ในที่สุดเส้นหมี่ก็ทำให้ชายหนุ่มคนนี้สงบลงได้
จากนั้น เธอรับน้ำร้อนมากะละมังหนึ่ง ช่วยเขาเช็ดเหงื่อบนตัวที่เกิดจากความรู้สึกเจ็บเมื่อครู่ แล้วเปลี่ยนชุดผู้ป่วยที่สะอาดสะอ้าน ถึงได้ถือหนังสือทางการแพทย์เล่มหนาไปที่โต๊ะเล็กข้างๆ แล้วเริ่มอ่านมัน
“หมอคิตตี้ละเอียดอ่อนกับผู้ป่วยคนนี้เกินหน่อยนะ ถึงกับช่วยเขาเช็ดตัว”
“จริงด้วย เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ว่าควรเป็นหน้าที่ของพยาบาลเหรอ? เธอเป็นถึงคุณหมอนะ”
“ใช่สิ แถมเธอยังเป็นผู้ช่วยของผู้อำนวยการด้วยนะ”
ด้านนอกมีพยาบาลผ่านมาพอดี เมื่อได้เห็นภาพด้านในจากนอกหน้าต่าง จึงอดวิจารณ์ขึ้นมาไม่ได้
แต่ในไม่ช้า เมื่อพวกเธอนึกถึงสถานะของผู้ป่วยคนนี้ได้ ก็ไม่ได้สงสัยอีกต่อไป
เส้นหมี่เปิดหนังสือเล่มนี้ออก แล้วอ่านมันอย่างจริงจัง
นี่คือหนังสือทางการแพทย์เกี่ยวกับจิตวิทยา เธอไม่ได้แตะต้องมานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้นที่คนคนนี้ถูกส่งไปรักษาที่สวิตเซอร์แลนด์ มอบให้กับตระกูลลัดดาวัลย์ ส่วนเธอก็ไม่สามารถค้นพบความก้าวหน้าในด้านนี้จากคุณครูหมออนุชนาถ เธอจึงล้มเลิกเรื่องนี้
คิดไม่ถึง หลายปีผ่านไป ก็ยังต้องหยิบขึ้นมาอีกครั้ง
เธออ่านอย่างละเอียด และก็ทำการจดบันทึกอยู่ตลอด
“ครืด…”
จู่ๆ โทรศัพท์ที่วางอยู่ด้านข้างสั่นสะเทือน
เธอเหลือบตามอง เห็นว่ามีคนส่งวีแชทมา จึงเปิดดู
[คณาธิป: อยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง? ทุกอย่างราบรื่นไหม?]
[…]
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนคนนี้
เส้นหมี่หยุดชะงัก สุดท้ายก็ตอบกลับไป
[เส้นหมี่: ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล พอใช้ได้]
[คณาธิป: อืม ผมได้ฟัง ด็อกเตอร์ไพบูลย์บอกแล้ว คนตระกูลเทวเทพ ทางที่ดีคุณระวังไว้หน่อยนะครับ โดยเฉพาะครอบครัวของ ประพันธ์ คนตายเยอะแยะขนาดนั้น เขาไม่มีทางเลิกรา คุณต้องระวังไว้]
ภายในตัวอักษรของเขาเผยความกังวลใจและความห่วงใยที่มีต่อเธอ
เส้นหมี่มองดู เดิมทีหัวคิ้วที่ไม่ค่อยผ่อนคลายอยู่แล้ว ก็เพิ่มความหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
เธอจะไม่รู้ได้ยังไง?
แต่ว่า เทียบกับเรื่องพวกนี้ เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ตรงหน้ายิ่งกว่า
เพราะว่า ตอนนี้ที่เขายังถูกไว้ชีวิต ทั้งหมดเพราะ ไชยันต์ยังมีความหวังน้อยนิด ดูว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่? ถ้าหากอาการประสาทของเขายังคงเป็นแบบนี้ตลอด
เช่นนั้น ไม่ต้องสงสัย ไชยันต์ก็ยังจะฆ่าเขา!
[คณาธิป: คุณทำอะไรอยู่]
[เส้นหมี่: อ่านหนังสือ ฉันต้องคิดหาวิธีให้เขาฟื้นสภาพกลับมา แต่ว่า…]
คำพูดด้านหลัง เป็นเพราะอารมณ์หงุดหงิด เธอไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป
สำหรับทางด้านจิตวิทยา เธอไม่ยอมรับไม่ได้จริงๆ ว่าตัวเองขาดพรสวรรค์อยู่เพียงเล็กน้อย
แต่คณาธิปที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เหมือนกับรู้ความยากลำบากของเธออย่างไรอย่างนั้น ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ เขาแนะนำนามบัตรส่งมา
[คณาธิป: ท่านนี้คือจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น เป็นเพื่อนร่วมมหาลัยกับ โชกิ โดโมโตะ ที่รักษาคุณ คุณมีปัญหาอะไร สามารถเพิ่มเพื่อนเขาเรียนรู้ดู]
[เส้นหมี่: จริงเหรอ? งั้นก็เยี่ยมมากจริงๆ!]
เธอเหมือนกับจู่ๆ ได้เห็นแสงสว่างภายใต้ความสิ้นหวัง จากนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ตอนนี้ที่เธอต้องการก็คือสิ่งนี้ไง
เธอหยุดสนทนากับคนคนนี้ในทันที จากนั้นก็เพิ่มเพื่อนแพทย์ญี่ปุ่นท่านนี้
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ข้อความที่ตัวเองส่งออกไป จู่ๆ อีกฝ่ายไม่ตอบกลับ คณาธิปก็จะรู้สึกผิดหวังมาก และก็เสียใจมาก
แต่ว่าวันนี้ เขากลับรู้สึกพึงพอใจมาก เพราะว่า เขานับดู ตั้งแต่ที่เขาเริ่มส่งข้อความวีแชทนั้นออกไป จนถึงตอนที่เขาได้รับข้อความกลับ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเขาหลายปีมานี้
ในที่สุดเขาก็กลับไปโหมดที่ได้รู้จักกับเธอในตอนแรกแล้ว
—
ในตอนที่แสนรักตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แพทย์หญิงที่ยังคงอยู่ในห้องพักผู้ป่วย เป็นฝ่ายสวมชุดป้องกันครบชุด
อีกอย่าง มือของเธอยังสวมใส่ถุงมือปลอดเชื้อ
“คุณตื่นแล้วเหรอคะ? รู้สึกยังไงบ้างคะ?”
เธอเหมือนกับกำลังรอเขาตื่นขึ้น เห็นเขาในสุดก็ลืมตาขึ้น เธอรีบเดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างเตียง ดวงตาสีน้ำตาลที่สดใสคู่หนึ่งเผยออกมานอกหน้ากากมองมาที่เขาอย่างกังวล
แสนรักดึงสายตากลับอย่างเย็นชา
เขาไม่อยากจะพูดกับใครทั้งนั้น
แพทย์หญิงเห็นดังนี้ เธอรู้สึกเก้กังในทันที
“งั้น…ถ้าคุณไม่มีอะไร ฉันไปหยิบนมมาให้คุณดื่ม? ตอนนี้คุณมีสติแล้ว สามารถรับประทานอาหารเหลวจำนวนเล็กน้อยได้ สามารถช่วยให้คุณฟื้นตัวเร็วขึ้น”
เธอมองข้ามความเย็นชาและความรังเกียจบนใบหน้าของเขา แล้วหันหลังเดินไปหยิบอาหารให้เขา
ไม่กี่นาทีต่อมา เธอยกนมแก้วหนึ่งที่ยังมีไอร้อนลอยอยู่เข้ามา ด้านข้างยังมีของหวานที่ดูนุ่มและอร่อยมากวางอยู่ในจาน
ผู้ป่วยที่ฉีดยาสลบ หลังจากการผ่าตัด เมื่อได้ฟื้นสติ สามารถทานอาหารได้
เพียงแต่ หลักๆ ก็ยังเป็นอาหารเหลว
เส้นหมี่เอาของพวกนี้วางไว้บนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นก็ไปที่ปลายเตียง เตรียมหมุนหัวเตียงขึ้น
“คุณแสนรักคะ ตอนนี้ฉันช่วยคุณปรับเตียงขึ้นนะคะ ถ้าหากคุณรู้สึกไม่สบายตรงไหน สามารถบอกฉันได้” ตั้งแต่ต้นจนจบเธอรักษาท่าทางระมัดระวังไว้ตลอด
และยังป้องกันที่จะไม่ทำให้เขาโมโหอีกครั้ง เธอยังตั้งใจไม่ให้ตัวเองไปสัมผัสเขา
ค่อนข้างโชคดีคือ อาจเป็นเพราะนอนนานเกินไป แสนรักก็อยากจะลุกนั่งขยับเขยื้อน ดังนั้นในตอนที่ปรับเตียงขึ้น เขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจใดๆ ออกมา
เส้นหมี่รู้สึกโล่งอก