ตอนที่ 919 เตือนเช่นนี้

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เมื่อครู่เจ้าหมอนั่นเพิ่มราคาสินค้าประมูลที่นางจะซื้อ ตอนนี้นางจะปล่อยเจ้าหมอนี่ไปง่าย ๆ ได้อย่างไร

นายน้อยหู่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็ตกใจ “สตรีผู้นี้อีกแล้ว นางจะเป็นอริกับข้าโดยเฉพาะเลยรึ?”

“หนึ่งร้อยสิบล้าน”

“สองร้อยล้าน”

“……”

ทุกคนเบิกตากว้าง นี่มันบ้าไปแล้ว? สองร้อยล้าน! สองร้อยล้านเชียวนะ!

“นายน้อย งบประมาณของเราเพียงพอให้ท่านเสนอเพียง สองร้อยล้านหนึ่งหมื่นหยกวิญญาณเท่านั้น หากอีกฝ่ายยังเสนอราคาสูงอยู่ ก็ช่างมันเถอะ!” ชายชราคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เขากล่าว

“บ้าเอ๊ย ข้าไม่เชื่อว่านางจะมีเงินมากมายขนาดนั้นจริง ๆ ช่างกล้าเสนอออกมาได้” นายน้อยหู่ขบกรามแน่น

“หยกวิญญาณ สองร้อยล้านหนึ่งหมื่นชิ้น”

เพิ่มหยกวิญญาณอีกหนึ่งหมื่นชิ้น ช่างทําให้เขารู้สึกขายหน้าจริง ๆ!

เพียงแค่เพิ่มอีกหนึ่งหมื่น สําหรับนายน้อยหู่ที่กลัวเสียหน้าแล้ว หัวใจของเขาราวกับถูกมีดกรีด

มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย งบประมาณไม่พอแล้ว

นางกําลังจะเอ่ยปากยอมแพ้ แต่ผลก็คือ…

อื้อ! จิ่วเยี่ยก้มหน้าลงเพื่อประกบริมฝีปากแดงของมู่เฉียนซี

ไม่ใช่การลิ้มรสชาติที่ตื้นเขินอีกต่อไป แต่เป็นการจูบอย่างเอาเป็นเอาตาย…

ไม่ว่าการประมูลจะเป็นอย่างไร? ก็ได้ถูกโยนทิ้งออกไปจากหัวสมองแล้ว

มู่เฉียนซีไม่ได้เสนอราคา หลังจากที่ผู้ประมูลตะโกนสามครั้งสิ่งนี้ก็ตกเป็นของนายน้อยหู่

ยาอีกขวดหนึ่งได้ถูกส่งขึ้นไปแล้ว และยังเป็นยาระดับปฐพีที่ดึงดูดใจผู้คนอีกเช่นเคย นายน้อยหู่ได้แย่งชิงกับผู้คนโดยรอบอีกครั้ง เขาเสนอราคาที่สูงที่สุดจนไม่มีใครกล้าเพิ่มราคาอีก

ต้องบอกเลยว่าทรัพยากรทางการเงินของเมืองหู่เสี้ยวนั้นมีมากอย่างแท้จริง

ปัง!

ในเวลานี้มู่เฉียนซีไม่สามารถปล่อยให้จิ่วเยี่ยเดินหน้าต่อไปได้ นางรีบผลักเขาออกไป

“เจ้า…ทําไมจู่ ๆ เจ้าถึง…”

จิ่วเยี่ยกล่าว “ข้าได้ยินบทสนทนาของพวกเขาจึงรู้งบประมาณของพวกเขาแล้ว ดังนั้น…”

ดังนั้นเขาจึงปิดปากนางไว้ ไม่ให้นางเพิ่มราคาต่อ และหลอกนายน้อยหู่ได้สําเร็จ

แต่…

มู่เฉียนซีพูดไม่ออก “เดิมทีข้าก็ไม่คิดจะเพิ่มราคาอยู่แล้ว!”

“ข้าจะรู้หรือ?” จิ่วเยี่ยหอมแก้มนาง

“แค่อยากจะ…”

เมื่อเห็นว่าเขาจะจับตัวไว้ได้อีกแล้ว มู่เฉียนซีจึงรีบย้ายออกไป

ผู้ประมูลกล่าว “แปดสิบล้านครั้งที่หนึ่ง แปดสิบล้านครั้งที่สอง…”

มู่เฉียนซีกล่าว “หนึ่งร้อยล้าน!”

นายน้อยหู่แทบจะกัดฟันจนฟันแตก “เป็นนางอีกแล้ว…อีกแล้ว…”

มู่เฉียนซีกล่าว “ยาเม็ดก่อนหน้าก็ถูกเจ้าประมูลไปแล้ว ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด”

นายน้อยหู่กล่าว “แม้ว่าเจ้าไม่อยากยอมแพ้ เจ้าก็ต้องยอมแพ้ ข้ามีเงินกว่ามาก เจ้ายังห่างชั้นนัก”

“พรูด!” จื่อโยวหัวเราะอยู่ข้าง ๆ

“เจ้าโง่นี่จะแข่งกับสาวงามเรื่องมีเงินมากกว่า สมองคงเพี้ยนไปแล้วกระมัง!”

เหยียนเซี่ยฉีกล่าว “แต่ว่า…ข้าได้ยินมาว่าเมืองหู่เสี้ยวมีความมั่งคั่งมหาศาล เฉียนซีจะสามารถประมูลยาได้สําเร็จจริงหรือ”

กู้ไป๋อีกล่าวเสียงเย็นชา “คุณหนูใหญ่ไม่จําเป็นต้องประมูลยาหรอก”

บนแท่นประมูลมีขวดยาวางอยู่ เขาคุ้นเคยดี เห็นได้ชัดว่าเป็นของสาวน้อยผู้นั้น

จื่อโยวยิ้มพลางกล่าว “ท่านมีสายตาที่ไม่เลวเลย! มองออกด้วยรึ?”

กู้ไป๋อีมองจื่อโยวที่ยั่วยุพลางตอบเขาด้วยเสียงนิ่งเรียบ “ของคุณหนูใหญ่ ข้าย่อมมองออก”

เหยียนเซี่ยฉีอ้าปากค้าง “เจ้าบอกว่า… เจ้าบอกว่ามันเป็นยาที่เฉียนซีปรุงขึ้นมา ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! เฉียนซีทําได้ดีมาก หลอกเจ้าหมอนั่น ทําให้เขาอวดดีต่อไป” จากนั้นเหยียนเซี่ยฉีเองก็หัวเราะอย่างมีความสุข

เจ้าเมืองเหยียนรู้สึกจนปัญญา ชายที่ดูเหมือนหิมะน้ำแข็งตรงหน้าเขาผู้นี้ มีบรรยากาศที่ตึงเครียดซึ่งดูแปลกมาก ๆ

ลูกสาวของเขาที่ไม่รู้สึกอะไรเลย และยังสามารถหัวเราะได้ตามใจชอบ เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรแล้ว

“หนึ่งร้อยสิบล้าน!” นายน้อยหู่ไม่ยอมให้มู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีกล่าว “หนึ่งร้อยสิบสองล้าน!”

“หนึ่งร้อยสิบสาม!”

“หนึ่งร้อยสิบสี่!”

“หนึ่งร้อยสิบห้า!”

“……”

ทุกครั้งที่พวกเขาทั้งสองเสนอราคาพวกเขาจะเพิ่มหนึ่งล้าน ซึ่งทําให้มู่เฉียนซีไม่แน่ใจว่าขีดจํากัดของเขาคือเท่าไหร่

“หนึ่งร้อยสิบเก้าล้าน” เมื่อนายน้อยหู่ตะโกนเสร็จ ชายชราคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นว่า “นายน้อย หากอีกฝ่ายเพิ่มราคาก็ยอมแพ้ซะเถอะ แม้ว่ายาจะมีค่า แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้เราพลาดสิ่งที่อยู่ข้างหลังเราได้”

“เข้าใจแล้ว”

ขณะที่มู่เฉียนซีกําลังลังเลว่าจะเสนอราคาต่อหรือไม่ ใบหน้างดงามของจิ่วเยี่ยก็ขยายใหญ่ขึ้นต่อหน้ามู่เฉียนซี

“อื้อ!”

นางถูกจูบเข้าแล้ว

จิ่วเยี่ยต้องรู้อะไรแน่?

จากนั้นยาเม็ดนี้ย่อมเป็นของนายน้อยหู่

เป็นแบบนี้อีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว อีกฝ่ายจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ!

“เป็นไปได้อย่างไร? หรือว่าอีกฝ่ายตั้งใจ? รู้ขีดจำกัดของเราและจงใจหลอกเรา” ชายชราผู้นั้นกล่าว

นายน้อยหู่กล่าว “ผู้อาวุโสใหญ่ ข้าว่าท่านคิดมากเกินไปแล้ว การออกแบบของโรงประมูลชางหมางนี้ ได้ตัดขาดจากพลังวิญญาณทั้งหมด แล้วอีกฝ่ายจะรู้ขีดจำกัดของพวกเราได้อย่างไร? ข้าคิดว่าพวกเขาไม่มีเงินเลยกลัวเสียมากกว่า!”

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “เช่นนี้ก็ใช่!”

มียาขวดหนึ่งถูกประมูลกันถึงขั้นตึงเครียดที่สุด มู่เฉียนซีผลักจิ่วเยี่ยออกไปแล้วกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เจ้รู้อะไรมาบ้าง? บอกข้ามาก็พอแล้ว ถ้าเจ้าจูบแบบนี้ต่อไป เดี๋ยวการประมูลจบลงแล้วเจ้ายังจะให้ข้าพบใครได้อีก?”

จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงต่ำ “ข้าชอบ!”

มู่เฉียนซีรู้สึกพูดอะไรไม่ออก “เจ้า…”

“ซีไม่ชอบ…”

“ข้า…”

มู่เฉียนซียังไม่ทันได้พูดอะไร? อีกด้านก็ต้องเสนอราคา มิฉะนั้นยาของนางจะถูกนายน้อยหู่ประมูลไปในราคาต่ำ

“เก้าสิบล้าน!” มู่เฉียนซีเสนอราคานี้ออกมา จะไม่ยอมให้ยาขวดที่สามถูกนายน้อยหู่ซื้อไป

“หนึ่งร้อยล้าน! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าจะกล้าเพิ่ม!”

เขาเดาออกแล้วว่ามู่เฉียนซีจงใจทํา ครั้งนี้เขาจงใจขุดหลุมให้สตรีผู้นั้นกระโดด

ถ้าถึงเวลาสตรีผู้นั้นไม่สามารถจ่ายได้ขนาดนี้ ก็รอความตายเถอะ!

แต่ มีจิ่วเยี่ยอยู่ นายน้อยหู่คิดว่ามู่เฉียนซีจะกระโดดลงไปในหลุมที่เขาขุดขึ้นมาจริง ๆ หรือ?

ริมฝีปากทั้งสองแนบชิดกันแน่น มู่เฉียนซีอยากจะออกเสียงแต่ก็ทําไม่ได้

“หนึ่งร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง หนึ่งร้อยล้านครั้งที่สอง หนึ่งร้อยล้านครั้งที่สาม ตกลง!”

แผนการของเขาไม่สําเร็จ นายน้อยหู่ที่ประสบความสําเร็จในการประมูลยาในครั้งนี้ไม่ได้มีความสุขเหมือนแต่ก่อน เขาโกรธมาก

ให้ตายสิ มันไม่ติดเบ็ดเลย!

“นายน้อยหู่ เงินที่เหลือจะไม่พอประมูลแล้ว แล้วหลังจากนี้หากมียาอยู่ เราจะยอมแพ้ทันที!”

“ข้าเข้าใจแล้ว!”

นอกจากยาเพิ่มระดับวิญญาณแล้ว ยังมียาเพิ่มระดับความเข้าใจ…

นายน้อยหู่ทําได้เพียงขบฟันของเขาและแอบเกลียดมู่เฉียนซี แต่เขาไม่สามารถลงมือได้

นายน้อยหู่ไม่มีเงินที่จะเป็นหัวโจกใหญ่แล้ว มู่เฉียนซีก็ไม่จําเป็นต้องถูกจิ่วเยี่ยทรมานริมฝีปากของนางแล้วเช่นกัน

มู่เฉียนซีเห็นจิ่วเยี่ยทําหน้าเหมือนยังไม่หมดหวัง อยากจะกัดเขาให้ตายจริง ๆ

สายตาของมู่เฉียนซีชัดเจนเกินไป จิ่วเยี่ยขยับเข้าไปใกล้มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ซีอยากจะกัดข้าหรือ?”

“จะกัดตรงไหนก็ได้”

หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ไม่รู้แล้วว่าจะมีสติสัมปชัญญะไปจนถึงหน้าประตูได้อย่างไร

จื่อโยวกระซิบข้างหูกู้ไป๋อี “สาวงามอยู่ในห้องส่วนตัวเพียงลําพังกับจิ่วเยี่ย ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทําอะไรกัน? ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครอื่นอยู่ด้วย อยากทําอะไรก็ทํา? เจ้าว่าไหมล่ะ?”