ตอนที่ 885 ชีพกระแสทะเลคราม
‘สมบัติอริยะ?’ อู่ต้วนหยานัยน์ตาพลันหดรัด
‘อย่าลืมสิ อวี่หลิงคงแดนกาฬทักษิณนั่นโดยสารตำหนักอมตะมา… นี่น่ะเป็นสมบัติอริยมรรคที่เลื่องชื่อลือนามชิ้นหนึ่ง!’
หลี่ชิงฮวนกล่าวเนิบช้า ‘เจ้าคิดว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เทพมารหลินมีความสามารถอะไรมาต่อกรอวี่หลิงคง’
อู่ต้วนหยาพลันกระจ่าง ในใจสั่นสะท้าน ‘ที่แท้เป็นเช่นนี้’
‘ไม่เพียงแต่อวี่หลิงคง ในมือพวกจี้ซิงเหยา มู่เจี้ยนถิง เหลยเชียนจวินคงมีไพ่ตายอันแข็งแกร่ง’
หลี่ชิงฮวนกล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าปรากฏความปรามาสอย่างยากจะเห็นวูบหนึ่ง ‘นี่ก็คือช่องว่างระหว่างบุคคลแห่งยุคและผู้ฝึกปราณทั่วไป เดิมพวกเขาก็เป็นผู้สืบทอดสำนักโบราณ พรสวรรค์เป็นเลิศ ทั้งมีสมบัติลับป้องกันตัวที่อาจารย์มอบให้ นี่จะให้ผู้ฝึกปราณอื่นเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร’
‘ว่าไปแล้วข้าเองก็ชื่นชมเทพมารหลินนัก ทั้งไม่ใช่ผู้สืบทอดสำนักโบราณ ทั้งไร้เบื้องหลังให้พึ่งพิง กลับสามารถฟันฝ่าสร้างชื่อใหญ่โตขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียว สั่นสะเทือนคนรุ่นเยาว์แดนฐิติประจิม อาศัยแค่จุดนี้ก็เพียงพอให้ผู้แข็งแกร่งส่วนมากต่างละอาย’
อู่ต้วนหยาชะงักงัน รู้สึกเพียงคำพูดนี้ของหลี่ชิงฮวนเจือรสผิดแปลก
‘พี่หลี่ เจ้าก็เป็นบุคคลแห่งยุคจากสำนักยุทธ์สมุทรครามเช่นกัน’ อู่ต้วนหยากล่าวอย่างอดไม่อยู่
หลี่ชิงฮวนถอนใจแผ่ว พลางกล่าว ‘ดังนั้นข้าจึงยิ่งเข้าใจความต่างของเทพมารหลินกับเอกบุคคลอื่น’
“อ๊าก…!”
ที่ห่างไกลพลันมีเสียงร้องหนึ่งดังขึ้น ทำเอาผู้แข็งแกร่งบริเวณใกล้เคียงตื่นตระหนก
ก็เห็นบุรุษเผ่าหงส์เขียวคนหนึ่ง สองมือกุมศีรษะ หน้าตาบิดเบี้ยว สภาพราวเจ็บปวดหาใดเปรียบ แผดเสียงคำรามลั่น “เข็มเงินวิญญาณสะท้านจิต! เทพมารหลิน เจ้ามันโหดเหี้ยม!”
ซ่า…
กาลต่อมา ชายผู้นี้ก็ถูกคลื่นทะเลม้วนกลืนฝังกลบคัดออก
บรรยากาศกลางที่นั้นเงียบสงัดทันที สายตามากมายที่มองยังหลินสวินเปลี่ยนเป็นวูบไหวไม่หยุด
ใครต่างไม่คาดคิด ว่าเทพมารหลินยังมีแรงโต้กลับในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานที่กำลังทะลวงปราณข้ามขั้นอยู่ อีกทั้งการโจมตียังอำมหิตดุดันเช่นนี้
เข็มเงินวิญญาณสะท้านจิต!
นี่เป็นสมบัติลับซึ่งชื่อเสียงโจษจันร้ายกาจหาใดเปรียบ!
เพียงชั่วขณะ ผู้แข็งแกร่งที่เดิมหมายฉวยโอกาสนี้ลงมือกับหลินสวินบางส่วน ต่างหยุดความคิดในใจ
แต่สีหน้าหลี่ชิงฮวนและอู่ต้วนหยาที่เห็นภาพนี้กับตาล้วนผิดแปลกอยู่บ้าง จริงดังคาด เข็มเงินวิญญาณสะท้านจิตนั่นถูกเทพมารหลินชิงไปแล้ว…
…
ตูม!
พลังขับเคลื่อนทั่วร่างหลินสวินแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ผิวเรืองอร่ามดั่งสร้างจากทองเซียนสีใส แผ่แสงเจิดจรัสออกมา
เลือดลมเขาส่งเสียงกัมปนาทราวอสนีครวญกระหึ่ม ทั้งตัวดุจภูเขาไฟสะกดกลั้นเนิ่นนานจวนระเบิด
ทุกคนล้วนดูออก เทพมารหลินทะลวงปราณถึงช่วงสำคัญที่สุดแล้ว
นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายจิตใจว้าวุ่น เดิมปราณหลินสวินก็ทรงพลังและพลิกฟ้าพออยู่แล้ว เพียงพอประชันกับบุคคลแห่งยุค
หากปราณเขาทะลวงขึ้นไปอีก พลังต่อสู้เขาคงเปลี่ยนเป็นน่ากลัวกว่าเดิมโดยไร้กังขาแม้แต่น้อย!
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ภายหลังใครจะยังกำราบเขาได้” มีผู้แข็งแกร่งชิงชัง น้ำเสียงเจือความไม่พอใจวูบหนึ่ง
“เฮ้อ เทียบกับคนอื่นแล้วพาลโมโห ก่อนนี้ข้าคิดว่าตนสามารถลำพองในหมู่คนรุ่นเยาว์ได้ แต่นับจากเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคครานี้ พบเจอความสง่างามของบุคคลแห่งยุคมากมาย กลับทำเอาข้ากระเทือนต่อเนื่อง ตระหนักได้โดยสมบูรณ์ว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า” และมีผู้แข็งแกร่งรำพึงสะท้อนใจ
“หึ คิดฉวยโอกาสนี้เลื่อนขั้น? ละเมอเพ้อพก!”
ทันใดนั้นเสียงตวาดดั่งฟ้าคะนองดังก้องขึ้น ก็เห็นบนเรือดอกบัวหนึ่งที่ห่างออกไป เงาร่างซาหลิวฉานผ่าเผย ห้าวหาญสยบผู้คน
“ชีพกระแสทะเลคราม!”
ทั่วร่างเขาโหมซัดแสงโลหิตหมื่นจั้ง ยื่นมือออกไปเป็นกรงเล็บ
เสียงครืนหนึ่งดังขึ้น ทะเลปรวนแปรพลันปรากฏเกลียวคลื่นสูงหมื่นจั้ง กลายเป็นกระแสวังวนชวนประหวั่น บดอัดห้วงอากาศมุ่งทะยานไปทางหลินสวิน
เฮือก…
เหล่าผู้กล้าสูดหายใจเยียบเย็น นี่คือทะเลปรวนแปร น้ำทะเลแต่ละหยดล้วนหนักหมื่นชั่ง แม้ผู้แข็งแกร่งทั่วไปลงมือเต็มกำลังก็ได้แค่กระพือพัดคลื่นเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ปัจจุบันกลับมีคลื่นวังวนโหมซัดบดอัดห้วงอากาศ ถูกซาหลิวฉานชักนำราวจะปิดคลุมฟ้าดิน ปรากฏการณ์นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
“ถอย!”
ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างทางหน้าเปลี่ยนสี บังคับเรือดอกบัวใต้เท้าถอนหนีห่างไกล เกรงแต่จะถูกลูกหลง กระแสน้ำวนนี้น่ากลัวเกินไป อย่าว่าแต่ถูกชน แค่ถูกคลื่นกระทบก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถแบกรับไหว
ครืนๆ!
คลื่นน้ำท่วมฟ้ากลายเป็นวังวนบดอัด นี่ทำให้ทุกคนต่างตระหนักว่า ซาหลิวฉานหมายทำลายการเลื่อนขั้นปราณของเทพมารหลินในคราเดียว ทำให้เขาธาตุไฟเข้าแทรกถูกกำจัดโดยสมบูรณ์!
“บ้าเอ๊ย!” เยวี่ยเจี้ยนหมิงแค้นจนดวงตาปูดโปนแทบถลน ปราณทั่วร่างเขาโคจรถึงขีดสุด เตรียมการรับมือเต็มกำลัง
ตูม!
กระแสน้ำวนล่วงล้ำ โหมซัดพลังบดอัดชวนประหวั่น หมายม้วนกลืนหลินสวินและเยวี่ยเจี้ยนหมิงสู่ภายใน
“เฉือน!” เยวี่ยเจี้ยนหมิงคำรามเดือดดาล เรียกกระบี่วิญญาณออกมา ฟันแสงเจิดจ้าออกมาต่อต้านมัน
แต่ชั่วพริบตาทั้งตัวเขาก็สะเทือนรุนแรงราวกับโดนฟ้าผ่า เกือบถูกกระแสน้ำวนนั่นพัดลอยออกไป
พลังนี้น่ากลัวเกินไป หาใช่สิ่งที่เขาสามารถต้านทาน!
แต่ถึงแม้เป็นเช่นนี้ เยวี่ยเจี้ยนหมิงยังกัดฟันราวสู้สุดชีวิต นำไพ่ไม้ตายที่ตนมีทั้งหมดออกมา
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่อาจมองดูหลินสวินเลื่อนขั้นปราณล้มเหลวตาปริบๆ ได้
“น่าขัน เผ่าฉลามสมุทรของข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้น้ำ ข้าใช้สี่ตำลึงปาดพันชั่ง[1] พัดพาลมพายุน้ำทะเลขึ้น มีหรือจะเป็นสิ่งที่คนอย่างเจ้าสามารถต้านทานได้”
“ไสหัวไป!” ซาหลิวฉานส่งเสียงตะโกนลั่น เพียงขยับมือก็พัดพากระแสน้ำวนราวทะลวงเมฆาขึ้นมา บดอัดออกไปอีกครั้ง
เหล่าผู้กล้าตะลึงพรึงเพริด ซาหลิวฉานกร้าวแกร่งเกินไปแล้ว บนทะเลปรวนแปรอันตรายระดับใด เขากลับมีพลานุภาพก่อคลื่นลม เห็นได้ว่าดุดันมากจริงๆ
ครืน… กระแสน้ำวนอีกระลอกส่งเสียงกัมปนาท บดอัดผืนทะเลม้วนแผ่กลืนกิน
เทพมารหลินประสบหายนะแน่!
ทุกคนล้วนดูออก แค่เยวี่ยเจี้ยนหมิงคนเดียวรับมือกระแสน้ำวนลูกหนึ่งก็ลำบากมากแล้ว ภายใต้การตีขนาบของกระแสน้ำวนระลอกสองนี้ เขาและหลินสวินที่อยู่ข้างกายต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่!
“หลินสวิน ขอโทษด้วย…” เยวี่ยเจี้ยนหมิงถอนใจ เขารู้สึกผิดนัก รับรู้ว่าภายใต้การโจมตีนี้ ถึงแม้ตนสู้สุดชีวิตก็ไร้ประโยชน์
ครืน!
น้ำวนรุกล้ำ ชั่วพริบตาก็ม้วนกลืนหลินสวินและเยวี่ยเจี้ยนหมิงเข้าไปพร้อมกัน
เหล่าผู้กล้าในใจหนาวเยือก นี่เพิ่งเป็นการทดสอบด่านที่สาม เทพมารหลินก็ประสบเคราะห์แล้วหรือ
“ต่ำช้า!” ไป๋หลิงซีที่อยู่ห่างไกลเดือดดาล ไม่อาจนิ่งสงบ
“เทพมารหลินจบเห่แล้ว?” อู่ต้วนหยายากจะเชื่ออยู่บ้าง ถูกข่าวดีกะทันหันทำเอางงงัน
หลี่ชิงฮวนเองก็ขมวดคิ้ว คลางแคลงอยู่บ้าง
ยามนี้ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดบนผืนทะเลใกล้ๆ ต่างติดตามใกล้ชิด คลื่นน้ำวนส่งเสียงกัมปนาท เกลียวคลื่นซัดสาดม้วนกลืนโดยรอบ ไม่อาจเห็นเงาร่างของหลินสวินและเยวี่ยเจี้ยนหมิง
ประสบเคราะห์ถูกคัดออกแล้วจริงหรือ
“ฮ่าๆๆ เทพมารหลินขี้หมาอะไรกัน ข้าแค่แสดงฝีมือเล็กน้อยเขาก็ต้านไม่อยู่ ช่างอ่อนแอจริงๆ!” ห่างออกไปซาหลิวฉานแหงนหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะร่า สีหน้าได้ใจหาใดเปรียบ
ก่อนหน้านี้ที่เมืองผาดารา เขาเคยถูกหลินสวินซัดพินาศอย่างแกร่งกร้าว เสียหน้าต่อหน้าคนนับไม่ถ้วน พาให้รู้สึกอัปยศใหญ่หลวง
แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็กอบกู้สถานการณ์ ลบล้างความอดสูได้แล้ว!
“ฮึ!”
ละแวกใกล้เคียงแว่วเสียงฮึเย็นชา บุคคลแห่งยุคอย่างอวี่หลิงคง ชิงเหลียนเอ๋อร์ จั๋วขวงหลันต่างไม่สบอารมณ์ยิ่ง
เดิมพวกเขามาดหมายว่าเมื่อถึงต้นโคมสำริดมรรคโบราณค่อยจู่โจมสังหารหลินสวิน ไหนเลยจะคิดว่าบนทะเลปรวนแปร ซาหลิวฉานกลับชิงโจมตีก่อน
เห็นหลินสวินอาจประสบเคราะห์กับตา นี่ทำให้ในใจพวกเขาต่างไม่พอใจอยู่บ้าง
ครั้นสังเกตเห็นแววตาไม่สบอารมณ์บางส่วน ซาหลิวฉานกลับได้ใจยิ่งกว่าเดิม เทพมารหลินโอหังเพียงไหน แต่สุดท้ายยังถูกเขาคนเดียวคว่ำกำราบ นี่ทำให้เขาพอใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
‘ฉวยโอกาสซ้ำเติมผู้อื่นแล้วยังหัวเราะฮึกเหิมเสียปานนี้ ไม่รู้สึกอายบ้างหรือ’ ผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่ค่อนข้างยกย่องหลินสวินต่างแอบด่าในใจไม่หยุด เห็นว่าการกระทำของซาหลิวฉานชั่วช้าเกินไป ชนะอย่างไม่ใสสะอาด แต่เจ้าตัวกลับไม่คิดว่าหน้าอาย มองว่าเป็นเกียรติยศ ทำให้ผู้คนดูถูก
“ทุกท่าน เทพมารหลินประสบเคราะห์เช่นนี้ ต้องธาตุไฟเข้าแทรกปราณสูญสิ้นระหว่างเลื่อนขั้นแน่ พวกเจ้าว่าวันนี้ข้าซาหลิวฉานธำรงธรรมแทนสวรรค์ ขุดรากถอนโคนหายนะครั้งใหญ่แก่แดนฐิติประจิมหรือไม่ ฮ่าๆๆ”
ซาหลิวฉานพูดพลางหัวเราะลั่นอีกคราอย่างอดไม่อยู่ เห็นได้ว่าในใจเขาปราศกังวลระดับใด
นี่ทำให้บุคคลแห่งยุคส่วนหนึ่งต่างทนดูไม่ได้อยู่บ้าง ลอบโจมตีสำเร็จเท่านั้น ควรค่าแก่การลำพองและหลงระเริงเช่นนี้หรือ
“รีบดูเร็ว!” ทันใดนั้นพลันมีคนร้องเสียงตกตะลึง
เหล่าผู้กล้าเงยหน้ามองไป ก็เห็นกระแสน้ำวนที่ยังม้วนอยู่บนผืนทะเลนั่นระเบิดออกฉับพลัน
ซ่า…
หยาดน้ำพร่างฟ้าราวศรอุทกซัดสาดทั่วทิศ เจิดจรัสบาดตา
ขณะเดียวกัน ดอกบัวสีทองดอกหนึ่งพุ่งโฉบออกมาดั่งรุ้งเทพ ไถช่องทางตรงดิ่งบนผืนทะเลราวเหล็กหมาดปลายแหลมทะลวงคลื่น
บนดอกบัวทองสองเงาร่างเด่นตระหง่าน หนึ่งคือเยวี่ยเจี้ยนหมิง อีกหนึ่งก็คือหลินสวิน!
ชายเสื้อของเขาเริงระบำ ผมดำพลิ้วไหว เงาร่างสูงสง่าอบอวลแสงประกายเจิดจรัส นัยน์ตาดำวาบแววยะเยือกเย็น ชวนประหวั่นหาใดเปรียบ
นี่…
ทุกคนตรงนั้นตะลึงงัน ต่างแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง
เมื่อครู่กระแสน้ำวนน่าสะพรึงนั่นม้วนซัด ยังไม่อาจทำให้เทพมารหลินประสบเคราะห์อีกหรือ ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ในช่วงสำคัญของการเลื่อนขั้นทะลวงปราณหรือ ทำไมยังมีพลังโต้กลับได้
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“เขาเลื่อนขั้นแล้ว!” ห่างออกไป หลี่ชิงฮวนแววตาดุจสายฟ้า มองออกในปราดเดียว
ขณะเดียวกันบุคคลแห่งยุคมากมายต่างสังเกตเห็น ว่าพลังทั่วร่างหลินสวินเกิดการแปรสภาพ น่าหวาดกลัวกว่าก่อนหน้า ลึกล้ำยากหยั่งถึงดั่งเหวลึกบรรพตตระหง่าน!
“ดูท่า เขาคงก้าวสู่ระดับกระบวนแปรจุติขั้นกลางอย่างราบรื่นในช่วงคับขันอันตรายที่สุดนั่น หลบเลี่ยงความเสี่ยงของการถูกธาตุไฟเข้าแทรก และถือโอกาสคลี่คลายสภาวะลำบากของตน…” มีคนพึมพำ
“ทำไม… ทำไมเป็นเช่นนี้” อู่ต้วนหยาตะลึงงัน ในใจเขากำลังยินดี ไหนเลยจะคิดว่าผลกลับเกิดการเปลี่ยนแปลง
‘ข้าว่าแล้ว ในเมื่อเขากล้าเลือกทะลวงปราณบนทะเลปรวนแปรก็ต้องมีความมั่นใจ ไม่มีทางประสบเคราะห์ง่ายดายเช่นนี้แน่’ ไป๋หลิงซีมุมปากระบายยิ้ม ความร้อนรนและเดือดดาลภายในใจหายเป็นปลิดทิ้ง
นี่สิหลินสวินที่นางรู้จัก มักทำให้คนเกินคาดหมาย นำพาความไม่คาดฝันและประหลาดใจแก่ผู้คน
ซาหลิวฉานซึ่งเดิมแหงนหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะลั่นได้ใจเต็มประดา เวลานี้ท่าทางราวเป็ดที่ถูกบีบคอ เสียงพลันหยุดชะงัก รอยยิ้มค้างแข็ง
“นี่เป็นไปได้อย่างไร”
ดวงตาเขาเบิกกว้าง ไม่อาจยอมรับ สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นคล้ำเขียวไม่น่าดูยิ่ง
ก่อนหน้านี้เขาฮึกเหิมเริงลำพองระดับใด แต่ปัจจุบันกลับมีท่าทางตระหนกราวถูกฟ้าผ่า ความแตกต่างช่างมากเหลือเกิน
เหล่าผู้กล้าในใจต่างเวทนาขึ้นมาบ้าง เจ้าซาหลิวฉานนี่… ซวยแน่แล้ว!
………..
[1] สี่ตำลึงปาดพันชั่ง แรกเริ่มเป็นเคล็ดวิชาการฝึกมวยไทเก็ก ภายหลังกลายเป็นสำนวนที่นิยมใช้ในงานประพันธ์ หมายถึงการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเอาชนะหรือป้องกันแรงมหาศาลที่พุ่งโจมตีเข้ามาได้