ช่วงที่จวินอู๋เสียเข้าไปในโลกวิญญาณ อาณาจักรบนก็เกิดพายุฝนขึ้น……
สายลมแรงส่งเสียงหวีดหวิวพร้อมฝนที่กระหน่ำลงมายังพื้นดิน เม็ดฝนขนาดเท่าเมล็ดถั่วโปรยปรายไปทั่วทุกหนแห่ง ด้านนอกวังหลวงที่โอ่อ่า มีร่างที่ดูน่าสังเวชคุกเข่าอยู่บนพื้นที่เย็นและเปียกชื้น สายฝนตกกระทบตัวเขาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ยังคุกเข่านิ่งไม่ขยับเขยื้อน
ภายในวังมืดสนิทและไม่มีเสียงใดๆให้ได้ยิน
“เจ้าบอกว่าเจ้าแพ้ผู้หญิงจากอาณาจักรล่างงั้นหรือ?” ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากวังที่มืดมิดนั้น
หนานกงเล่ยที่คุกเข่าอยู่กลางสายฝนตัวสั่นไม่หยุด ลมหายใจของเขาเริ่มช้าลง เขาก้มหน้าลงต่ำ สองมือวางไว้ด้านหน้า ก้มตัวลงจนหน้าผากแตะพื้น สายฝนกระหน่ำใส่เขาทั้งตัวอย่างไร้ความปราณี พยายามที่จะเอาความอบอุ่นออกไปจากร่างเขาทุกตารางนิ้ว
“ข้าน้อยไร้ความสามารถ นายท่านโปรดลงโทษข้าเถอะ!”
ไม่มีเสียงตอบรับจากในวังอันมืดมิด ทุกอย่างเงียบกริบจนน่ากลัว มีแต่เสียงฝนที่ตกหนักดังก้องอยู่ข้างหูของหนานกงเล่ย
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากจวินอู๋เสียในอารามหลิงซวี แม้ว่าพวกซูจิ่งเหยียนจะให้ความช่วยเหลือบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ดูแลเขามากขนาดนั้น เขาไปที่อาณาจักรกลางเพราะได้รับภารกิจให้สร้างโทเทมวงเวทย์บูชายัญที่นั่น แต่วันนี้เขากลับมาพร้อมความล้มเหลว ไม่เพียงแต่วิหารถูกทำลายไป 108 แห่งเท่านั้น แต่กองทัพที่เขานำไปก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น ผู้ใช้พลังวิญญาณสีทองเกือบหมื่นคนต้องถูกฝังอยู่ในอาณาจักรกลาง มีเพียงเขาที่ยืดลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกไปได้ และกลับมาในสภาพที่น่าสังเวชบาดเจ็บไปทั้งตัว หลังจากเงียบอยู่นาน ก็มีเสียงดังออกมาจากวังอีกครั้ง
“กระดูกวิญญาณอยู่กับนางใช่ไหม?”
“ข้าน้อยไม่ทราบ แต่นางพูดเช่นนั้น” หนานกงเล่ยแจกแจงอย่างละเอียด
“รู้แล้ว ไปได้”
หนานกงเล่ยจากไปด้วยตัวที่เปียกโชก ไม่รู้ว่าส่วนไหนคือน้ำฝน ส่วนไหนคือเหงื่อ
“เอาเรื่องนี้ไปบอกชิงเฉิง” เสียงจากวังดังขึ้นอีกครั้ง
เงาดำเดินออกมาจากวังและหายแวบไป
ในสวนที่เงียบสงบและงดงามซึ่งตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่ง ร่างที่เย็นชาแต่สง่างามยืนอยู่ข้างสระน้ำใสดุจคริสตัล สายตาเย็นชาของนางจ้องมองไปที่ปลาคราฟซึ่งกำลังว่ายอยู่ในน้ำ
“ท่านชิงเฉิง!” ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาหานางอย่างรีบร้อน จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งที่ข้างสระน้ำ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างสระน้ำคือลั่วชิงเฉิง คนที่เคยไปที่อาณาจักรกลางเมื่อครั้งนั้น เวลาห้าปีที่ผ่านไปไม่ได้ทิ้งริ้วรอยใดๆไว้บนใบหน้าของนางเลย นางหันหน้ามามองทหารคนนั้น
“มีอะไร?”
“ท่านเจ้าเหนือหัวส่งคนมาขอรับ ตอนนี้รออยู่ที่เรือนหน้า” ทหารคนนั้นกล่าว
ลั่วชิงเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อาจารย์ส่งคนมาหรือ?” หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ลั่วชิงเฉิงก็ก้าวออกไปที่เรือนหน้า
ในห้องโถงใหญ่ของเรือนหน้า ร่างสองร่างปรากฏขึ้นในสายตาของลั่วชิงเฉิง ชายหนุ่มรูปงามมากคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มชาอย่างสบายอยู่บนเก้าอี้ ผู้หญิงที่มีใบหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึกยืนอยู่ข้างหลังเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ลั่วชิงเฉิงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าของผู้มาเยือน
“ทำไมเป็นเจ้า?” ชายคนนั้นวางถ้วยชาลงและเงยหน้าขึ้น ดวงตายิ้มแย้มของเขามองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของลั่วชิงเฉิง
“ทำไมหรือ? ดูเหมือนท่านชิงเฉิงจะไม่ต้อนรับข้านะ” มุมปากของชายคนนั้นยกขึ้นเป็นรอยยิ้มมีเสน่ห์ รอยยิ้มนั้นเมื่ออยู่บนใบหน้าที่หล่อเหลาก็ยิ่งงดงามสะดุดตาอย่างที่สุด แต่ไม่รู้ทำไม มันกลับทำให้ผู้คนเย็นวาบไปทั้งหลังและไม่กล้ามองตรงๆ