บทที่ 1351 ตกลงไปในบ่อมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

หลิงหยุนเรียกตราหยกจักรพรรดิออกมาอีกครั้งและเวลานี้ตราหยกจักรพรรดิที่ขยายใหญ่กว่าสามเมตร ก็กำลังลอยอยู่เหนือศรีษะของหลิงหยุนทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันให้กับเขา
  จากนั้นหลิงหยุนก็ได้สร้างโล่ลมปราณที่มีรัศมีสามเมตรปกคลุมร่างของตนเองไว้อีกชั้น แล้วสร้างโซ่หยิน–หยาง และกระแสวนหยิน–หยางขึ้นมาสำหรับปกป้องตนเองอีกหนึ่งชั้น
  หลิงหยุนคาดเดาว่าหลงเทียนฟางจะต้องเลือกใช้วิชาที่มีคุณสมบัติคล้ายกับวิชาพลังมังกรของตน แต่ตัวเขาเองนั้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ยังไม่คิดที่จะใช้วิชาพลังมังกรเลยแม้แต่น้อย
  แสงสีทองทอประกายสุกสว่างรอบตัวหลิงหยุนในขณะเดียวกันก็ได้สร้างหอกมังกรทองขึ้นล้อมรอบร่างกายของตนไว้ จากนั้นจึงเริ่มใช้วิชาหยางพิสุทธิ์ และแสงสีขาวสว่างเจิดจ้าก็เปล่งประกายออกจากร่าง ดูไม่ด้อยไปกว่าหลงเทียนฟางเลยแม้แต่น้อย
  กระบี่หยางพิสุทธิ์ที่มีความยาวสามเมตรและกว้างราวสองฟุต ก็ได้ปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุน ร่างที่แข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้อยู่ท่ามกลางแสงสีขาวสว่างเจิดจ้า!
  “ท่านน้าหญิงเย่ความช่วยเหลือของท่านในคืนนี้หลิงหยุนซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่เวลานี้ข้ากับหลงเทียนฟางประมือกันสองต่อสอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอท่านอย่าได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว เพราะข้าต้องการประมือกับหลงเทียนฟางอย่างยุติธรรม!”
  ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสามของตระกูลเย่พร้อมกับหันไปบอกเย่ชิงซินด้วยรอยยิ้ม
  –หลิงหยุนหากข้าเดาไม่ผิด ครั้งนี้หลงเทียนฟางจะต้องใช้วิชาตระกูลหลงสังหารเจ้าแน่ และน่าจะเป็นวิชามังกรพิโรธที่สามารถเพิ่มพลังให้กับเขาขึ้นอีกถึงเจ็ดหรือแปดเท่าในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวให้มาก!-
  ในการต่อสู้เพียงลำพังสองคนเช่นนี้เย่ชิงซินไม่อาจยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ นางจึงได้แต่ร้องเตือนหลิงหยุนผ่านทางกระแสจิตแทน
  –หลิงหยุนขอบคุณน้าหญิงเย่สำหรับคำตักเตือนแต่ข้าต้องขอให้ท่านรีบกลับออกไปจากที่นี่ หรือไม่หากต้องการดูการประลองระหว่างข้ากับหลงเทียนฟาง ก็ให้ถอยออกไปให้ห่างอย่างน้อยสามกิโลเมตร–
  เย่ชิงซินพยักหน้าและรู้ว่าจากนี้ไปการต่อสู้ระหว่างหลิงหยุนกับหลงเทียนฟางจะยิ่งดุเดือดกว่าเดิมมาก จึงเหลือบมองไปทางเย่เทียนตูและเย่เทียนสุ่ย จากนั้นทั้งสามคนก็ได้เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงขึ้นไปอีกราวสองกิโลเมตร และถอยร่นออกไปให้ห่างจากสนามต่อสู้ราวสามกิโลเมตรตามที่หลิงหยุนบอก
  เป็นไปไม่ได้เลยที่ทั้งสามคนจะยอมกลับไปการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ อย่าว่าแต่เย่เทียนตูกับเย่เทียนสุ่ยต้องการจะดูเลย แม้แต่เย่ชิงซินเองก็ต้องการที่จะดูด้วยเช่นกัน!
  “หลิงหยุนเหตุใดเจ้าจึงไม่ใช้กระบี่สีทองเมื่อครู่ต่อสู้กับข้า นี่เจ้าดูแคลนฝีมือของข้าถึงเพียงนี้เชียวรึ?”
  หลังจากที่หลงเทียนฟางเรียกใช้วิชามังกรพิโรธแล้วแต่เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนกลับไม่ใช้กระบี่จักรพรรดิมังกรกับตน จึงได้แต่ร้องถามขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ..
  หลิงหยุนหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับตอบไปว่า“ฮ่าๆๆๆ หลงเทียนฟาง เจ้ามันช่างไร้สตินัก หากข้าต้องการสังหารเจ้าจริงๆ ก่อนหน้านี้ข้าสามารถใช้กระบี่นั่นฆ่าเจ้าได้ในทันที เหตุใดยังต้องรอให้ถึงตอนนี้ด้วยเล่า”
  หลิงหยุนพูดความจริงเพราะเมื่อคราที่เขาสร้างกระบี่จักรพรรดิมังกรขึ้นมานั้น หากเขาต้องการสังหารคนตระกูลหลิงจริง แน่นอนว่าทั้งสามคนจะไม่มีผู้ใดสามารถมีชีวิตรอดกลับออกไปได้อย่างแน่นอน เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังโจมตีที่รุนแรงของกระบี่ัจักรพรรดิมังกร และต่อให้เขาใช้วิชาพลังมังกร พลังโจมตีของมันก็ยังด้อยกว่ากระบี่จักรพรรดิมังกรเกือบสิบเท่า ด้วยเหตุนี้หลังจากที่หลงฮ่าวเฉียนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ใช้มันอีก
  หลงเทียนฟางทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจนักก่อนจะร้องตะโกนออกไปเสียงดัง “หึ! ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้ตำหนิว่าข้าโหดเหี้ยมต่อเจ้าก็แล้วกัน เพราะข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
  หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆเขารู้ว่าเวลานี้หลงเทียนฟางกำลังโมโหอย่างที่สุด และได้เลือกไพ่ในมือที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาใช้
  จากนั้นจึงตอบหลงเทียนฟางกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ“ก็แล้วแต่เจ้า..”
  “หมายความว่าเจ้าจะไม่ใช้กระบี่สีทองนั่นจริงๆรึ!”
  และเวลานี้หลงเทียนฟางก็ได้เดินวิชาพลังมังกรจนพลังเต็มเปี่ยมแล้ว และตอนนี้แสงสีทองสุกสว่างรอบตัวเขาก็ได้อันตธานหายไป แต่กลับเปลี่ยนเป็นเกล็ดมังกรสีทองนับไม่ถ้วน ขึ้นปกคลุมตามร่างของเขาไว้จนทั่วทั้งตัว เวลานี้ร่างของหลงเทียนฟางดูราวกับมังกรจริงๆก็ไม่ปาน..
  ฟิ้ว..
  หลงเทียนฟางไม่เสียเวลาพล่ามไร้สาระอีกเพียงแค่พริบตาเดียวร่างของเขาก็ไปปรากฏอยู่ด้านหลังของหลิงหยุน พร้อมกับชกกำปั้นเขาไปที่แผ่นหลังของเขาทันทีหนึ่งหมัด!
  พลังปราณที่แข็งแกร่งจากหมัดของหลงเทียนฟางพุ่งทะลุฝ่าอากาศออกไปจนเกิดเป็นเสียงลมปะทะอย่างรุนแรง และเกิดเป็นเสียงดังที่น่าสะพรึงกลัวขึ้น..
  หลิงหยุนเองก็เตรียมพร้อมอยู่แล้วเช่นกันเขารีบใช้วิชาเงาลวงตาหลบหลีกออกมาได้ทันท่วงทีก่อนที่หมัดของหลงเทียนฟางจะสัมผัสเข้ากับแผ่นหลังของตน แล้วจึงควบคุมให้ตราหยกจักรพรรดิเคลื่อนมาต้านหมัดของหลงเทียนฟางชุดใหม่ไว้แทน
  ตูม!   พลังหมัดของหลงเทียนฟางปะทะเข้ากับตราหยกจักรพรรดิขนาดสามเมตรจนลอยละลิ่วออกไปไกลกว่าห้าร้อยเมตรในพริบตาเดียว..
  พลังที่เพิ่มขึ้นอีกแปดเท่าของหลงเทียนฟางนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
  ในวินาทีที่ตราหยกจักรพรรดิถูกชกจนกระเด็นลอยละลิ่วออกไปไกลนั้นหลิงหยุนรู้สึกตกใจอย่างมาก ราวกับว่าตนเองถูกทุบด้วยค้อนขนาดมหึมา!
  นั่นเพราะตราหยกจักรพรรดินั้นถูกควบคุมด้วยพลังจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนทันทีที่มันถูกชกด้วยพละกำลังที่รุนแรงถึงเพียงนั้น จุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนจึงราวกับถูกทุบอย่างรุนแรงไปด้วย
  แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็เพียงแค่รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนเท่านั้นแต่มิได้รับบาดเจ็บใดๆ เพราะเวลานี้แม้เขาจะเรียกกระบี่จักรพรรดิมังกรกลับเข้าไปแล้ว แต่ภายในจุดซือไห่ยังคงมีพลังอมตะหล่อเลี้ยงอยู่ จึงสามารถสะกัดกั้นพลังของหลงเทียนฟางไว้ได้ชั่วขณะหนึ่ง
  การที่หลิงหยุนใช้พลังอมตะของตนกลั่นเป็นเซียนหยวนแล้วเปลี่ยนเซียนหยวนเป็นกระบี่จักรพรรดิมังกรนั้น เวลานี้พลังอมตะอันทรงพลังเหล่านั้นยังคงไม่หายไป และนี่คือเหตุผลที่หลิงหยุนกล้าเผชิญหน้ากับหลงเทียนฟางที่แข็งแกร่งมากในตอนนี้
  ไม่เช่นนั้นมีหรือที่หลิงหยุนจะไม่ใช้วิชาพลังมังกรของตน ในเมื่อเวลานี้หลงเทียนฟางแข็งแกร่งกว่าเดิมถึงแปดเท่า..
  “หลงเทียนฟางแม้เจ้ากับข้าจะเป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ข้าต้องยอมรับว่าเจ้านั้นทั้งเก่ง และแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
  หลงเทียนฟางร้องคำรามออกมาเสียงดัง“เจ้าเลิกพล่ามไร้สาระเสียที ตอนนี้ตราหยกของเจ้าถูกข้าชกลอยหายไปแล้ว ข้าเองก็อยากจะรู้นักว่าเจ้ายังจะมีเกราะป้องกันอื่นใดอีก”
  ยังไม่ทันที่จะพูดประโยคดีหลงเทียนฟางก็พุ่งเข้าจู่โจมใส่หลิงหยุนอีกครั้ง และการเคลื่อนที่ของหลงเทียนฟางเวลานี้ก็รวดเร็วกว่าเดิมถึงแปดเท่า เพียงแค่พริบตาเดียว ร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของหลิงหยุน พร้อมกับกำปั้นที่ชกเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็วเช่นกัน
  แผ่นหลังของหลิงหยุนอีกแล้ว..และเป็นกระดูกสันหลังของเขาด้วย!
  หลงเทียนฟางพุ่งเข้าจู่โจมด้วยความรวดเร็วเช่นนี้หลิงหยุนจึงคร้านที่จะหลบหลีกอีก และเลือกที่จะใช้กระดูกสันหลังสีทองสุกสว่างของตน รับหมัดอันทรงพลังของหลงเทียนฟางแทน!
  ตูม!
  พลังหมัดสีทองของหลงเทียนฟางพุ่งปะทะเกราะลมปราณของหลิงหยุนจนทะลุ และหมัดสีทองของเขาก็กระแทกเข้ากับแผ่นหลังของหลิงหยุนอย่างแรง หลงเทียนฟางซัดหมัดทั้งสองข้างเข้ากลางแผ่นหลังของหลิงหยุนอย่างโกรธแค้น..
  หมัดสีทองน่าสะพรึงกลัวกระแทกเข้ากับกระดูกสันหลังสีทองของหลิงหยุนจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ..
  ปัง!
  ร่างของหลิงหยุนถูกหมัดที่มีพลังมากขึ้นกว่าเดิมถึงแปดเท่าชกเข้าจนลอยละลิ่วออกไปไกลก่อนจะร่วงลงสู่บ่อมังกรและจมดิ่งลึกลงไปลึกสามสิบเมตรในทันที!
  หลิงหยุนถึงกับงุนงงและเห็นดาวเต็มไปหมดแต่เพราะพลังอมตะในร่างของเขา และกระดูกสันหลังที่แข็งแกร่ง ทำให้หลิงหยุนไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่ก็ต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นน่ากลัวอย่างมากทีเดียว
  “หมัดของเจ้าเด็กนี่เพียงแค่สองหมัดถึงกับส่งข้าลงมาในบ่อมังกรเลยเชียวรึ”
  หลิงหยุนสะบัดศรีษะไล่ความมึนงงจากนั้นจึงตั้งสติและเริ่มเปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูใต้บ่อมังกรแห่งนี้..
  ภายใต้บ่อมังกรนั้นมืดมิดและดูเหมือนจะหาก้นบ่อไม่พบ ในระหว่างที่สำรวจดูอยู่นั้น เขาก็สังเกตเห็นดวงไฟสีแดงขนาดเท่ากำปั้นสองดวงกำลังกระพริบอยู่ และมันก็คือดวงตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองมาทางเขานั่นเอง..
  หลิงหยุนสังเกตเห็นว่าระหว่างดวงไฟสีแดงทั้งสองดวงนั้นห่างกันราวสามสิบเซ็นติเมตร ทำให้เขารู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่เบื้องล่างนี้ต้องมีขนาดใหญ่โตอย่างมาก
  “ข้าไม่มีเจตนามารบกวนเจ้าข้าจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้แล้ว!”
  หลิงหยุนรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจจากดวงตาสีแดงคู่นั้นเขาจึงรีบสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตนั้นผ่านกระแสจิตของตน..
  แต่ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะสื่อสารจบเขาก็พบว่าดวงตาสีแดงน่ากลัวคู่นั้นได้เคลื่อนขึ้นมาจากเบื้องล่างของบ่อมังกรอย่างรวดเร็ว!
  “แย่แล้ว!”
  และในวินาทีต่อมาหลิงหยุนก็สัมผัสได้ว่า ผืนน้ำรอบตัวเขานั้นหมุนอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้เขาไม่สามารถขยับเนื้อขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย
  หลิงหยุนเห็นดวงไฟสีแดงทั้งสองเคลื่อนเข้ามาใกล้ร่างของเขามากขึ้นเรื่อยๆเขาจึงรวบรวมพลังปราณสร้างกระบี่หยางพิสุทธิ์ขึ้นในมือ หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะมั่นใจว่ากระบี่หยางพิสุทธิ์ของตนนั้น จะสามารถสะกัดกั้นอสูรตนนี้ไว้ได้อย่างแน่นอน..
  บูม!
  แสงสีขาวสว่างโพลนขึ้นและดวงไฟสีแดงคู่นั้นก็ชะงักงันไปเล็กน้อย..
  แต่หลังจากนั้นหลิงหยุนก็พบว่าผืนน้ำเบื้องล่างได้แตกกระสานซ่านเซ็น และดวงไฟสีแดงดั่งเปลวไฟลุกโชนนั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
  ดวงไฟสีแดงนั้นสุกสว่างยิ่งนักและเมื่อมันเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ หลิงหยุนจึงสามารถมองเห็นร่างของอสูรตนนี้ได้อย่างชัดเจน..   มันคือมังกรสีแดง..ศรีษะของมันมีขนาดเท่ากับยางล้อรถยนต์ขนาดใหญ่ เขาทั้งสองข้างยาวกว่าหนึ่งเมตร รูปร่างของมันเวลานี้กำลังจะกลายร่างเป็นมังกรที่สง่างาม และน่าสะพรึงกลัว!
  “เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนบอกพร้อมกับเปลี่ยนจากกระบี่หยาง มาเป็นต้นหลิวเทวะวิญญาณของตระกูลหลิงแทน!
  ทันทีที่หลิวเทวะวิญญาณถอนรากออกจากสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพและพุ่งออกจากจุดตันเถียนของหลิงหยุน มันก็ขยายขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แตกกิ่งก้านสาขา และมีความสูงราวหกเมตรในทันที
  และในเวลานั้นเองกระแสน้ำเบื้องล่างบ่อมังกรก็กลับสู่ความเป็นปกติ หลิงหยุนจึงสามารถกลับมาเคลื่อนไหวร่างกายได้ดังเดิม และระหว่างตัวเขากับมังกรสีแดงตัวนี้ ก็มีต้นหลิวเทวะวิญญาณกั้นอยู่ ดวงตาโตสีแดงน่ากลัวของมันก็ได้หรี่เล็กลงในทันที!   ดวงตาสีแดงขนาดเท่ากำปั้นของมังกรที่จับจ้องไปทางต้นหลิวเทวะวิญญาณนั้นบ่งบอกถึงความหวาดกลัว แต่แล้วเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว ก็เปลี่ยนมาเป็นร้องคำรามด้วยความโกรธ ดวงตาสีแดงคู่นั้นลุกโชนขึ้นอีกครั้ง แล้วร่างใหญ่ยาวกว่าสิบเมตรของมันก็พุ่งเข้าใส่ต้นหลิวเทวะวิญญาณอย่างรวดเร็ว
  ตูม!
  หางใหญ่ยาวสีแดงของมันสะบัดรัดเข้ากับลำต้นของหลิวเทวะวิญญาณพร้อมกับเหวี่ยงสะบัดลำตัวไปมาอย่างแรง ทำให้เวลานี้บ่อมังกรทั้งบ่อเกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่ขึ้นมาทันที!
  แต่ถึงแม้จะสะบัดลำตัวไปมาอย่างรุนแรงมากเพียงใดมันกลับไม่สามารถขยับเขยื้อนหลิวเทวะวิญญาณ หรือทำให้เสียหายได้เลยแม้แต่น้อย..
  ตูม!ตูม!
  มังกรสีแดงจึงยิ่งโกรธเกรี้ยวมากกว่าเดิมมันใช้หางที่ใหญ่โตรัดเข้ากับต้นหลิวเทวะวิญญาณอย่างแรงหมายหักให้ขาดครึ่ง พร้อมกับสะบัดลำตัวไปมารุนแรงยิ่งกว่าเดิม และเวลานี้ทั้งบ่อมังกรก็กำลังเกิดคลื่นขนาดใหญ่ลูกแล้วลูกเล่าไม่หยุดหย่อน..
  “นี่!ต่อให้เจ้ารัดจนตาย เจ้าก็ไม่มีทางที่จะโค่นไม้ต้นนี้ได้แน่!”
  เมื่อเห็นว่ามังกรสีแดงไม่สามารถขยับเขยื้อนหลิวเทวะวิญญาณได้แน่แล้วหลิงหยุนจึงค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมา จากนั้นจึงเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาจากแหวนจักรวาลของตน!