“เห็นกระดานหมากรุกตรงนั้นหรือไม่? ” สัตว์ภูตชี้ไปที่ระยะไกล
ซูจิ่นซีมองไปยังทิศทางที่นางชี้ ที่แห่งนั้นปรากฏโต๊ะหินสิบตัว บนโต๊ะมีหมากรุกสิบตัว
เดิมทีแววตาของซูจิ่นซีทอประกายความสนุกสนานอยู่บ้าง ทว่าทันใดนั้นกลับหม่นหมองลงเล็กน้อย
“เหอะ เหอะ เจ้าต้องการแข่งหมากรุกกับข้าหรือ? ”
ซูจิ่นซียอมรับว่าทักษะการเล่นหมากรุกของนางไม่เลว ทว่าให้เล่นหมากรุกก็คงน่าเบื่อเกินไปกระมัง?
พูดตามตรง ต่อสู้กันไม่ดีกว่าหรือ?
ทันใดนั้น ท่าทางของสัตว์ภูตก็เปลี่ยนเป็นเอาจริงเอาจังอย่างมาก เดิมทีร่างของนางเป็นเด็กเล็ก ทว่าเมื่อแสดงท่าทีเช่นนั้นกลับทำให้รู้สึกน่ากลัวจนตัวสั่น
“หยุดพูดไร้สาระ ในเมื่อเจ้าตกลงแข่งกับข้า ทั้งยังตอบตกลงเห็นด้วยให้ข้าตั้งกฎ ดังนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”
โอ้ พระเจ้า…
ข้าล้มเลิกสัญญาไม่ได้หรือ?
ไม่แข่งแล้วได้หรือไม่?
ซูจิ่นซีแสดงท่าทางรำคาญใจ
“เจ้าคงไม่คิดจะให้ข้าเล่นกับเจ้าสิบกระดานกระมัง! ”
“ถูกต้อง! ”
“สิบกระดาน? เราไม่สร้างปัญหาได้หรือไม่? สิบกระดานนี้ต้องใช้เวลาถึงเมื่อไร? ”
นางยังมีเรื่องใหญ่ให้จัดการอีก!
คนมีเรื่องสำคัญต้องทำ!
หมากรุกสิบกระดาน หากต้องเล่นสามถึงห้าวัน นางต้องเสียเวลาสามถึงห้าวันอยู่ที่นี่หรือ?
ต่อให้นางยอมเสียเวลาเล่น ทว่าชาวบ้านในหุบเขาหลูเหว่ยด้านนอกคงไม่อาจเสียเวลาได้กระมัง!
“อย่าต่อรองกับข้า นี่คือถ้ำสัตว์ภูต หากไม่มีคำสั่งของข้า พวกเจ้าอยากจะหนีก็หนีไปไหนไม่ได้
ซูจิ่นซีเข้าใจเรื่องนี้ดี
เห็นได้ชัดว่าถ้ำสัตว์ภูตที่อยู่ตรงหน้าเป็นโลกแห่งภาพมายา เว้นเสียแต่ว่าวรยุทธ์ของนางจะเหนือกว่าสัตว์ภูตมากๆ จึงจะสามารถทำลายภาพลวงตานี้ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีวันออกไปได้
ภายใต้ความคิดที่หมุนวนอย่างรวดเร็ว ซูจิ่นซีจึงเลือกเล่นหมากรุกกับสัตว์ภูต แม้ไม่แน่ใจว่าต้องสู้จนถึงเมื่อไร!
ต่อให้สู้ชนะ ก็เป็นอย่างที่สัตว์ภูตว่าไว้ นางออกจากภาพลวงตานี้ไม่ได้
“ตกลง! พวกเรามาเริ่มกันเถิด! ”
ซูจิ่นซีรีบตอบตกลงทันที จากนั้นจึงเดินนำไปที่กระดานหมากรุกสิบกระดานนั้น
ทว่าทันทีที่เดินไปถึงกระดานหมากรุก ซูจิ่นซีพลันเหงื่อแตก
เดิมทีนางคิดว่าเป็นการเล่นหมากรุกทั้งหมดกับสัตว์ภูต ไม่คิดเลยว่าหมากรุกทั้งสิบกระดานจะเป็นหมากกล
เรื่องวิปริตอันใดกัน หมากกลทั้งสิบกระดานนี้ ไม่ใช่การขุดหลุมพรางไว้หรือ?
ต้องทราบว่าหมากรุกกลยากกว่าหมากรุกปกติมาก
สัตว์ภูตราวกับเข้าใจความสงสัยของซูจิ่นซี
“หมากรุกสิบกระดานนี้เป็นสิ่งที่เพื่อนเก่าของข้าทิ้งไว้เมื่อพันปีก่อน ข้าศึกษามาหลายพันปีแล้ว ทว่ายังไม่สำเร็จ
วันนี้เจ้ากับข้า เราสองคนมาเล่นหมากรุก ข้าจะให้เจ้าเลือกก่อนว่าในแต่ละกระดาน เจ้าจะเป็นสีดำหรือสีขาว! ”
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็อยากด่ามารดาเสียจริง
สัตว์ภูตศึกษามาพันปีแล้วยังไม่เข้าใจ เช่นนั้น นางต้องเล่นไปถึงเมื่อไร?
ไม่แน่ว่านางเล่นจนตายก็อาจเล่นไม่จบ
ในตอนนั้น ซูจิ่นซีอยากเสียบกระบี่เฟิ่งอวี่ในมือไปที่ท้องของสัตว์ภูตจริงๆ
ทว่าสุดท้ายแล้ว นางก็ยังอดทน
ทันใดนั้น นางก็นึกถึงคำพูดที่เยี่ยโยวเหยากระซิบข้างหูก่อนถึงถ้ำสัตว์ภูต “หากเรื่องไม่เป็นดั่งที่คาดไว้ ข้ามีแผนสำรอง” นางไม่เชื่อว่าครึ่งชีวิตที่เหลือของตนและเยี่ยโยวเหยาจะถูกลิขิตให้เสียเวลาอยู่ที่นี่
นางเชื่อว่า ไม่ว่าเรื่องใด ขอเพียงศึกษาอย่างเต็มรูปแบบ เหมือนกับการแก้กลเก้าห่วง และขบคิดอย่างเชื่องช้า จะต้องคลี่คลายปัญหาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
ทันใดนั้น มือที่แนบอยู่ข้างลำตัวก็ถูกมือที่อบอุ่นกุมไว้แน่น ซูจิ่นซีหันไปมองด้านข้าง และเห็นภายในดวงตาดำขลับลึกซึ้งของเยี่ยโยวเหยามีเพียงนางเท่านั้น
“วางใจ ไม่ว่าเมื่อใด ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้า”
ซูจิ่นซีเข้าใจความหมายประโยคนี้ของเยี่ยโยวเหยา
บุรุษที่อยู่เคียงข้างนางผู้นี้ ขณะที่นางยังไม่ปรากฏตัว เขามักจะใช้วิธีเช่นนี้แก้ไขปัญหา นั่นก็คือวรยุทธ์
ทว่าหลังจากที่นางปรากฎตัว โดยเฉพาะเวลาที่นางอยู่ในเหตุการณ์ เขากลับมีวิธีนับพันนับหมื่นในการแก้ปัญหา ทั้งยังคิดแทนนางอย่างรอบครอบทุกครั้ง
ซูจิ่นซีรู้ว่าหากใช้วิธีบุ๋นแก้ไขไม่ได้ เยี่ยโยวเหยาจะเลือกใช้กำลังอย่างแน่นอน
“ไปเถิด! ”
น้ำเสียงแข็งแกร่งของเยี่ยโยวเหยาเป็นแรงสนับสนุนให้ซูจิ่นซีอย่างมาก
ซูจิ่นซีพยักหน้าและเดินไปที่กระดานหมากรุกทีละก้าวโดยไม่รู้ว่าต้องทำอันใด นางไม่รีบร้อนในการเล่นหมากรุกกับสัตว์ภูต ทั้งยังเดินไปมาระหว่างกระดานหมากรุกเหล่านั้นไม่หยุด เพื่อทำความเข้าใจ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป อีกครึ่งชั่วยามผ่านไป และอีกหนึ่งชั่วยามผ่านไป
สัตว์ภูตเร่งรัดสิบกว่าครั้งแล้ว
ทว่าซูจิ่นซีกลับไม่มีท่าทีสนใจนางแม้แต่น้อย
ขณะที่สัตว์ภูตอดทนไม่ไหวและต้องการระเบิดอารมณ์ออกมานั้น ซูจิ่นซีก็เผยรอยยิ้มสดใสราวกับท้องฟ้าเปิดให้กับสัตว์ภูต ก่อนจะเดินไปถึงกระดานหมากรุกที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว
“เรียบร้อย พวกเราเริ่มเล่นกันเถิด! ข้าเลือกตัวขาว เจ้าถือตัวดำ ตาต่อไปไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว”
สัตว์ภูตเดินไปฝั่งตรงข้ามซูจิ่นซีอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก จากนั้นทั้งสองก็เริ่มเล่นหมากรุก
“แปะ… แปะ… แปะ… ”
ตัวสีขาวและสีดำวางลงบนกระดานไม่หยุด
เพราะนี่เป็นหมากรุกกลที่สัตว์ภูตศึกษามานานนับพันปี ดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับเส้นทางเดินหมากรุกบนกระดานเป็นอย่างดีและวางหมากได้อย่างรวดเร็ว
ทว่าการวางหมากของซูจิ่นซีก็ไม่ช้าเช่นกัน
เมื่อสัตว์ภูตเห็นว่าซูจิ่นซีไม่ไตร่ตรองการวางหมากแม้แต่น้อย สายตาของนางจึงเผยรอยยิ้มเยาะ
“เจ้าตัวแสบ เป็นไปตามคาด เจ้ายังเด็กเกินไป ขาดการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เจ้าต้องดูให้ดี หากทำลายเกมหมากรุก ข้าจะสับเจ้าแล้วโยนให้พวกสัตว์ภูตน้อย”
ใบหน้าของซูจิ่นเคร่งขรึมอย่างมาก ราวกับไม่ได้ฟังเสียงของสัตว์ภูตและไม่สนใจนางแม้แต่น้อย
ช่วงแรก สัตว์ภูตรู้สึกว่าวิธีการเดินหมากรุกของซูจิ่นซีนั้นไร้ทิศทาง ทว่าค่อยเป็นค่อยไป นางรู้สึกว่า แท้จริงแล้ว ทุกก้าวการเดินหมากไม่ได้เดาสุ่ม ตรงกันข้าม ซูจิ่นซีกลับพิจารณาอย่างรอบคอบดีแล้ว ทั้งยังเชื่อมโยงกันและกัน จนทำให้นางตอบโต้กลับได้ยาก
กระทั่งเวลาต่อมา ทุกการเดินหมากของนางช้าลงและต้องขบคิดเป็นเวลานาน ในขณะที่ซูจิ่นซีวางหมากตัวขาวลงทันที
สีหน้าของสัตว์ภูตซีดเผือดเล็กน้อย นางเตือนซูจิ่นซีอีกครั้ง “เจ้าตัวแสบ ดูให้ดีก่อนค่อยวางหมาก! ”
คราวนี้ซูจิ่นซีตอบกลับสัตว์ภูต “ท่านผู้เฒ่าวางใจ ข้าดูดีแล้ว! หมากของเจ้าต่างหาก มั่นใจแล้วหรือ! ”
“หึ! ”
ในที่สุดกระดานแรกก็จบลง
ซูจิ่นซีชนะหมากกระดานแรก แม้ไม่ได้ดักตัวดำของสัตว์ภูตเสียจนมุม ทว่าทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจว่าสถานการณ์บนกระดานหมากรุกตอนนี้ หมากขาวชนะแน่นอน หากเดินต่อไปก็ไม่มีความหมายอันใด
สัตว์ภูตกระชากเสียง “การเดินหมากของเจ้าตัวแสบไม่เลว หึ! รอบแรกเล่นได้ไม่เลว แต่ยังมีอีกเก้ากระดาน! อย่าเพิ่งได้ใจไป! ”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“เหอะ เหอะ หมากรุกสิบกระดานนี้ ใช่ว่าจะต้องเดินให้รู้แพ้รู้ชนะทุกกระดานเสมอไป! ข้ามองว่าคนที่วางหมากกลนี้ไม่ได้คิดเช่นนั้น ดูเหมือนเขากำลังบอกใบ้อันใดบางอย่าง พวกเราเพียงแก้หมากกลพวกนี้ก็พอแล้วมิใช่หรือ? ”
คำพูดของซูจิ่นซีราวกับชี้ทางสว่างให้สัตว์ภูตที่งุนงงมาหลายพันปี ท่าทางของนางพลันเปลี่ยนไปและตกตะลึงอยู่กับที่ครู่หนึ่ง