บทที่ 2819 ที่นี่รั้งอยู่นานไม่ได้ พวกเราไปกันเถอะ!
กู้ซีจิ่วมุ่นคิ้ว ฐานะเธอสูงส่ง ผู้ใดพบเห็นเธอล้วนต้องพินอบพิเทา แทบจะถามหนึ่งตอบสิบ
แต่คนผู้นี้ดูเหมือนจะเกรงอกเกรงใจเธอ ทว่าก็เว้นระยะห่างเหินเย็นชาเช่นกัน ความระแวดระแวงของคนผู้นี้หนักหนาเป็นอย่างยิ่ง!
กู้ซีจิ่วไม่คิดจะยืดเยื้อกับเขาให้นานเกินไป จึงพูดเข้าประเด็นหลักทันที “แดนน้ำแข็งแห่งนั้นอยู่ที่ไหน? จะเข้าไปได้อย่างไร?”
แววตาตี้ฝูอีดั่งระลอกคลื่นในฤดูใบไม้ร่วง เอ่ยเนิบๆ “เสี่ยวเซียนนึกว่าพระองค์เจ้าจะกล่าวคาดโทษเสียอีก…”
“หือ?” กู้ซีจิ่วแสดงท่าทีไม่เข้าใจ
“ถึงอย่างไรเสี่ยวเซียนก็บังเอิญเห็นท่าน...”
ใบหน้ากู้ซีจิ่วพลันร้อนผ่าว คนผู้นี้ช่างเลือกพูดเรื่องที่ไม่ควรเอ่ยถึงโดยแท้!
“เจ้าก็พูดแล้วนี่ เป็นความบังเอิญ แล้วเจ้าก็เป็นชนรุนเยาว์ด้วย เปิ่นจุนไม่เก็บมาใส่ใจดอก”
“ไม่ต้องการให้เสี่ยวเซียนชดเชยหรือ?” แววตาของตี้ฝูอีซับซ้อนอยู่บ้าง
“ชดเชยอันใด?” กู้ซีจิ่วถามไปตามสัญชาตญาณ เพียงแต่ในไม่ช้าก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “ย่อมต้องการสิ่งชดเชย เจ้าบอกเปิ่นจุนมาว่าทางเข้าแดนน้ำแข็งแห่งนั้นอยู่ที่ใดก็นับว่าเป็นการชดเชยให้เปิ่นจุนแล้ว” เธอเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง ไม่ถือสาหาความเด็กน้อยคนหนึ่งหรอก
ตี้ฝูอีเม้มริมฝีปากบางนิดๆ เพ่งพิศนางจากบนจรดล่างสองครา “เท่านี้หรือ?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว เด็กคนนี้ร้อนใจอยากจะชดเชยให้เธอหรือ?
เห็นทีว่าเขาจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ภาพจำที่กู้ซีจิ่วมีต่อเขาดีขึ้นมาบ้างแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปอีกอย่างใจกว้าง “หากเจ้ายังรู้สึกผิดอยู่ เช่นนั้นก็นำทางเปิ่นจุนไปยังทางเข้าแดนน้ำแข็งด้วยตัวเองเถิด ดีที่สุดคือบอกข้อพึงระวังของที่นี่ออกมาด้วย”
ทว่าสีหน้าของตี้ฝูอีกลับดูไม่น่ามองยิ่งกว่าเดิม ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยอันใด จู่ๆ น้ำในสระก็เกิดฟองปุดๆ ผุดพรายขึ้นมา…
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ฉวยมือของกู้ซีจิ่วในทันที “ที่นี่รั้งอยู่นานไม่ได้ พวกเราไปกันเถอะ!” แล้วลากนางเหาะทะยานไป
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วจนยากจะบรรยายได้ กู้ซีจิ่วไม่ทันตั้งตัว ถูกเขาลากให้ออกวิ่งไปหลายก้าว “นี่ หนีอะไรกัน?”
วาจานี้เพิ่งจะร่วงออกจากปาก ในสระน้ำพลันเกิดเสียงดังตูม ไอดุดันเอ่อทะลักท่วมฟ้าท้นดิน ฟ้าดินพลันมืดมัวลงในทันใด
กู้ซีจิ่วเหลียวกลับไป มองเห็นเงาร่างมืดดำขนาดมโหฬารสายหนึ่งผุดขึ้นมาจากสระน้ำ ทันทีที่สิ่งนี้โผล่ออกมาก็บดฟ้าบังตะวัน อากาศที่เดิมทีแจ่มใสก็มืดมิดประหนึ่งรัตติกาลที่ยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นนิ้ว สิ่งที่ส่องสว่างอยู่มีเพียงโคมดวงหนึ่งที่แขวนลอยอยู่เหนือศีรษะของเงาร่างมืดมิดมโหฬารนั้น…
โชคดีที่สายตาของกู้ซีจิ่วมองเห็นในที่มืดได้ มองเพียงแวบเดียวก็เห็นรูปลักษณ์ของเงาดำนั้นชัดเจนแล้ว
ร่างกายคล้ายมังกร มืดดำไปทั้งร่าง แผ่นเกล็ดสีดำแวววาว ดวงตาดุจโคมลอย ยามที่กะพริบตาปิดเปิดคล้ายจะทำให้ทั้งฟ้าดินเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไปด้วย
มังกร?!
ไม่สิ เป็นมังกรประทีป!
มังกรประทีปเป็นสัตว์เทพบรรพกาล คล้ายเทพดุจมาร นิสัยดุร้ายเจ้าอารมณ์ ถ้ายุแหย่มันเพียงนิด มันก็สามารถทำลายทั้งเมืองให้พินาศได้!
ไม่นึกเลยว่าภายในสระแห่งนี้จะมีเจ้าสิ่งนี้อยู่!
ก่อนหน้านี้เธอตรวจสอบใต้น้ำดูแล้วชัดๆ ไม่พบไอดุร้ายอันใดอยู่เลย
หรือว่าพลังยุทธ์ของเธอจะถดถอยลงไปอีกขั้นแล้ว?!
ยามนี้ย่อมมิใช่เวลามาคิดเรื่องพวกนี้ กู้ซีจิ่วไม่รอให้ตี้ฝูอีลากให้ออกวิ่งแล้ว แต่พาเขาเคลื่อนย้ายไปโดยตรงเลย!
ล้อกันเล่นแล้ว! มังกรประทีปตัวนี้เป็นสัตว์ร้ายที่ถือกำเนิดขึ้นจากการรวมตัวของไอวิญญาณและไอพิฆาตในฟ้าดิน อย่างน้อยก็ต้องบำเพ็ญมาหลายหมื่นปีแล้ว!
หากเป็นตัวเธอในสภาพสมบูรณ์พร้อม การเอาชนะมันไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ตอนนี้พลังยุทธ์ของเธอเหลือแค่สองส่วน ย่อมต้องหนีเท่านั้นถึงดีที่สุด!
วิชาเคลื่อนย้ายของเธอในใต้หล้านี้ไร้ผู้ต้าน พริบตาเดียวก็ทิ้งระยะห่างไปร้อยสิบลี้แล้ว ได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวของมังกรประทีปตัวนั้นแว่วอยู่ไกลๆ
สิ่งมีชีวิตอย่างมังกรประทีปยังคงค่อนข้างมีวิสัยแบบมังกรอยู่ หากว่าผู้ที่มายุแหย่มันหนีออกจากเขตพื้นที่ของมันแล้ว มันก็คร้านจะไล่ตามต่อ
ดังนั้นหลังจากที่กู้ซีจิ่วหลบหนีไปได้ไม่กี่ร้อยลี้ ก็คิดจะหยุดพักหายใจสักหน่อย
————————————————————————————-
บทที่ 2820 เขาขโมยไข่อันล้ำค่าของผู้อื่นมาเชียวนะ!
คาดไม่ถึงเลยว่าพอหยุดเท้าลง ตี้ฝูอีก็ร้องขึ้นมา “ที่นี่ไม่ได้! มันยังตามมาอยู่…”
เพิ่งจะเปล่งประโยคนี้ออกมา บนน่านฟ้าไกลออกไปก็มีเงาร่างดำเมื่อมสายหนึ่งพุ่งทะยานเข้ามาแล้ว…
เป็นมังกรประทีปตัวนั้น!
กู้ซีจิ่วสบถไม่เป็นภาษาแล้ว
ไอ้มังกรเวรตะไลตัวนี้ทำไมถึงไล่ตามไม่ยอมเลิกราแบบนี้ล่ะ?!
ไม่มีทางเลือกแล้ว เธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายอีกครั้ง
ถึงอย่างไรยามนี้ร่างกายของเธอก็อ่อนแอ หลังจากเคลื่อนย้ายต่อเนื่องกันอยู่หลายครั้ง ก็หน้ามืดขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ตอนร่อนลงพื้นหนสุดท้ายจึงลากตี้ฝูอีให้เซล้มไปเล็กน้อย
แต่มังกรประทีปตัวนั้นยังคงตามติดอยู่ด้านหลังไม่ปล่อย ราวกับหนอนไชกระดูกเน่า
นี่ยังไม่ยอมจบอีกหรือ!
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเฮือกหนึ่ง ขณะที่กำลังจะทำการเคลื่อนย้ายอีกครั้ง ตี้ฝูอีก็อุ้มเธอขึ้นมาแล้ว “ตอนนี้เจ้าไม่ไหวแล้ว ข้าเอง!”
พลันทะยานกาย ดำลงไปใต้ดิน…
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย…
วิชาดำดินที่เคยพบพานมาก่อน ถึงขั้นที่แม้แต่เส้นทางก็ทำให้กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าค่อนข้างคุ้นตาอยู่บ้าง
นี่มัน…
คล้ายเส้นทางไปแดนน้ำแข็งคราวก่อนเลย…
แปลกนัก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นการดำดินในสถานที่ที่ต่างกัน ทำไมเส้นทางถึงเหมือนกันขนาดนี้ล่ะ?
ครั้งนี้กู้ซีจิ่วค่อนข้างสูญเสียพลังอยู่บ้าง โลหิตร้อนๆ ในทรวงเดือดพล่าน เบื้องหน้ายิ่งมืดมัวขึ้นเป็นระยะๆ
เธอหลับตาลงเล็กน้อยปรับลมปราณอยู่ภายในอ้อมแขนของเขา
กู้ซีจิ่วเดาไม่ผิดเลย ยามที่พวกเขาโผล่พ้นดินขึ้นมาอีกครั้ง ด้านนอกก็คือแดนน้ำแข็งแห่งนั้น…
มังกรประทีปตัวนี้เดิมทีก็เป็นวิชาดำดินเช่นกัน ติดตามอยู่ด้านหลังไม่ยอมละวาง แต่เส้นทางที่ตี้ฝูอีใช้ประหลาดยิ่ง ซ้ำระหว่างทางยังติดตั้งอาคมหลงทิศเอาไว้ด้วย ประกอบกับมังกรประทีปตัวนั้นไม่นับว่าเชี่ยวชาญวิชาดำดินเท่าไหร่ ดังนั้นตามไปตามมาก็ถูกทิ้งเสียแล้ว…
ยอดเขาน้ำแข็งที่คุ้นชิน แดนน้ำแข็งที่คุ้นเคย ถึงขั้นที่พายุหมุนแต่ละกลุ่มก้อนก็ทำให้กู้ซีจิ่วสนิทชิดเชื้อยิ่งขึ้น
ตอนที่ตี้ฝูอีอุ้มเธอร่อนลงสู่พื้นไม่ทราบว่าสะดุดสิ่งใดเข้า ล้มคะมำ เกือบจะโยนกู้ซีจิ่วที่อยู่ในอ้อมแขนออกไปแล้ว!
“ให้ข้าเดินเองเถอะ” กู้ซีจิ่วดิ้นรนจะลงสู่พื้น
ลงพื้นครู่เดียวก็หนาวสะท้านแล้ว ร่มแดงคันหนึ่งกางขึ้นเหนือศีรษะเธอ “ถือสิ่งนี้สิ”
ทุกอย่างช่างน่าคุ้นเคยยิ่ง
กู้ซีจิ่วถือร่มเอาไว้อย่างคุ้นเคย จากนั้นก็มองไปที่เขา “เจ้าก็ได้รับบาดเจ็บหรือ?”
สีหน้าของตี้ฝูอีซีดเซียวอย่างยิ่ง ท่าทางดูอ่อนแอนัก
เธอคล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้ “เจ้าถูกมังกรประทีปตัวนั้นทำร้ายใช่ไหม?”
ตี้ฝูอีพยักหน้าเล็กน้อย
“มังกรประทีปตัวนี้มิได้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในสระลึกแห่งนั้นกระมัง?”
ตี้ฝูอีก็ไม่ปิดบังนาง “สระลึกแห่งนั้นเป็นทางเชื่อมออกสู่ปากอ่าวสมุทรโลกา ถิ่นกำเนิดของมันอยู่ที่สมุทรโลกา…”
สมุทรโลกา?
กู้ซีจิ่วรู้จักสมุทรโลกา ในส่วนลึกสุดใต้ปฐพี ก็มีมหาสมุทรเช่นเดียวกับบนพื้นโลก เรียกขานว่าสมุทรโลกา เพียงแต่ท้องสมุทรบนผืนดินเป็นสีครามเย็นเยียบ แต่สมุทรโลกากลับมืดดำดุจน้ำหมึก แถมน้ำก็เป็นน้ำร้อนเดือดพล่าน สิ่งมีชีวิตบนผิวโลกไม่มีทางใช้ชีวิตอยู่ในสมุทรโลกาได้
เพียงแต่สมุทรโลกาลึกลับอย่างยิ่ง ในความทรงจำของกู้ซีจิ่ว เธอไม่เคยไปที่นั่นเลย กล่าวให้ถูกก็คือ เธอหาไม่พบ
ไม่นึกเลยว่าสระลึกแห่งนั้นจะเป็นปากทางเข้าสมุทรโลกา
ดูจากตอนที่เธอเพิ่งพบเขาแล้ว เขาน่าจะเพิ่งออกมาจากสมุทรโลกา…
“ทำไมเจ้าถึงไปยุแหย่มันได้?” กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีความกล้าหาญชาญชัยนัก ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าบุกเดี่ยวไปท้าทายมังกรประทีป
ตี้ฝูอีหยิบไข่สีดำสนิทฟองหนึ่งออกมาจากถุงเชียนคุนในกาย “เพื่อมัน”
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน
ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดมังกรประทีปตัวนั้นถึงได้ตามไล่ล่าไม่ยอมละวาง!
เขาขโมยไข่อันล้ำค่าของผู้อื่นมาเชียวนะ! ไม่ไล่ตามสิถึงจะแปลก!
กู้ซีจิ่วพินิจไข่ฟองนั้นดูเล็กน้อย ไข่ฟองนั้นมีขนาดเท่าลูกบาส เป็นสีดำมันวาว มีรัศมีแสงครอบคลุมอยู่รางๆ
“เจ้าคิดจะฟูมฟักมัน เลี้ยงดูมังกรประทีปน้อยให้เป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณหรือ?”
มังกรประทีปเป็นสัตว์เทพ สยบได้ยากเย็นเป็นที่สุดสามารถกล่าวได้เลยว่าไม่มีทางสยบมังกรประทีปที่โตเต็มวัยได้ ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงคิดว่าตี้ฝูอีต้องการนำไข่กลับมาฟัก…
ตี้ฝูอีวางไข่ลงบนพื้นหิมะ “ไม่ ฟองนี้ไม่ฟัก”
“เช่นนั้นเจ้าจะทำอะไร?”
“ต้มกินก็รสชาติไม่เลว”
….
————————————————————————————-