้เฒ่าหั่วถึงได้กล่าวว่า เมื่อเทียบกับเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนแล้ว เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนถึงได้มีสายตาแหลมคมกว่า เป็นเพราะบังเกิดความเปลี่ยนแปลงของดวงตานี่เอง!

 

“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นสำหรับเปลี่ยนที่ 1 ของเซียนสวรรค์ที่เรียกว่าเปลี่ยนสู่เซียนต้นกำเนิด เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรข้าพอรู้มาบ้าง…”

 

“แต่ท่านรู้หรือไม่ไฉนการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 3 ของเซียนสววรรค์…ถึงได้เรียกว่าเปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณ?”

 

ต้วนหลิงเทียนยังคงถามออกมาต่อ

 

“ข้ารู้”

 

ถึงแม้จะยังไม่ทราบว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้สนใจเรื่องนี้นัก แต่หลิวอวิ๋นก็ยังคงตอบกลับไปทันที “การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 3 ของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ ไฉนถึงได้เรียกว่าเปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณนั้นเป็นเพราะว่า…เซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทุกคนจำต้องใช้พลังวิญญาณขัดเกลาดวงตาของตัวเองให้กลายเป็นเนตรวิญญาณให้ได้เสียก่อน ถึงจะบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนได้…”

 

“ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้น จะมีสายตาที่แหลมคม! ยังสามารถมองเห็นในสิ่งที่คนปกติไม่อาจเห็น!”

 

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้หลิวอิว๋นคล้ายนึกอะไรออก จึงกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนออกมาทันที “ข้าไม่ได้คุยโวอะไร แต่หากข้าสามารถขัดเกลาดวงตาให้กลายเป็นเนตรวิญญาณได้สำเร็จ ข้าอาจจะเห็นกระบี่สุดท้ายที่เจ้าใช้ฆ่าหยางเหวินได้”

 

หลิวอวิ๋นยังคงรำลึกถึงกระบี่สุดท้ายที่เป็นกระบี่สังหารของต้วนหลิงเทียนวันนั้นอยู่เสมอ

 

“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”

 

คำอธิบายของหลิวอวิ๋นก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนทราบว่าสิ่งที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกนั้น ไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย

 

ตัวตนตั้งแต่ขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนขึ้นไป มีสายตาที่แตกต่างไปจากคนธรรมดา

 

ดูท่าเขาจำต้องบรรลุให้ถึงด่านพลังเซียนนภาแล้วจริงๆ ถึงจะสามารถใช้กระบี่นิลสวรรค์ได้อย่างไร้ร่องรอยต่อหน้ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน…

 

“ว่าแต่ศิษย์น้องหลิงเทียน เจ้าถามเรื่องนี้ทำไมหรือ?”

 

หลิวอวิ๋นกล่าวถามด้วยสงสัย

 

“ข้าแค่อยากรู้น่ะ ก็เจ้าปู้หงอะไรนั่นมันบรรลุพลังฝึกปรือขอบเขตนี้ไม่ใช่หรือไง…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม ทว่าลึกลงไปในแววตากลับเผยประกายแหลมคมวูบหนึ่ง

 

ประกายแหลมคมนั่นวูบสว่างขึ้นมาค่อยดับไปดั่งละอองไฟ ยากที่หลิวอวิ๋นจะสังเกตเห็นได้ทัน

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียน”

 

ทันใดนั้นคล้ายหลิวอวิ๋นพึ่งนึกอะไรออก มันมองจ้องต้วนหลิงเทียนค่อยกล่าวถามออกมาอีกครั้ง “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่วังชินหั่วแล้วถามเรื่องการเข้าทำงานที่หอคุมกฏมาแล้ว กระทั่งเจ้ายังคิดจะเข้าไปทำงานที่หอคุมกฏด้วยใช่หรือไม่?”

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบรับ

 

เขาย่อมอยากเข้าไปทำงานที่หอคุมกฏ เพราะตอนนี้ลูกเมียของเขาถูกขังอยู่ที่นั่น

 

และหากเขาคิดจะช่วยทั้งคู่ออกมาให้ได้จริง เขาก็จำต้องสำรวจที่ทางให้ดีเสียก่อน ทั้งหมดเพื่อให้เขาวางแผนการช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสม

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียน…เจ้ารู้จักธิดาเทพใช่หรือไม่?”

 

และหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบรับไปไม่ทันไร หลิวอวิ๋นก็ยิงคำถามนี้ออกมาทันที

 

และคำถามดังกล่าวของหลิวอวิ๋น ก็ทำให้ม่านตาต้วนหลิงเทียนเบิกกว้างออกเล็กน้อย

 

เพราะเขาไม่คิดจริงๆว่าอยู่ๆหลิวอวิ๋นจะยิงคำถามนี้ออกมา

 

อย่างไรก็ตามม่านตาที่เบิกกว้างออกของเขาก็หวนคืนสู่ความปกติในชั่วพริบตา จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงท่าทางปกติคล้ายคนไม่รู้เรื่องราว “ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น ไฉนท่านถึงได้ถามเรื่องนี้เล่า?”

 

“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่รู้สึกว่าเรื่องราวมันบังเอิญเกินไป…”

 

แม้ม่านตาต้วนหลิงเทียนจะเบิกกว้างขึ้นวูบหนึ่งก่อนที่จะกลับสู่ความปกติในเสี้ยวพริบตา ยากที่ใครจะสังเกตเห็นได้ทัน ทว่าหลิวอวิ๋นที่มองจ้องอยู่แต่แรกอย่างไม่วางตา…ย่อมสามารถแลเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ยากจะเห็นนี้ได้! ทำให้มันมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเองเพิ่มขึ้นหลายส่วน!!

 

ต้วนหลิงเทียน สมควรรู้จักธิดาเทพของลัทธิบูชาไฟ!

 

“หือ? เรื่องราวมันบังเอิญเกินไป?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้ววยสีหน้างุนงง

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียน เจ้าต้องการฟังคำตอบจริงๆ?”

 

หลิวอวิ๋นมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้งค่อยถาม