ในเวลานี้หลิงเทียนหยุนได้มาถึงใกล้กับปากทางเข้าของเหมืองเรียบร้อยแล้วด้วยร่างเงาของเขา
เขาไม่สนใจเหล่าทหารยามหรือผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของภูเขาฟีนิกซ์แม้แต่น้อย เขาค่อย ๆ เร้นกายเข้าไปในเหมืองอย่างเงียบเชียบและระมัดระวัง
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนพูดเองว่าต่อให้ร่างเงาของเขาถูกทำลายมันก็ไม่เป็นอะไร แต่เขาก็ยังทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวังถึงขีดสุด เพราะว่าเขาไม่ต้องการให้เหล่าศัตรูไหวตัวทัน
และอีกอย่างในครั้งนี้ที่เขาเร้นกายเข้าไปในเหมืองเขาไม่ได้เข้าไปด้วยร่างเงาตัวเองเปล่า ๆ เขาได้นำแผ่นยันต์ที่เอาไว้ใช้สำหรับบอกตำแหน่งให้กับหลิงฟ่างหัวมาด้วย
แผ่นยันต์ชิ้นนี้คือจุดอ่อนใหญ่ที่สุดของเขา เนื่องจากมันมีประกายรัศมีพลังมิติส่องออกมาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งรัศมีพลังเช่นนี้มันถูกพบเห็นได้ง่ายมากจากผู้เชี่ยวชาญระดับสูง
ดังนั้นหลิงเทียนหยุนจึงต้องค่อย ๆ ใช้เส้นทางที่อับสายตาที่สุดและพยายามเอาร่างเงาของตัวเองบังแผ่นยันต์เอาไว้เพื่อไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจับได้
โชคดีที่ท้ายที่สุดเขาก็สามารถผ่านเข้าไปถึงด้านในเหมืองโดยไม่มีปัญหา
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเข้ามาถึงด้านในเหมืองได้สำเร็จ ภารกิจของเขาก็ยังคงไม่จบสิ้นอยู่ดี เนื่องจากเขายังเหลือภารกิจที่ต้องตามหาสถานที่ที่เหล่าอสูรปีศาจเอาทองคำสีชาดไปซ่อนไว้
“ท่านพ่อ ข้าเข้าไปในเหมืองได้แล้ว” ร่างที่แท้จริงของหลิงเทียนหยุนที่ในตอนนี้นั่งอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงรายงานขึ้น “ผู้คนในเหมืองแห่งนี้ทำงานกันหนักมากจริง ๆ พวกเขาทุกคนต่างซูบผอมจนดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะไม่มีเวลาพักกันเลยด้วยซ้ำ หากเป็นแบบนี้มันคงไม่แปลกถ้าพวกเขาจะตายจากการทำงานหนัก”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “ไม่ต้องใส่ใจพวกเขา เจ้าแค่ระวังตัวของเจ้าเองก็พอ”
“เข้าใจแล้ว” หลิงเทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย “เอ๊ะ ท่านพ่อ พวกผู้คุมเพิ่งสั่งให้พวกคนงานหยุดขุดและสั่งให้พวกเขาออกไปนั่งพักที่ด้านนอก ดูเหมือนว่ามันจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น”
ภานในถ้ำเหมืองร่างเงาของหลิงเทียนหยุนไม่ได้ตามออกไปจากถ้ำพร้อมกับพวกเหล่าคนงาน เขายังคงซ่อนตัวอยู่ในเงามืดภายในถ้ำ
ไม่นานต่อมา หลิงเทียนหยุนก็ได้เห็นร่างหลายร่างปรากฏตัวขึ้นมาจากพื้นดิน พวกมันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้าไปหาแร่ทองคำสีชาดและจากนั้นพวกมันก็ลากแร่บางส่วนลงไปใต้พื้นดิน
เมื่อเห็นทักษะที่ร่างเหล่านั้นสามารถหลอมรวมเข้าไปในพื้นดินได้อย่างแนบเนียน หลิงเทียนหยุนก็เดาได้ทันทีว่าไอ้พวกนี้มันคืออสูรดิน
หลิงเทียนหยุนไม่รอช้าเขารีบใช้ร่างเงาของตัวเองพุ่งเข้าไปแฝงตัวกับเงาของเหล่าอสูรดินและตามพวกมันมุดลงดินไปด้วย
“ท่านพ่อ ข้าเจอพวกมันแล้ว!” หลิงเทียนหยุนรีบพูดกับหลิงตู้ฉิงทันที “จำนวนของพวกมันมีไม่น้อยเลยท่านพ่อ ในตอนนี้ที่ข้าเห็นอยู่คือมีพวกมัน 8 ตัว อสูรดิน 5 ตัวและปีศาจเงาอีก 3 ตัว!”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้ว “มีพวกมันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ดูเหมือนว่าจะมีคนในที่เป็นหนอนอยู่ ไม่อย่างนั้นพวกมันคงไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้เยอะขนาดนี้ เอาล่ะเจ้าตามดูต่อไปด้วยความระมัดระวัง ไอ้พวกนี้มันชอบพื้นที่ที่มีอากาศเย็น พวกมันไม่อาศัยอยู่ในเหมืองที่มีแต่ธาตุอัคคีนานสักเท่าไหร่หรอก”
“รับทราบท่านพ่อ!” หลิงเทียนหยุนพยักหน้า
ผ่านไปอีกพักใหญ่ หลิงเทียนหยุนก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ ไอ้พวกอสูรปีศาจเหล่านี้มันมันขโมยทองคำสีชาดไปซ่อนเยอะมาก เยอะพอ ๆ กับภูเขาลูกย่อม ๆ เลย! พวกมันซ่อนแยกเอาไว้ในสถานที่ 5 แห่ง ซึ่งอยู่ไกลกับเหมืองพอสมควร แต่ว่าไอ้พวกอสูรดินพวกนี้มันแทบจะไม่โผล่ขึ้นไปบนพื้นดินเลย ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพยายามหาตัวมัน มันก็คงยากที่จะหาพวกมันเจอ”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อสูรทุกสายพันธุ์ต่างมีจุดด้อยและจุดแข็งแตกต่างกันไป จุดแข็งของอสูรดินนั้นก็คือการอาศัยอยู่ในพื้นดินได้เป็นระยะเวลานาน ใต้ดินลงไปนั้นเป็นเหมือนสวรรค์ของพวกมัน หากไม่มีความสามารถเพียงพอ มันก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับพวกมันได้ แล้วตอนนี้พวกมันหยุดรึยัง?”
“ยังท่านพ่อ พวกมันกำลังเคลื่อนไหวกันอยู่” หลิงเทียนหยุนตอบกลับ
หลักจากผ่านไปอีกพักใหญ่ ๆ หลิงเทียนหยุนก็พูดกับหลิงฟ่างหัว “น้องห้า ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว เจ้าเริ่มขโมยได้เลย!”
หลิงตู้ฉิงเอ่ยเตือนขึ้น “ค่อย ๆ หยิบมาทีละน้อย กฏแห่งไฟของทองคำสีชาดนั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง”
หลิงฟ่างหัวพยักหน้า จากนั้นนางใช้พลังของกฎแห่งมิติปกคลุมมือของนางเอาไว้และเอื้อมมือทะลุเข้าไปในประตูมิติของนาง ซึ่งในเวลาไม่นานก้อนทองคำสีชาดจำนวนมากก็ ‘ไหลบ่า’ ออกมาจากประตูมิติ
เมื่อเหล่าทองคำสีชาดไหลบ่าออกมาประตูมิติ หลิงตู้ฉิงก็เป็นคนจัดเก็บมันด้วยตัวเองทันที
“ทองคำสีชาดในที่ซ่อนแรกหมดแล้ว ข้าจะไปยังที่ซ่อนต่อไปล่ะนะ” หลิงเทียนหยุนหัวเราะ
เมื่อพูดจบหลิงเทียนหยุนก็มุ่งหน้าไปที่ซ่อนทองคำสีชาดถัดไปทันที
ทองคำสีชาดที่ถูกขุดขึ้นมาโดยเมืองขนนกอัคคีในเวลาร้อยปีที่ผ่านมารวมไปถึงทองคำสีชาดที่ถูกซ่อนไว้ใต้พื้นดินโดยอสูรดินล้วนถูกขโมยไปจนหมดสิ้น หรือแม้แต่ทองคำสีชาดที่ถูกเตรียมไว้สำหรับส่งให้ภูเขาฟีนิกซ์ก็ถูกขโมยไปทั้งหมดเช่นกัน
ทางด้านของเหล่าอสูรดินและปีศาจเงานั้นพวกมันไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ทุก ๆ ครั้งที่พวกมันเคลื่อนย้ายทองคำสีชาดเสร็จ พวกมันจำเป็นต้องไปพัก เนื่องจากกฏแห่งไฟที่อยู่ในทองคำสีชาดทำให้พวกมันรู้สึกไม่สบายตัวและพวกมันก็ไม่ได้ทิ้งหนึ่งในพวกมันเฝ้าทองคำสีชาดที่ขโมยมาเพราะด้วยเหตุผลเดียวกัน
กฎแห่งไฟเป็นของแสลงของพวกมัน พวกมันย่อมไม่อยากจะอยู่ใกล้
และยิ่งไปกว่านั้นพวกมันนึกไม่ถึงว่าจะมีใครรู้ที่ซ่อนทองคำสีชาดของพวกมันทั้งหมด อันที่จริงพวกมันไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีใครรู้ตัวว่าทองคำสีชาดได้หายไป ดังนั้นเมื่อไม่มีใครรู้ว่าทองคำสีชาดหายไป แล้วจะมีใครมาขโมยทองคำสีชาดของพวกมันได้ยังไง?
เมื่อเป็นเช่นนี้ ภายใต้แผนการของหลิงตู้ฉิงและความสามารถอันมหัศจรรย์ของลูกของเขาทั้งสองคน ทองคำสีชาดทั้งหมดจึงถูกกวาดไปจนหมดอย่างง่ายดาย
ในเวลาต่อมา ร่างเงาของหลิงเทียนหยุนก็กลับมาถึงเรือนตระกูลเสี่ยวอย่างไร้ซุ่มเสียง
หลิงฟ่างหัวยิ้มและพูดว่า “นี่ถ้าข้าแข็งแกร่งกว่านี้ ข้าก็คงสามารถใช้ประตูมิติเคลื่อนย้ายทองคำสีชาดทั้งหมดมาที่นี่ได้ภายในคราวเดียวเลยไม่ต้องค่อย ๆ โกยมันออกมาแบบเมื่อครู่”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “หากเจ้าตั้งใจฝึกฝน ในอนาคตเจ้าจะทำได้แน่นอน”
“ท่านพ่อ ต่อไปพวกเราควรทำยังไงต่อ?” หลิงไช่หยุนถามขึ้น
“ต่อไป พวกเราก็รอให้พวกภูเขาฟีนิกซ์มารับทองคำสีชาดอีกรอบ จากนั้นพวกเราค่อยสังเกตพวกคนที่เกี่ยวข้องว่าจะมีท่าทีอย่างไรต่อ” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
อันที่จริงคนที่เขาอยากจะเห็นท่าทีมากที่สุดก็คือ หานฉี
หลิงตู้ฉิงสงสัยเป็นอย่างมากว่า หานฉีมีความเกี่ยวข้องอะไรบ้างกับเรื่องที่ตระกูลหนิงทรยศและเรื่องของทองคำสีชาดที่ถูกขโมย
ในเวลาเดียวกัน คนของหานฉีที่ถูกส่งไปภูเขาฟีนิกซ์เพื่อยืนยันเรื่องของเสี่ยวเยว่เฟิงก็กำลังรีบกลับมาที่เมืองขนนกอัคคีพร้อมกับความคืบหน้าแล้ว!